พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925-926/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในสัญญาซื้อขายที่ดิน ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ
แม้ข้อความในสัญญาซื้อขายจะระบุว่าโจทก์ผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินเรียบร้อยแล้ว แต่โจทก์อ้างว่าการซื้อขายเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวงระหว่างคู่กรณีเท่ากันเป็นการกล่าวอ้างว่าหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างเอกสารสัญญาซื้อขายนั้นได้
โจทก์โอนโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยทำเป็นสัญญาซื้อขายณ สำนักงานที่ดิน ก็เพื่อที่จะให้จำเลยนำไปจำนองเป็นประกันเงินกู้จากธนาคารซึ่งจำเลยเป็นลูกค้าอยู่ เพื่อนำเงินมาไถ่การขายฝากที่ดินพิพาทจากผู้รับซื้อฝากโดยมิได้ตกลงซื้อขายกันจริงจัง สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวงระหว่างคู่กรณี ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118
โจทก์โอนโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยทำเป็นสัญญาซื้อขายณ สำนักงานที่ดิน ก็เพื่อที่จะให้จำเลยนำไปจำนองเป็นประกันเงินกู้จากธนาคารซึ่งจำเลยเป็นลูกค้าอยู่ เพื่อนำเงินมาไถ่การขายฝากที่ดินพิพาทจากผู้รับซื้อฝากโดยมิได้ตกลงซื้อขายกันจริงจัง สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวงระหว่างคู่กรณี ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925-926/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลวงในการซื้อขายที่ดิน: สัญญาตกเป็นโมฆะแม้มีการจดทะเบียน
แม้ข้อความในสัญญาซื้อขายจะระบุว่าโจทก์ผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินเรียบร้อยแล้ว แต่โจทก์อ้างว่าการซื้อขายเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวงระหว่างคู่กรณีเท่ากันเป็นการกล่าวอ้างว่า หนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างเอกสารสัญญาซื้อขายนั้นได้
โจทก์โอนโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยทำเป็นสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดิน ก็เพื่อที่จะให้จำเลยนำไปจำนองเป็นประกันเงินกู้จากธนาคารซึ่งจำเลยเป็นลูกค้าอยู่ เพื่อนำเงินมาไถ่การขายฝากที่ดินพิพาทจากผู้รับซื้อฝากโดยมิได้ตกลงซื้อขายกันจริงจัง สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวงระหว่างคู่กรณี ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118
โจทก์โอนโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยทำเป็นสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดิน ก็เพื่อที่จะให้จำเลยนำไปจำนองเป็นประกันเงินกู้จากธนาคารซึ่งจำเลยเป็นลูกค้าอยู่ เพื่อนำเงินมาไถ่การขายฝากที่ดินพิพาทจากผู้รับซื้อฝากโดยมิได้ตกลงซื้อขายกันจริงจัง สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวงระหว่างคู่กรณี ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ & นิติกรรมอำพราง: ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ สัญญาเช่าไม่เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาไถ่
ผู้ให้เช่าหาจำต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่าเสมอไปไม่ เมื่อจำเลยทำสัญญาเช่าบ้านและที่ดินกับโจทก์ แล้วจำเลยผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ จำเลยจะยกเหตุที่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่ามาเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้
ทรัพย์ที่โจทก์ให้เช่าเป็นของบุตรโจทก์ การฟ้องขับไล่จำเลยจึงไม่ใช่เป็นการจัดการสินสมรสของโจทก์กับสามีอันจะต้องทำร่วมกันตามป.พ.พ. ม.1476
กรณีจะเป็นนิติกรรมอำพรางได้จะต้องปรากฏว่า นิติกรรมที่อำพรางและนิติกรรมที่ถูกอำพรางคู่กรณีจะต้องเป็นบุคคลเดียวกันและต้องทำขึ้นในคราวเดียวกัน จำเลยนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปขายฝากโจทก์ร่วมโดยโจทก์เป็นผู้ลงชื่อรับซื้อฝากแทนโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยไม่ได้ไถ่ภายในกำหนด ทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยทำสัญญาเช่าจากโจทก์ สัญญาเช่านี้มิได้เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาไถ่ทรัพย์คืน แต่เป็นนิติกรรมที่โจทก์จำเลยมีเจตนาให้มีผลบังคับกันโดยแท้จริง มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ทรัพย์ที่โจทก์ให้เช่าเป็นของบุตรโจทก์ การฟ้องขับไล่จำเลยจึงไม่ใช่เป็นการจัดการสินสมรสของโจทก์กับสามีอันจะต้องทำร่วมกันตามป.พ.พ. ม.1476
กรณีจะเป็นนิติกรรมอำพรางได้จะต้องปรากฏว่า นิติกรรมที่อำพรางและนิติกรรมที่ถูกอำพรางคู่กรณีจะต้องเป็นบุคคลเดียวกันและต้องทำขึ้นในคราวเดียวกัน จำเลยนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปขายฝากโจทก์ร่วมโดยโจทก์เป็นผู้ลงชื่อรับซื้อฝากแทนโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยไม่ได้ไถ่ภายในกำหนด ทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของโจทก์ร่วมต่อมาจำเลยทำสัญญาเช่าจากโจทก์ สัญญาเช่านี้มิได้เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาไถ่ทรัพย์คืน แต่เป็นนิติกรรมที่โจทก์จำเลยมีเจตนาให้มีผลบังคับกันโดยแท้จริง มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในการทำสัญญาหย่าและการบังคับคดียึดทรัพย์สิน
หนังสือข้อตกลงหย่าและการจดทะเบียนหย่า ผู้ร้องกับจำเลยแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้ระหว่างกันกระทำขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการกระทำขึ้นโดยสมยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดจึงเป็นสินสมรสซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันผู้ร้องไม่มีอำนาจมาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในการหย่าและการยึดทรัพย์สิน: สิทธิของเจ้าหนี้ต่อสินสมรส
หนังสือข้อตกลงหย่าและการจดทะเบียนหย่า ผู้ร้องกับจำเลยแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้ระหว่างกันกระทำขึ้นหรืออีกนัยหนึ่งเป็นการกระทำขึ้นโดยสมยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดจึงเป็นสินสมรสซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันผู้ร้องไม่มีอำนาจมาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3093-3094/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: สัญญาขายฝากเป็นโมฆะ หากมีเจตนาซ่อนเร้นการกู้เงิน
โจทก์ทำสัญญาขายฝากแก่จำเลย โดยโจทก์ยังไม่ได้รับเงินเป็นการอำพรางนิติกรรมการกู้เงินที่จะกู้เป็นงวด ๆ ในจำนวนใกล้เคียงกับจำนวนเงินในสัญญาขายฝาก สัญญาขายฝากจึงเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมสัญญากู้เงินตามงวดที่ถูกอำพรางไว้เป็นอันใช้บังคับได้ แม้การกู้เงินบางงวดมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ย่อมถือได้ว่า เอกสารการขายฝากเป็นนิติกรรมสัญญากู้เงินที่ทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อนิติกรรมขายฝากเป็นโมฆะ จำเลยชอบที่จะคืนทรัพย์ตามสัญญาขายฝากและรับเงิน จำนวนที่ให้กู้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยังเป็นของโจทก์ แม้โอนทะเบียนให้บริษัทขนส่งเพื่อวิ่งรับจ้าง และกองทัพอากาศต้องรับผิดในฐานะผู้สั่งการ
โจทก์นำรถเข้าวิ่งรับส่งคนโดยสารร่วมในเส้นทางสัมปทานของบริษัทขนส่ง จำกัด โดยบริษัทขนส่ง จำกัด เรียกค่าตอบแทนจากโจทก์เป็นรายเที่ยว และโจทก์ต้องทำสัญญาโอนทะเบียนรถใส่ชื่อบริษัทขนส่ง จำกัด เป็นเจ้าของ ในระหว่างที่โจทก์ยังคงใช้รถในเส้นทางดังกล่าวอยู่ สัญญาทำกันเป็นรายปี หากไม่ต่อสัญญาจะต้องโอนทะเบียนรถคืนให้แก่โจทก์ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการใช้รถยังคงเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องจ่ายเองทั้งสิ้น พฤติการณ์ตามข้อตกลงดังกล่าว ไม่พอฟังว่าโจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ในรถให้แก่บริษัทขนส่ง จำกัดไปโดยแท้จริงเพราะไม่ปรากฏว่าบริษัทขนส่งจำกัด ได้ชำระราคารถนั้นแต่อย่างใด ทั้งมีข้อตกลงว่าถ้าไม่มีการต่อสัญญาทะเบียนรถจะโอนกลับเป็นของโจทก์ กรรมสิทธิ์ในรถคันดังกล่าวยังเป็นของโจทก์
กรมการบินพลเรือนเป็นหน่วยราชการในสังกัดของจำเลยที่ 3ร้านค้าในกรมได้ตั้งขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของเจ้ากรมเพื่อเป็นการช่วยเหลือข้าราชการในสังกัดของจำเลยที่ 3 ในด้านสวัสดิการต่างๆอันเป็นนโยบายประการหนึ่งของจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 รับราชการมีหน้าที่ขับรถยนต์ของกรมการบินพลเรือน ได้ขับรถยนต์ไปทำการขนข้าวสารอันเป็นกิจการของร้านค้ากรมการบินพลเรือน ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในทางราชการส่วนหนึ่ง ดังนี้ จำเลยที่ 3 จะอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องนอกเหนือวัตถุประสงค์ นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดไม่ได้
กรมการบินพลเรือนเป็นหน่วยราชการในสังกัดของจำเลยที่ 3ร้านค้าในกรมได้ตั้งขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของเจ้ากรมเพื่อเป็นการช่วยเหลือข้าราชการในสังกัดของจำเลยที่ 3 ในด้านสวัสดิการต่างๆอันเป็นนโยบายประการหนึ่งของจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 รับราชการมีหน้าที่ขับรถยนต์ของกรมการบินพลเรือน ได้ขับรถยนต์ไปทำการขนข้าวสารอันเป็นกิจการของร้านค้ากรมการบินพลเรือน ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในทางราชการส่วนหนึ่ง ดังนี้ จำเลยที่ 3 จะอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องนอกเหนือวัตถุประสงค์ นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมขายฝากเป็นโมฆะเมื่อมีเจตนาลวงเพื่อนำไปจำนอง โจทก์มีสิทธิเรียกคืนที่ดิน
โจทก์ประสงค์จะจำนองที่พิพาทแต่ถ้าโจทก์จำนองด้วยตนเองจะไม่ได้เงินมากตามจำนวนที่ต้องการ จึงได้ตกลงทำเป็นจดทะเบียนขายฝากที่พิพาทไว้กับจำเลยก่อน แล้วให้จำเลยนำที่ดินไปจำนองบริษัท ท. ซึ่งผู้จัดการเป็นญาติกับจำเลยเอาเงินมาให้โจทก์ ดังนี้ นิติกรรมขายฝากดังกล่าวเป็นเพียงเจตนาลวงเพื่อให้จำเลยนำที่พิพาทไปจำนองเท่านั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118คือไม่มีสัญญาขายฝากต่อกัน ที่พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์มีอำนาจเรียกที่พิพาทคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ จำเลยมีหน้าที่คืนที่พิพาทและโอนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม เงินที่โจทก์ได้มาไม่ใช่เงินของจำเลยอันโจทก์จะพึงคืนให้แก่จำเลย แต่เป็นเงินซึ่งโจทก์จะต้องชำระคืนให้แก่ผู้รับจำนองซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยตรงส่วนจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นย่อมเป็นไปตามมูลหนี้ที่ปรากฏอยู่ในสัญญาจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางสัญญาขายฝากบังคับคดีได้ จำเลยต้องคืนเงินส่วนเกินหลังหักเงินกู้
โจทก์ตกลงกู้เงินจากจำเลยโดยเอาที่พิพาทจำนองค้ำประกันแต่ทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพราง และเมื่อปรากฏว่าจำเลยขายที่พิพาทให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว จำเลยก็ต้องคืนเงินดังกล่าวให้โจทก์โดยหักเงินที่โจทก์กู้ออกจากเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: การกู้ยืมเงินที่ทำสัญญาขายฝากเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมาย
เดิมโจทก์มีเจตนาเพียงกู้เงินจากจำเลยไม่ประสงค์จะขายฝากที่พิพาท แต่เมื่อจำเลยให้โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาทซึ่งถ้าโจทก์ไม่ยอมทำขายฝากจำเลยก็จะไม่ให้เงินในที่สุดโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาขายฝากให้เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาทโดยความสมัครใจของโจทก์เองสัญญาขายฝากหาใช่เกิดจากเจตนาลวงด้วยการสมรู้ของโจทก์จำเลยที่ทำเพื่อจะอำพรางการกู้ยืมเงินไม่ สัญญาขายฝากดังกล่าวจึงมิใช่นิติกรรมอำพราง