คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 174 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 331 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3924/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความย้ายภูมิลำเนาแล้วไม่ติดตามผลการส่งหมายนัด ถือเป็นเหตุทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้ ศาลพิจารณาค่าฤชาธรรมเนียม
ผู้คัดค้านยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2534ศาลชั้นต้นสั่งในวันเดียวกันว่า "รับอุทธรณ์ผู้คัดค้าน สำเนาให้ผู้ร้อง ให้ผู้คัดค้านนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน เพื่อดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์" ผู้คัดค้านได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดแล้ว ต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2534พนักงานส่งหมายรายงานว่า ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่ น. ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้ร้องไม่ได้ จากผลดังกล่าวผู้คัดค้านต้องแถลงให้ศาลทราบภายใน 15 วัน ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปกล่าวคือต้องแถลงภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2534 ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2534 รองจ่าศาลได้รายงานให้ศาลทราบว่า ผู้คัดค้านไม่ได้แถลงภายในกำหนด ถือว่าผู้คัดค้านจงใจทิ้งฟ้องอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3914/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการยืนยันภูมิลำเนาจำเลย
พนักงานเดินหมายได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยทั้งสามตามภูมิลำเนาในคำฟ้องแล้ว ไม่พบจำเลยทั้งสาม บ้านปิดประตูใส่กุญแจ ไม่มีผู้ใดทราบว่าคนในบ้านออกไปที่ใด จึงส่งไม่ได้ ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสาม ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องอีกครั้ง หากส่งไม่ได้ขอให้ปิดหมายและสำเนาคำฟ้อง โดยโจทก์แนบหนังสือรับรองการจดทะเบียนประกอบข้ออ้าง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า "หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำเลยที่ 1 นายทะเบียนระบุว่าบริษัทจำเลยที่ 1 นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างตามความในมาตรา 1246 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้อง ให้โจทก์ยืนยันหลักฐานภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามใหม่ภายใน 15 วัน การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้รอไว้ก่อน" คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดกระบวณพิจารณาอย่างหนึ่งของศาล เมื่อทนายโจทก์ลงลายมือชื่อในคำแถลงซึ่งมีหมายเหตุไว้ด้วยว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว ย่อมถือได้ว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนั้นแล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องส่งคำสั่งดังกล่าวให้ทนายโจทก์ทราบซ้ำอีก ดังนั้นการที่ทนายโจทก์มิได้ดำเนินการตามกระบวนพิจารณาภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป .วิ.พ. มาตรา 174 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3696/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาและการรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อจำเลยหลักไม่ต้องรับผิด
โจทก์ลงชื่อจะมาทราบคำสั่งศาลในวันที่ 16 เมษายน 2534ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2534 ถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นำส่งสำเนาฎีกาแก่จำเลยภายใน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน2534 แล้ว เมื่อโจทก์ไม่นำส่งตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบมาตรา 246,247 ในชั้นฎีกาโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1, ที่ 2และที่ 4 คดีสำหรับจำเลยดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องโดยจำเลยดังกล่าวไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนนั้น เมื่อจำเลยที่ 1ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 จึงได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3528/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งคำฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา และการถือว่าจำเลยทราบคำสั่งตามที่ระบุไว้
วันที่ 25 มีนาคม 2535 ทนายความจำเลยผู้มีอำนาจใช้สิทธิฎีกาได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นฎีกาคำร้องคำแถลงเสียค่าฤชาธรรมเนียมศาลและนำหมายฎีกา ในวันเดียวกันนั้นเองเสมียนทนายได้ลงนามรับทราบข้อความที่ว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 1 เมษายน 2535 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2535 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องฎีกาของจำเลยให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 5 วัน จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถือได้ว่าเป็นการทิ้งคำฟ้องฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำสั่งศาลโดยเจตนาของจำเลย และผลของการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลา
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2533 เสมียนทนายจำเลยลงชื่อในตรายางซึ่งประทับในฎีกามีความว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" เมื่อศาลชั้นต้นสั่งฎีกาของจำเลยและกำหนดเวลาให้จำเลยส่งสำเนาฎีกาให้อีกฝ่ายหนึ่งภายใน 7 วัน นับแต่ทราบคำสั่ง ในวันรุ่งขึ้นหลังจากจำเลยยื่นฎีกา 1 วันถือว่าเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยยอมรับว่าจะมาฟังคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2533ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ฉะนั้น แม้จำเลยจะมิได้มาฟังคำสั่ง ก็ถือว่าคำสั่งศาลนั้นได้ส่งให้จำเลยโดยชอบ และจำเลยทราบคำสั่งนั้นแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 ระยะเวลาสิ้นสุดที่จำเลยจะต้องนำส่งสำเนาฎีกาตามคำสั่งศาลชั้นต้นคือวันที่ 7 ธันวาคม 2533 แต่ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2534 ว่าจำเลยมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาในกำหนดนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2096/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยภายใน 15 วัน โจทก์มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ดังนี้ เป็นการทิ้งฟ้องตามป.วิ.พ. มาตรา 174(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีล้มละลาย: การจำหน่ายชื่อออกจากบัญชีลูกหนี้ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ หากไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามกำหนด ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
การที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ เนื่องจากไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ เท่ากับให้ศาลวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งยืนยันไป หากศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องชนะคดี ทุกข์ของผู้ร้องย่อมปลดเปลื้องไปตามจำนวนเงินที่ผู้ร้องไม่ต้องชำระหนี้ คำร้องของผู้ร้องจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามตาราง 1 ข้อ (1)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 179 วรรคท้าย ผู้ร้องจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อศาลอุทธรณ์สั่งให้ผู้ร้องนำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่มาชำระ แต่ผู้ร้องเพิกเฉย จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฎีกาเนื่องจากโจทก์ไม่ดำเนินการเมื่อศาลสั่งให้แถลงวิธีดำเนินการเมื่อส่งหมายนัดจำเลยไม่ได้
เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ ศาลชั้นต้นให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 7 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วไม่แถลงภายในเวลาที่กำหนดถือว่าโจทก์ทิ้งฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว ได้สั่งให้ โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน แต่โจทก์มิได้มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ ให้แก่จำเลยภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อีกทั้งโจทก์กระทำเพียงเสียค่าธรรมเนียมในการนำส่งเท่านั้น มิได้นำส่งเอง กรณีถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งเอกสาร ทำให้คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยจัดการนำส่ง สำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในกำหนดแม้จะสั่งหลังจากวันที่จำเลยยื่นฎีกา แต่ในหน้าแรกของฎีกาของจำเลยทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อทราบข้อความซึ่งประทับด้วยตรายางของศาลชั้นต้นซึ่งมีข้อความว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 6 พฤษภาคม2534 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยยอมรับผูกพันตนเองว่าจะมาฟังคำสั่งในวันดังกล่าวถ้าไม่มาให้ถือว่าจำเลยทราบคำสั่งของศาลแล้ว การที่จำเลยเพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดนับแต่วันทราบคำสั่งจึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247.
of 34