พบผลลัพธ์ทั้งหมด 331 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์นำส่งหมายนัด – เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี – ศาลสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว
แม้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 184 บัญญัติให้ศาลออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้แก่คู่ความ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่นำส่งหมายนัด และโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว ก็มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งนั้น ทั้ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 ก็ให้อำนาจศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งหมายนัดได้ คำสั่งศาลดังกล่าวจึงชอบแล้ว
ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18 เมษายน 2527 โดยให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลย หมายนัดออกวันที่ 15 มีนาคม2527 และส่งไปถึงงานเดินหมายและประกาศ กรมบังคับคดีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2527 โจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนกระทั่งวันที่ 12เมษายน 2527 จึงได้ไปติดต่อที่งานเดินหมายแต่โจทก์ไม่นำส่งทั้งที่ศาลออกหมายนัดถึงทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18 เมษายน 2527 โดยให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลย หมายนัดออกวันที่ 15 มีนาคม2527 และส่งไปถึงงานเดินหมายและประกาศ กรมบังคับคดีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2527 โจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนกระทั่งวันที่ 12เมษายน 2527 จึงได้ไปติดต่อที่งานเดินหมายแต่โจทก์ไม่นำส่งทั้งที่ศาลออกหมายนัดถึงทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์นำส่งหมายนัดและการเพิกเฉยคดี ศาลจำหน่ายคดีชอบแล้ว
แม้ ป.วิ.พ. มาตรา 184 บัญญัติให้ศาลออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้แก่คู่ความ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่นำส่งหมายนัด และโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว ก็มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งนั้น ทั้ง ป.วิ.พ. มาตรา 70ก็ให้อำนาจศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งหมายนัดได้คำสั่งศาลดังกล่าวจึงชอบแล้ว ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18 เมษายน 2527 โดยให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลย หมายนัดออกวันที่ 15 มีนาคม2527 และส่งไปถึงงานเดินหมายและประกาศ กรมบังคับคดีเมื่อวันที่19 มีนาคม 2527 โจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนกระทั่งวันที่ 12เมษายน 2527 จึงได้ไปติดต่อที่งานเดินหมาย แต่โจทก์ไม่นำส่งทั้งที่ศาลออกหมายนัดถึงทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องโจทก์และสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ ซึ่งถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงว่าได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 2แล้วแต่ส่งไม่ได้ขอให้จัดส่งใหม่ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องว่าส่งไม่ได้แล้ว เมื่อนับจากวันที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้จนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นั้นเกิน 15 วันแล้วการที่โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบเป็นการทิ้งฟ้อง ชอบที่ศาลชั้นต้นจะจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2ออกจากสารบบความได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 แม้จะไม่ทำให้คดีเสร็จทั้งเรื่องแต่เป็นเหตุให้คดีโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไปจึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้.
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 แม้จะไม่ทำให้คดีเสร็จทั้งเรื่องแต่เป็นเหตุให้คดีโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไปจึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ดำเนินการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายในกำหนดเวลา และสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องโจทก์และสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ ซึ่งถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงว่าได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 2 แล้วแต่ส่งไม่ได้ขอให้จัดส่งใหม่ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องว่าส่งไม่ได้แล้ว เมื่อนับจากวันที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้ จนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับ จำเลยที่ 2 นั้นเกิน 15 วัน แล้วการที่โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบเป็นการทิ้งฟ้อง ชอบที่ศาลชั้นต้นจะจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2ออกจากสารบบความได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 แม้จะไม่ทำให้คดีเสร็จทั้งเรื่องแต่เป็นเหตุให้คดีโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไปจึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้.
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 แม้จะไม่ทำให้คดีเสร็จทั้งเรื่องแต่เป็นเหตุให้คดีโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไปจึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายในกำหนด
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2มีผลทำให้คดีของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไป จึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ทันที ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า ให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลย ถ้า ส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ปรากฏว่าส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2527 โจทก์ยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 12พฤศจิกายน 2527 ขอให้จัดส่งหมายแก่จำเลยที่ 2 ใหม่ ในคำแถลงดังกล่าวมีข้อความชัด ว่าโจทก์ได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ดังนั้นต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลของการการส่งหมายว่าส่งไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2527 ซึ่งเมื่อนับจากวันที่ส่งหมายไม่ได้จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นั้นเกิน 15 วันแล้ว การที่โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉย ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2)จึงเป็นการที่โจทก์ทิ้งฟ้องแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์: ศาลสอบคู่ความถือเป็นการไต่สวนแล้ว และมีอำนาจตีราคาทรัพย์ตามเจ้าพนักงานบังคับคดีได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ ศาลสอบคู่ความเกี่ยวกับราคาทรัพย์ที่พิพาทแล้วตีราคาตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมิน และสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มภายใน 15 วัน ดังนี้การที่ศาลสอบคู่ความและจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งที่ศาลมีอำนาจกระทำได้และถือว่าเป็นการไต่สวนแล้ว หากให้คู่ความนำพยานเข้าสืบไต่สวนก็จะไม่ได้ข้อเท็จจริงแตกต่างนอกเหนือจากการสอบคู่ความและไม่อาจทำให้ประเด็นที่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงไป ศาลย่อมมีอำนาจนำข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบคู่ความมารับฟังประกอบการใช้ดุลพินิจทำคำสั่งตามที่เห็นควรได้ เมื่อผู้ร้องไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในเวลาที่ศาลกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์: ศาลมีอำนาจสอบคู่ความและใช้ดุลพินิจตีราคาทรัพย์สินได้ แม้ไม่ได้ไต่สวนพยานเพิ่มเติม
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ ศาลสอบคู่ความเกี่ยวกับราคาทรัพย์ที่พิพาทแล้วตีราคาตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมิน และสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มภายใน 15 วัน ดังนี้การที่ศาลสอบคู่ความและจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งที่ศาลมีอำนาจกระทำได้และถือว่าเป็นการไต่สวนแล้ว หากให้คู่ความนำพยานเข้าสืบไต่สวนก็จะไม่ได้ข้อเท็จจริงแตก ต่างนอกเหนือจากการสอบคู่ความและไม่อาจทำให้ประเด็นที่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงไป ศาลย่อมมีอำนาจนำข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบคู่ความมารับฟังประกอบการใช้ดุลพินิจ ทำคำสั่งตามที่เห็นควรได้ เมื่อผู้ร้องไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในเวลาที่ศาลกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล แม้เข้าใจผิดเรื่องค่าธรรมเนียม
การที่โจทก์ไม่มานำส่งหมายนัดให้แก่จำเลยตามคำสั่งศาลจะเป็นโดยสับสนหรือหลงผิดเข้าใจว่าได้วางเงินค่าธรรมเนียมในการส่งหมายต่อเจ้าหน้าที่ศาลเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายนัด แม้จะเข้าใจผิดเรื่องค่าธรรมเนียม
การที่โจทก์ไม่มานำส่งหมายนัดให้แก่จำเลยตามคำสั่งศาลจะเป็นโดยสับสนหรือหลงผิดเข้าใจว่าได้วางเงินค่าธรรมเนียมในการส่งหมายต่อเจ้าหน้าที่ศาลเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2)