คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 57 (3)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 162 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเรียกบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องยื่นคำร้องพร้อมฟ้อง/ให้การ หรือแสดงเหตุผลที่ไม่อาจยื่นก่อนได้
การที่คู่ความขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีนั้น ต้องยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องคำให้การ หรือในเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาลเมื่อศาลเป็นที่พอใจว่า คำร้องไม่อาจยื่นก่อนนั้นได้ ฉะนั้น เมื่อจำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วมเมื่อจำเลยให้การแล้วถึง 4 เดือน โดยไม่แสดงเหตุที่ไม่อาจ ร้องก่อนได้ ศาลจึงไม่อาจจัดการให้ตามคำร้องนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-13/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมต้องเพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์อื่น การฟ้องเคลือบคลุม และหน้าที่ของผู้เช่า
อสังหาริมทรัพย์อาจตกอยู่ในภาระจำยอม ก็เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นเท่านั้น จะอ้างว่าใช้ที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์แก่การค้าน้ำแข็งหาได้ไม่
ผู้ที่ต้องยอมรับภารจำยอมคือ เจ้าของทรัพย์ จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของวัด จำเลยย่อมไม่มีหน้าที่จะ ยกวัดเข้ามาเป็นจำเลย
โจทก์ฟ้องอ้างภาระจำยอม โดยกล่าวว่า โจทก์ได้ใช้ที่ดินนั้นเข้าออกเพื่อประโยชน์อื่น เช่นนี้ เป็นการฟ้องเคลือบคลุม ไม่แจ้งชัดว่าประโยชน์ใด โจทก์จะนำสืบมิได้ เพราะไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรค 2
ประเด็นในคดีเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของโจทก์ภายหลังการกั้นรั้วของจำเลยหรือเพราะเหตุที่กั้นรั้วนั้น ว่าโจทก์ยังสุขสบายตามสมควรหรือไม่ เช่นนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยานถึงความสุขสบายของโจทก์ ตั้งแต่ครั้งที่จำเลยยังไม่กั้นรั้วและศาลยังไม่ไปเดินเผชิญสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-13/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมต้องเพื่อประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์อื่น การฟ้องไม่ชัดแจ้ง และการสืบพยานสุขภาพ
อสังหาริมทรัพย์อาจตกอยู่ในภารจำยอมก็เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นเท่านั้น จะอ้างว่าใช้ที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์แก่การค้าน้ำแข็งหาได้ไม่
ผู้ที่ต้องยอมรับภารจำยอม คือ เจ้าของทรัพย์ จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของวัด จำเลยย่อมไม่มีหน้าที่จะเรียกวัดเข้ามาเป็นจำเลย
โจทก์ฟ้องอ้างภารจำยอม โดยกล่าวว่าโจทก์ได้ใช้ที่ดินนั้นเข้าออกเพื่อประโยชน์อื่น เช่นนี้ เป็นการฟ้องเคลือบคลุม ไม่แจ้งชัดว่าประโยชน์ใด โจทก์จะนำสืบมิได้เพราะไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
ประเด็นในคดีเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของโจทก์ภายหลังการกั้นรั้วของจำเลยหรือเพราะเหตุที่กั้นรั้วนั้นว่าโจทก์ยังสุขสบายตามสมควรหรือไม่ เช่นนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยานถึงความสุขสบายของโจทก์ตั้งแต่ครั้งที่จำเลยยังไม่กั้นรั้วและศาลยังไม่ไปเดินเผชิญสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการครอบครองก่อนสัญญาเช่า: โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ครอบครองก่อนไม่ได้ หากไม่ร่วมฟ้องเจ้าของเดิม
จำเลยได้ครอบครองห้องพิพาทอยู่ก่อนที่โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิม เมื่อจำเลยไม่ยอมให้โจทก์เข้าครอบครองกรณีต้องด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477,549 ซึ่งถ้าโจทก์ไม่ขอให้ศาลเรียกเจ้าของเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในคดีแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยโดยลำพังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676-689/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องขับไล่ของผู้เช่าและการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้ให้เช่า
โจทก์เช่าตึกจากสำนักงานทรัพย์สินฯ แล้วเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าไม่ได้โดยมีผู้รบกวนขัดสิทธิ์ โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477 และ 549 แต่มีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่โดยลำพังไม่
ค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเรียกมาแล้ว ถ้ามิได้โต้แย้งไว้แต่แรกจะมาคัดค้านในชั้นศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อสำนักงานทรัพย์สินฯผู้ให้เช่าถูกหมายเรียกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนแล้วก็ไม่จำต้องยื่นฟ้องใหม่
of 17