คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 315

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานเป็นคนกลางเรียกค่าไถ่ จำเลยให้ความช่วยเหลือในการหาเงินค่าไถ่ เข้าข่ายความผิดฐานนั้น มิใช่แค่สนับสนุน
จำเลยที่1กับจำเลยคนอื่นร่วมกันจับตัวผู้เสียหายไปเพื่อเรียกค่าไถ่ขณะที่บุตรชายของผู้เสียหายนำเงินค่าไถ่ไปให้จำเลยที่1มีจำเลยที่2และจำเลยที่4ซึ่งเป็นภรรยาของจำเลยที่1กับพวกอีก3คนอยู่ในที่นั้นด้วยจำเลยที่4พูดกับบุตรชายของผู้เสียหายว่า'เขาเอาเท่าไหร่ก็ให้เขาไปเสียจะได้หมดเวรหมดกรรมกัน'พฤติการณ์ของจำเลยที่4เป็นการช่วยพูดให้บุตรชายผู้เสียหายหาเงินค่าไถ่มาให้ตามที่พวกจำเลยเรียกร้องเข้าลักษณะความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินจากผู้ที่จะให้ค่าไถ่มิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวเท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกค่าไถ่ พฤติการณ์สนับสนุนการหาเงินค่าไถ่เข้าข่ายความผิดฐานดังกล่าว
จำเลยที่1กับจำเลยคนอื่นร่วมกันจับตัวผู้เสียหายไปเพื่อเรียกค่าไถ่ขณะที่บุตรชายของผู้เสียหายนำเงินค่าไถ่ไปให้จำเลยที่1มีจำเลยที่2และจำเลยที่4ซึ่งเป็นภรรยาของจำเลยที่1กับพวกอีก3คนอยู่ในที่นั้นด้วยจำเลยที่4พูดกับบุตรชายของผู้เสียหายว่า"เขาเอาเท่าไหร่ก็ให้เขาไปเสียจะได้หมดเวรหมดกรรมกัน"พฤติการณ์ของจำเลยที่4เป็นการช่วยพูดให้บุตรชายผู้เสียหายหาเงินค่าไถ่มาให้ตามที่พวกจำเลยเรียกร้องเข้าลักษณะความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินจากผู้ที่จะให้ค่าไถ่มิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือผู้เสียหายเรียกค่าไถ่โดยสุจริต ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315
จำเลยที่ 2 ติดต่อคนร้ายเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกจับไปเรียกค่าไถ่โดยสุจริต ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อไปในทำนองว่ามีส่วนได้เสียหรือร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย ผู้เสียหายกับจำเลยอยู่คนละจังหวัด การเดินทางไปติดต่อคนร้ายก็ดี ติดต่อผู้เสียหายก็ดี ย่อมต้องเสียค่าใช้จ่าย การที่ผู้เสียหายมอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยเป็นค่าใช้จ่าย เงินดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่มิควรได้ตามความหมายของมาตรา 315 แห่งประมวลกฎหมายอาญา การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กลางช่วยเหลือเรียกค่าไถ่โดยสุจริต ไม่ใช่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315
จำเลยที่ 2 ติดต่อคนร้ายเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกจับไปเรียก ค่าไถ่โดยสุจริต ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อไปในทำนองว่ามีส่วนได้เสียหรือ ร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย ผู้เสียหายกับจำเลยอยู่คนละจังหวัด การเดินทางไปติดต่อคนร้ายก็ดี ติดต่อผู้เสียหายก็ดีย่อมต้องเสียค่าใช้จ่าย การที่ผู้เสียหายมอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยเป็นค่าใช้จ่ายเงินดังกล่าว จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่มิควรได้ตามความหมายของมาตรา 315 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนกลางเรียกค่าไถ่: แม้ไม่ร่วมจับกุม แต่มีความสัมพันธ์กับคนร้าย ศาลลงโทษตามมาตรา 315
คนร้ายจับผู้เสียหายไปเรียกค่าไถ่ พี่ผู้เสียหายออกตามพบจำเลยซึ่งเรียกให้รถหยุดแล้วจำเลยเป็นผู้ต่อรองค่าไถ่ด้วยตนเอง ลดจำนวนค่าไถ่ลง เมื่อได้ค่าไถ่แล้ว จำเลยก็สามารถจัดการให้คนร้ายปล่อยผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับคนร้ายเป็นอย่างดี เข้าลักษณะกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินมิควรได้จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313,314 แต่การเรียกค่าไถ่เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่โจทก์กล่าวหาจำเลยมาในฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 315 ตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
จำเลยจัดให้ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพกลับคืนมาก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยผู้เสียหายมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ชอบที่จะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนกลางเรียกค่าไถ่ ลดโทษผู้ช่วยเหลือปล่อยตัวผู้ถูกกักขัง
คนร้ายปล้นรถโดยสารของ ล. ไป และจับ ล. ไปกักขังไว้ เพื่อเรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาให้ภรรยาของ ล. เรียกค่าไถ่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ร่วมกระทำการกับคนร้ายในการจับตัว ล. ไปหรือร่วมในการกักขัง ล. ทั้งไม่ได้สนับสนุนการกระทำดังกล่าวปรากฏเพียงว่าจำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาแสดงต่อภรรยา ล. ดังกล่าวแล้วและเจรจาต่อรองค่าไถ่ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 3 ได้พูดกับภรรยา ล. หลังจากที่ ล. ถูกจับตัวไปว่าไม่ต้องร้อนใจหาเงินมาไถ่ก็แล้วกันและเมื่อภรรยา ล. จ่ายเงินให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ไปกับจำเลยที่ 3 ไปรับ ล. มา เช่นนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินที่มิควรได้ จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่การเรียกค่าไถ่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำตามที่โจทก์กล่าวหาจำเลยมาในฟ้องแล้วนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดหรือบทมาตราที่ถูกต้องที่ได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315แต่ได้จัดให้ผู้ถูกคนร้ายเอาตัวไปได้รับเสรีภาพ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตจึงชอบที่จะได้รับการลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนกลางเรียกค่าไถ่: การกระทำความผิดและข้อยกเว้นลดโทษ
คนร้ายปล้นรถโดยสารของ ล.ไป และจับ ล.ไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาให้ภรรยาของ ล.เรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ร่วมกระทำการกับคนร้ายในการจับตัว ล.ไป หรือร่วมในการกักขัง ล. ทั้งไม่ได้สนับสนุนการกระทำดังกล่าว ปรากฏเพียงว่าจำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาแสดงต่อภรรยา ล.ดังกล่าวแล้วและเจรจาต่อรองค่าไถ่ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 3 ได้พูดกับภรรยา ล. หลังจากที่ ล.ถูกจับตัวไปว่าไม่ต้องร้อนใจ หาเงินมาไถ่ก็แล้วกัน และเมื่อภรรยา ล.จ่ายเงินให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ไปกับจำเลยที่ 3 ไปรับล.มา เช่นนี้ จำเลยที่ 2และที่ 3 จึงมีความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินที่มิควรได้ จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่การเรียกค่าไถ่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำตามที่โจทก์กล่าวหาจำเลยมาในฟ้องแล้วนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดหรือบทมาตราที่ถูกต้องที่ได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แต่ได้จัดให้ผู้ถูกคนร้ายเอาตัวไปได้รับเสรีภาพ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต จึงชอบที่จะได้รับการลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับเงินค่าไถ่โดยมีส่วนได้เสียกับคนร้าย ไม่ถือเป็นความช่วยเหลือโดยสุจริต
รับเงินจากผู้เสียหายไปให้คนร้ายเป็นค่าไถ่โดยมีส่วนได้เสียร่วมกับคนร้าย ไม่ใช่ช่วยเหลือผู้เสียหายโดยสุจริต เป็นความผิดตามมาตรา 315

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างฐานความผิดผิดพลาด ศาลแก้ไขฐานความผิดได้ตามข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
จำเลยขอให้โจทก์ลงลายมือในใบมอบอำนาจ โดยหลอกลวงว่าเพื่อจำเลยจะได้ใช้ในการชำระภาษีอากรแทนโจทก์ เมื่อโจทก์ลงลายมือมอบให้จำเลยไปแล้ว จำเลยกลับไปกรอกข้อความในใบมอบอำนาจเป็นว่าโจทก์มอบให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลย เจ้าพนักงานที่ดินจึงจัดการโอนที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลยไป ดังนี้มิใช่ความผิดฐานฉ้อโกงหรือปลอมหนังสือ แต่เป็นความผิดฐานยักยอกตามกฎหมายอาญา ม. 315
โจทก์บรรยายฟ้องไปในลักษณะฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงและปลอมหนังสือ แต่ในฟ้องของโจทก์นั้นเองจับใจความได้ว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยว่าได้กระทำผิดดังข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและปลอมหนังสือแต่เป็นความผิดฐานยักยอกซึ่งโจทก์มิได้อ้างบทความผิดฐานยักยอกมา ถือได้ว่าโจทก์อ้างฐานความผิดและบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ ตาม ม.192 วรรค 4 ป.วิ.อาญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) 2499 ม.13.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดฐานความผิด การปรับฟ้องฐานความผิดที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่นำสืบได้
จำเลยขอให้โจทก์ลงลายมือในใบมอบอำนาจโดยหลอกลวงว่าเพื่อจำเลยจะได้ใช้ในการชำระภาษีอากรแทนโจทก์ เมื่อโจทก์ลงลายมือมอบให้จำเลยไปแล้ว จำเลยกลับไปกรอกข้อความในใบมอบอำนาจเป็นว่าโจทก์มอบให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลย เจ้าพนักงานที่ดินจึงจัดการโอนที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลยไป ดังนี้มิใช่ความผิดฐานฉ้อโกงหรือปลอมหนังสือแต่เป็นความผิดฐานยักยอกตามกฎหมายอาญา มาตรา 315
โจทก์บรรยายฟ้องไปในลักษณะฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงและปลอมหนังสือแต่ในฟ้องของโจทก์นั้นเองจับใจความได้ว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยว่าได้กระทำผิด ดังข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและปลอมหนังสือแต่เป็นความผิดฐานยักยอกซึ่งโจทก์มิได้อ้างบทความผิดฐานยักยอกมาถือได้ว่าโจทก์อ้างฐานความผิดและบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ ตาม มาตรา192 วรรค 4 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6)2499มาตรา13
of 2