พบผลลัพธ์ทั้งหมด 176 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246-1247/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์, กรรมสิทธิร่วม, อายุความครอบครอง, และการจำหน่ายสิทธิในที่ดิน
คดีสองเรื่องพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์รายเดียวกัน สำนวนแรก+ทุนทรัพย์มาเกิน 2,000 บ.ส่วนสำนวนหหลังตั้งทุนทรัพย์มาไม่เกิน 2,000 บ. (คือ 2000 บ.) ดังนั้นฉะเพาะคดีหลังย่อมต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248 (อ้างฎีกาที่ 79,80/94)
กล่าวฟ้องว่าโจทก์และผู้มีชื่อในโฉนดปกครองร่วมกันมาทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อซื้อแล้วก็ใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดแล้วโจทก์และผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลปกครองที่ดินดังนี้ย่อมถือว่าเป็นการสืบถูกต้องตามประเด็นในฟ้องแล้ว
เมื่อปรากฎว่าจำเลยครอบครองแทนผู้มีชื่อในโฉนดอื่นแล้วอายุความฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตาม ม.1375 ก็ไม่ตั้งต้นจนกว่าจะได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองคือเจ้าของอีกต่อไปตาม ม.1381
เจ้าของรวมคนหนึ่งในโฉนดมีสิทธิจำหน่ายส่วนที่ตนมีสิทธิได้ ตาม ม.1361 วรรค 1 เพราะไม่ใช่เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินทั้งหมดตามในวรรค 2
กล่าวฟ้องว่าโจทก์และผู้มีชื่อในโฉนดปกครองร่วมกันมาทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อซื้อแล้วก็ใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดแล้วโจทก์และผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลปกครองที่ดินดังนี้ย่อมถือว่าเป็นการสืบถูกต้องตามประเด็นในฟ้องแล้ว
เมื่อปรากฎว่าจำเลยครอบครองแทนผู้มีชื่อในโฉนดอื่นแล้วอายุความฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตาม ม.1375 ก็ไม่ตั้งต้นจนกว่าจะได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองคือเจ้าของอีกต่อไปตาม ม.1381
เจ้าของรวมคนหนึ่งในโฉนดมีสิทธิจำหน่ายส่วนที่ตนมีสิทธิได้ ตาม ม.1361 วรรค 1 เพราะไม่ใช่เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินทั้งหมดตามในวรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246-1247/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกา, การครอบครองทรัพย์สิน, สิทธิเจ้าของรวม, อายุความ
คดีสองเรื่องพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์รายเดียวกัน สำนวนแรกตั้งทุนทรัพย์มาเกิน 2,000 บาท ส่วนสำนวนหลังตั้งทุนทรัพย์มาไม่เกิน 2,000 บาท (คือ2,000 บาท ดังนั้นเฉพาะคดีหลังย่อมต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (อ้างฎีกาที่ 79,80/2494)
กล่าวฟ้องว่าโจทก์และผู้มีชื่อในโฉนดปกครองร่วมกันมาทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อซื้อแล้วก็ใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดแล้วโจทก์และผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลปกครองที่ดิน ดังนี้ย่อมถือว่าเป็นการสืบถูกต้องตามประเด็นในฟ้องแล้ว
เมื่อปรากฏว่าจำเลยครอบครองแทนผู้มีชื่อในโฉนดอื่นแล้วอายุความฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตาม มาตรา 1375 ก็ไม่ตั้งต้นจนกว่าจะได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองคือเจ้าของอีกต่อไปตาม มาตรา 1381
เจ้าของรวมคนหนึ่งในโฉนดมีสิทธิจำหน่ายส่วนที่ตนมีสิทธิได้ตาม มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง เพราะไม่ใช่เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินทั้งหมดตาม ในวรรคสอง
กล่าวฟ้องว่าโจทก์และผู้มีชื่อในโฉนดปกครองร่วมกันมาทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อซื้อแล้วก็ใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดแล้วโจทก์และผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลปกครองที่ดิน ดังนี้ย่อมถือว่าเป็นการสืบถูกต้องตามประเด็นในฟ้องแล้ว
เมื่อปรากฏว่าจำเลยครอบครองแทนผู้มีชื่อในโฉนดอื่นแล้วอายุความฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตาม มาตรา 1375 ก็ไม่ตั้งต้นจนกว่าจะได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองคือเจ้าของอีกต่อไปตาม มาตรา 1381
เจ้าของรวมคนหนึ่งในโฉนดมีสิทธิจำหน่ายส่วนที่ตนมีสิทธิได้ตาม มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง เพราะไม่ใช่เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินทั้งหมดตาม ในวรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายที่ดินแปลงรวมโดยไม่ยินยอม สิทธิเรียกร้องเพิกถอนสัญญาเฉพาะส่วน
เจ้าของร่วมเอาที่ทั้งแปลงไปทำสัญญาซื้อขายให้กับบุคคลภายนอกโดยเจ้าของร่วมอีกผู้หนึ่งไม่รู้เห็นยินยอมด้วย เจ้าของร่วมผู้ไม่ยินยอมนั้นมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของตนได้ แต่จะเพิกถอนสัญญาซื้อขายทั้งหมดหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายที่ดินโดยไม่ยินยอม สิทธิในการเพิกถอนสัญญาเฉพาะส่วน
เจ้าของร่วมเอาที่ทั้งแปลงไปทำสัญญาซื้อขายให้กับบุคคลภายนอกโดยเจ้าของร่วมอีกผู้หนึ่งไม่รู้เห็นยินยอมด้วยเจ้าของร่วมผู้ไม่ยินยอมนั้นมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของตนได้แต่จะเพิกถอนสัญญาซื้อขายทั้งหมดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารติดพันในที่ดินรวม เจ้าของรวมคนอื่นไม่ผูกพันสัญญา
เจ้าของรวมในกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้หนึ่งไปก่อให้เกิดภารติดพันในที่ดินแปลงนั้น โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้บุคคลอื่นมามีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่นๆ ด้วยสัญญานั้นหาผูกพันเจ้าของรวมคนอื่นๆ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างเจ้าของรวมบางส่วน ไม่ผูกพันเจ้าของรวมทั้งหมด
เจ้าของรวมในกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้หนึ่งไปก่อให้เกิดการติดพันในที่ดินแปลงนั้น โดยทำสัญญาประณีประนอมยอมความให้บุคคลอื่นมามีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ด้วย สัญญานั้นหาผูกพันเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ และสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ เจ้าของมีสิทธิเรียกคืนและบังคับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขายเมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินสมรส: พิจารณาจากมูลค่าทรัพย์และพฤติการณ์ เพื่อให้สมบูรณ์ตามกฎหมาย
สามีมีสิทธิทำพินัยกรรมยกสินบริคณห์ให้แก่บุคคลอื่นได้ในเมื่อทรัพย์ที่ยกให้นั้นมีราคาไม่เกินส่วนของสามีและทรัพย์นั้นมีพฤติการณ์ที่ศาลเห็นว่าควรตกได้เป็นส่วนแบ่งของสามี ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 6/2498)
ฎีกาที่ตั้งต้นเรื่องเอาที่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้วย่อมเป็นฎีกาที่สมบูรณ์
ฎีกาที่ตั้งต้นเรื่องเอาที่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้วย่อมเป็นฎีกาที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสามีทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ผู้อื่นได้ หากทรัพย์สินนั้นมีราคาไม่เกินส่วนแบ่งของตน และมีเหตุผลสมควร
สามีมีสิทธิทำพินัยกรรมยกสินบริคณห์ให้แก่บุคคลอื่นได้ในเมื่อทรัพย์ที่ยกให้นั้นมีราคาไม่เกินส่วนของสามี และทรัพย์นั้นมีพฤติการณ์ที่ศาลเห็นว่าควรตกได้เป็นส่วนแบ่งของสามี (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2498)
ฎีกาที่ตั้งต้นเรื่องเอาที่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้วย่อมเป็นฎีกาที่สมบูรณ์
ฎีกาที่ตั้งต้นเรื่องเอาที่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้วย่อมเป็นฎีกาที่สมบูรณ์