คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.รัษฎากร ม. 118

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 824 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้ตามสัญญาเล่นแชร์: หนังสือสัญญาค้ำประกันต้องเสียอากรแสตมป์
หนังสือสัญญาเล่นแชร์ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อโจทก์มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 ลงชื่อไว้ต่อท้ายสัญญาในฐานะผู้ค้ำประกัน ถือเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ. มาตรา 680วรรคสอง ที่แสดงว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ตกลงค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามพันธะข้อสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 อันจะถือเป็นตราสารที่ต้องเสียอากรโดยปิดแสตม์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ตามความมุ่งหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 103, 104,118 จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 680

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันที่ปรากฏในสัญญาเล่นแชร์ ไม่ต้องติดอากรแสตมป์ ถือเป็นหลักฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 ได้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเล่นแชร์ กับโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 ที่ 3ลงชื่อต่อท้ายสัญญาในฐานะผู้ค้ำประกัน ถือว่าเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 วรรคสอง มิใช่เป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 อันจะถือเป็นตราสารที่ต้องเสียอากรตาม ป.รัษฎากร เอกสารดังกล่าวจึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6168/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การผิดสัญญาเนื่องจากไม่เร่งรัดจัดสรรขาย และหนังสือมอบอำนาจที่ปิดอากรแสตมป์ช้า
แม้ในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมีข้อความระบุให้จำเลยมีสิทธิชำระเงินส่วนที่เหลือได้เมื่อจัดสรรขายที่ดินหมดแล้วโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา ข้อสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่าจำเลยต้องรีบดำเนินการจัดสรรและเร่งรัดขายที่ดินภายในเวลาอันสมควร เมื่อจำเลยปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา หนังสือมอบอำนาจไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำหรือขณะยื่นฟ้องแต่ขณะส่งหนังสือนั้นต่อศาลในวันสืบพยานได้มีการปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้ว หนังสือมอบอำนาจย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5951/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, หนังสือมอบอำนาจ, น้ำหนักสินค้า, การชั่งน้ำหนัก, สัญญาซื้อขาย
โจทก์มี น. ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์มาเบิกความยืนยันประกอบหนังสือมอบอำนาจเอกสารแสดงฐานะการเป็นนิติบุคคลของโจทก์และหนังสือรับรองลายมือชื่อโดยโนตารีปับลิก และกงสุลไทยประจำเมืองที่มีการทำหนังสือมอบอำนาจว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ น. ดำเนินคดีแทนในประเทศไทย จำเลยไม่นำสืบหักล้าง โจทก์จึงไม่จำต้องนำกรรมการผู้มอบอำนาจของโจทก์มาเบิกความประกอบข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ น. ดำเนินคดีแทนในประเทศไทยแล้ว และหนังสือมอบอำนาจไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร การนำพยานบุคคลมาสืบเกี่ยวกับน้ำหนักเหล็กแผ่นพิพาทว่า มีน้ำหนักแตกต่างไปจากน้ำหนักที่ระบุในใบแจ้งราคาเบื้องต้นของเหล็กแผ่น ซึ่งมีรายละเอียดระบุในเอกสารนั้นว่ารายละเอียดต่าง ๆ เช่น น้ำหนัก ราคาเป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้น น้ำหนักแท้จริงน้ำหนักแน่นอนจะแจ้งหนี้ครั้งสุดท้าย ฯลฯ แสดงให้เห็นว่าทั้งปริมาณและราคายังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว ดังนั้น การสืบพยานโจทก์จึงไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงพยานเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94(ข).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์ตั้งแต่แรก แต่ปิดอากรเพิ่มเติมก่อนสืบพยาน ใช้เป็นหลักฐานได้
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มีการปิดอากรแสตมป์พิจารณาครบถ้วนก่อนสืบพยานโจทก์ก็ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ ส่วนการที่จะต้องรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งต่างหากนั้นไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์แต่ปิดครบก่อนสืบพยาน ใช้เป็นหลักฐานได้
โจทก์มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดี แม้หนังสือมอบอำนาจของโจทก์จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มี การปิดอากรแสตมป์ในชั้นพิจารณาครบถ้วนก่อนสืบพยานโจทก์ก็ย่อม ใช้เป็นหลักฐานในคดีได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4299/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดอากรแสตมป์สัญญา, การรับรองสำเนาเอกสารราชการ, และความรับผิดของทายาทในหนี้สินของเจ้ามรดก
สัญญากู้เป็นแบบพิมพ์มีสองหน้า ด้านหน้าเป็นแบบพิมพ์สัญญากู้ด้านหลังเป็นแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันเงินกู้ซึ่งไม่มีการกรอกข้อความดังนี้การปิดอากรแสตมป์ที่แบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันเป็นการปิดอากรแสตมป์สำหรับสัญญากู้ด้วย เมื่อรวมอากรแสตมป์ที่ปิดด้านหน้าและด้านหลังครบถ้วนตามที่ระบุในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรแล้ว ย่อมอ้างสัญญากู้ดังกล่าวเป็นพยานได้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 และนาง ค. ในฐานะเป็นผู้ร่วมกันกู้เงินโจทก์ ชดใช้เงินกู้ และขอให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของนาง ค.รับผิดหนี้เงินกู้ที่นางค. ต้องใช้คืนแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้การว่าลายมือชื่อจำเลยที่ 1ในสัญญากู้ปลอม ดังนี้ไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 เพราะไม่ว่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ในสัญญากู้จะปลอมหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ซึ่งต้องรับผิดในฐานะทายาทของนาง ค. ผู้กู้ร่วม พยานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาการซึ่งปกติศาลก็รับฟังแต่มิใช่ว่าจะต้องเชื่อพยานผู้เชี่ยวชาญเสมอไป คำพยานผู้เชี่ยวชาญจะมีน้ำหนักกว่าประจักษ์พยานหรือไม่ก็ต้องพิจารณาตามรูปเรื่องและต้องอาศัยเหตุผลและพยานหลักฐานอื่นประกอบ ซึ่งผิดกับประจักษ์พยานซึ่งเป็นผู้ได้ยินกับหูเห็นด้วยตาของ ตนเองจึงน่าเชื่อว่าพยานผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการที่อ้างแต่เพียงรายงานผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญโดยมิได้นำตัวผู้เชี่ยวชาญมาเบิกความอธิบายประกอบรายงานนั้นว่ามีความเป็นมาอย่างไรกับทั้งทำให้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสถามค้านผู้เชี่ยวชาญด้วยดังนี้ ลำพังรายการการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างประจักษ์พยานอีกฝ่ายได้ สำเนาหนังสือราชการที่เจ้าหน้าที่รับรองความถูกต้อง ซึ่งส่งเข้ามาในคดีตามที่คู่ความอ้างเป็นพยานไว้โดยชอบแล้ว ดังนี้คู่ความที่อ้างไม่จำต้องสืบพยานบุคคลประกอบ สำเนาหนังสือราชการดังกล่าวรับฟังได้เหมือนต้นฉบับ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93(3) โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะทายาทโดยธรรมของนาง ค. เจ้ามรดกซึ่งเป็นหนี้เงินกู้โจทก์อยู่และได้ถึงแก่กรรมลง ดังนี้ โจทก์มีเพียงสิทธิเรียกร้องบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้รับศาลจึงไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำพิพากษาว่าให้จำเลยที่ 3 ที่ 4รับผิดต่อโจทก์ไม่เกินจำนวนทรัพย์มรดกที่ได้รับจากเจ้ามรดกเพราะเป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันในชั้นบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3902/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โรงแรมต้องรับผิดต่อความเสียหายรถยนต์ของผู้เข้าพัก หากระเบียบจำกัดความรับผิดไม่ชัดเจนและผู้เข้าพักไม่ได้ตกลง
โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยอ้างว่าได้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องบังคับจำเลย โดยนำเอาสัญญาเช่าซื้อมานำสืบประกอบฐานะของผู้เอาประกันภัยว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ มิได้นำสืบบังคับตามสัญญาเช่าซื้อโดยตรง แม้สัญญาเช่าซื้อมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้
จำเลยประกอบธุรกิจโรงแรมมีระเบียบว่าผู้เข้าพักต้องแจ้งให้ทางจำเลยทราบว่ามีรถยนต์เข้ามาจอดในที่จอดรถด้วย เพื่อจะได้จัดพนักงานดูแล มิฉะนั้นหากเกิดความเสียหายหรือสูญหายจำเลยจะไม่รับผิดชอบ ต่อมา ร.ได้เข้าพักในโรงแรมจำเลยโดยนำรถยนต์ไปจอดในที่จอดรถของโรงแรมจำเลย แต่ไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ เมื่อปรากฏว่า ร.มิได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังกล่าวของจำเลย ระเบียบดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 677จำเลยจะบอกปัดความรับผิดไม่ได้
เมื่อรถยนต์ของ ร.หายไปจากที่จอดรถของโรงแรมจำเลย ร.ได้แจ้งให้ พ.ซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมจำเลยทราบ แต่ พ.ปฏิเสธความรับผิด ดังนี้ ถือได้ว่า ร.บอกกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปตามสัญญาประกันภัยและรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลยเช่นนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่จำต้องทวงถามจำเลยก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3902/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โรงแรมต้องรับผิดชอบความเสียหายรถยนต์ของผู้เข้าพัก หากระเบียบยกเว้นความรับผิดไม่ชัดเจนและผู้เข้าพักไม่ได้ตกลง
โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยอ้างว่าได้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องบังคับจำเลย โดยนำเอาสัญญาเช่าซื้อมานำสืบประกอบฐานะของผู้เอาประกันภัยว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ มิได้นำสืบบังคับตามสัญญาเช่าซื้อโดยตรง แม้สัญญาเช่าซื้อมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้ จำเลยประกอบธุรกิจโรงแรมมีระเบียบว่าผู้เข้าพักต้องแจ้งให้ทางจำเลยทราบว่า มีรถยนต์เข้ามาจอดในที่จอดรถด้วย เพื่อจะได้จัดพนักงานดูแล มิฉะนั้นหากเกิดความเสียหายหรือสูญหายจำเลยจะไม่รับผิดชอบ ต่อมา ร. ได้เข้าพักในโรงแรมจำเลยโดยนำรถยนต์ไปจอดในที่จอดรถของโรงแรมจำเลย แต่ไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบเมื่อปรากฏว่า ร. มิได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังกล่าวของจำเลย ระเบียบดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 677 จำเลยจะบอกปัดความรับผิดไม่ได้ เมื่อรถยนต์ของ ร.หายไปจากที่จอดรถของโรงแรมจำเลยร.ได้แจ้งให้ พ. ซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมจำเลยทราบ แต่พ.ปฏิเสธความรับผิดดังนี้ถือได้ว่าร. บอกกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปตามสัญญาประกันภัยและรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลยเช่นนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่จำต้องทวงถามจำเลยก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3605/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดี: ศาลฎีกาให้รับฟังการมอบอำนาจตามเอกสารท้ายฟ้อง แม้ไม่มีอากรแสตมป์ และจำกัดขอบเขตการพิจารณาตามอุทธรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้มอบอำนาจให้ น. เป็นผู้รับมอบอำนาจและแต่งทนายโจทก์จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่าโจทก์มิได้มอบอำนาจดังกล่าวไว้ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย เรื่องการมอบอำนาจ ไม่มีกรณีต้องใช้หนังสือมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานแม้หนังสือมอบอำนาจจะไม่มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก็รับฟังได้ คดี จึงต้องฟังว่า น. เป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาเพียงในข้อที่ขอให้ยกคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางเท่านั้น มิได้ยกข้อพิพาทในเนื้อหาของคดีขึ้นมาในอุทธรณ์ และมิได้ขอให้พิพากษาตามคำขอของโจทก์ดังที่ฟ้องมาศาลฎีกาจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจพิจารณาข้อพิพาทในส่วนที่นอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องอุทธรณ์ได้ และกรณีไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์.
of 83