พบผลลัพธ์ทั้งหมด 824 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3184/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิประกันภัยและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด แม้ผู้รับประกันภัยจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และการใช้รถผิดกฎหมายไม่กระทบสิทธิเรียกร้อง
การที่โจทก์นำกรมธรรม์ประกันภัยมาสืบประกอบพยานอื่นในข้อรับช่วงสิทธิ โดยมิได้นำสืบบังคับตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยตรง แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ ก็รับฟังได้
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม แม้รถยนต์ของโจทก์จะเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ใช้รับจ้างบรรทุกสินค้าของผู้อื่น ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ เพราะการที่โจทก์นำรถยนต์ไปรับจ้างโดยผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการกระทำละเมิด
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม แม้รถยนต์ของโจทก์จะเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ใช้รับจ้างบรรทุกสินค้าของผู้อื่น ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ เพราะการที่โจทก์นำรถยนต์ไปรับจ้างโดยผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการกระทำละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3184/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิประกันภัยและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด แม้ผู้รับประกันภัยจะผิดเงื่อนไข
การที่โจทก์นำกรมธรรม์ประกันภัยมาสืบประกอบพยานอื่นในข้อรับช่วงสิทธิโดยมิได้นำสืบบังคับตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยตรงแม้กรมธรรม์ประกันภัยจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้. จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อมแม้รถยนต์ของโจทก์จะเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ใช้รับจ้างบรรทุกสินค้าของผู้อื่นก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้เพราะการที่โจทก์นำรถยนต์ไปรับจ้างโดยผิดกฎหมายหรือไม่เป็นคนละเรื่องกับการกระทำละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3048/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันเจตนาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ห้างหุ้นส่วน และการปิดอากรแสตมป์ที่ถูกต้อง
โจทก์มอบอำนาจให้ อ.และหรือส. ดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยแทนโจทก์ เป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคน กระทำการครั้งเดียว ต้องปิดอากรแสตมป์ 5 บาทตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 7(ก) ซึ่งใช้บังคับในขณะที่มี การมอบอำนาจ จึงเป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรแล้ว ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง หนังสือค้ำประกันมีข้อความว่า จำเลยที่ 2ขอค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามคัลเลอร์แลบในการซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์ ไม่ปรากฏว่ามีห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามคัลเลอร์แลบซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล คงมีแต่จำเลยที่ 1 ซึ่งใช้ชื่อร้านว่าสยามคัลเลอร์แลบ ดังนี้ จำเลยที่ 2 มีเจตนาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไม่ว่าจะจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 เจ้าของร้านสยามคัลเลอร์แลบซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์และไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 2ก็ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันจะอ้างว่าตนเป็นผู้ค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามคัลเลอร์แลบซึ่งไม่มีตัวตนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: การรับฟังพยานหลักฐานจากผู้รับมอบอำนาจโดยไม่ต้องใช้ต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้มอบอำนาจให้ พ.และหรือ ส.เป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทน และได้แนบสำเนาหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไว้ท้ายฟ้อง จำเลยให้การว่า โจทก์จะมอบอำนาจให้ พ.และหรือ ส.เป็นผู้ฟ้องคดีหรือไม่ จำเลยไม่รับรองและใบมอบอำนาจไม่ถูกต้อง คำให้การของจำเลยแปลได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แต่จะมอบอำนาจให้ พ.และหรือ ส.เป็นผู้ฟ้องคดีแทนหรือไม่ จำเลยไม่รับรอง ส่วนที่ให้การต่อไปว่าใบมอบอำนาจไม่ถูกต้องก็ไม่ได้ให้การว่าไม่ถูกต้องอย่างไร และมิได้คัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของหนังสือมอบอำนาจ โจทก์จึงไม่จำต้องส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจต่อศาล และคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย ศาลรับฟังพยานโจทก์ได้ว่า ส.เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์โดยไม่จำต้องอาศัยต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจและไม่ต้องปิดอากรแสตมป์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารผิดแบบและคำสั่งรื้อถอน: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างอาคารพิพาทผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตและเป็นการฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ทั้งเป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ เมื่อกรุงเทพมหานครได้พิจารณาและตราข้อบัญญัติไว้แล้ว อาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อบัญญัติดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นอาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยไม่มีความปลอดภัย
จำเลยก่อสร้างอาคารพิพาทผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับ อนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้สั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างตามมาตรา 40 และต่อมา ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนตามมาตรา 42 วรรคแรกแล้ว อาคารดังกล่าวก็จะต้องถูกรื้อถอน แม้พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับจำเลยโดยอ้างบทกฎหมายไม่ถูกต้องและเจ้าพนักงานเขตออกหมายเลขที่บ้านให้จำเลยโดยมิได้คัดค้านว่าจำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ตาม
ผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้รับทราบคำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาท ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต
การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทน เป็นการมอบอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 35 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจมอบอำนาจที่ตนมีอยู่ให้หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดปฏิบัติราชการแทนตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่จำต้องปิดแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้จำต้องมีพยานรับรองลายมือ ชื่อผู้มอบอำนาจด้วย จึงรับฟังเอกสารเป็นพยานได้
เมื่อพยานโจทก์คนสุดท้ายคอบคำถามติงแล้ว โจทก์ส่งเอกสารเป็นพยานต่อศาล แล้วให้พยานนั้นดูเอกสารดังกล่าว และพยานโจทก์แถลงประกอบเอกสาร ถือได้ว่าเป็นการซักถามพยานเมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้ว แต่การที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์กระทำเช่นนั้น ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 117 วรรคสี่ จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้
การที่หัวหน้าเขตซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มอบหมายงานโยธา ให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตเป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบสั่งการแทนหัวหน้าเขตได้ เป็นการมอบให้ปฏิบัติราชการแทนตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 17 ให้อำนาจไว้ ไม่เป็นการมอบอำนาจช่วง ผู้ช่วยหัวหน้าเขตมีอำนาจลงลายมือชื่อในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ และหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็รับฟังเป็นพยานได้
จำเลยก่อสร้างอาคารพิพาทผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับ อนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้สั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างตามมาตรา 40 และต่อมา ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนตามมาตรา 42 วรรคแรกแล้ว อาคารดังกล่าวก็จะต้องถูกรื้อถอน แม้พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับจำเลยโดยอ้างบทกฎหมายไม่ถูกต้องและเจ้าพนักงานเขตออกหมายเลขที่บ้านให้จำเลยโดยมิได้คัดค้านว่าจำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ตาม
ผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้รับทราบคำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาท ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต
การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทน เป็นการมอบอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 35 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจมอบอำนาจที่ตนมีอยู่ให้หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดปฏิบัติราชการแทนตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่จำต้องปิดแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้จำต้องมีพยานรับรองลายมือ ชื่อผู้มอบอำนาจด้วย จึงรับฟังเอกสารเป็นพยานได้
เมื่อพยานโจทก์คนสุดท้ายคอบคำถามติงแล้ว โจทก์ส่งเอกสารเป็นพยานต่อศาล แล้วให้พยานนั้นดูเอกสารดังกล่าว และพยานโจทก์แถลงประกอบเอกสาร ถือได้ว่าเป็นการซักถามพยานเมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้ว แต่การที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์กระทำเช่นนั้น ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 117 วรรคสี่ จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้
การที่หัวหน้าเขตซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มอบหมายงานโยธา ให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตเป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบสั่งการแทนหัวหน้าเขตได้ เป็นการมอบให้ปฏิบัติราชการแทนตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 17 ให้อำนาจไว้ ไม่เป็นการมอบอำนาจช่วง ผู้ช่วยหัวหน้าเขตมีอำนาจลงลายมือชื่อในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ และหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็รับฟังเป็นพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์-หลักฐานพิรุธ-สิทธิรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
สัญญากู้ยืมที่เจ้าหนี้อ้างส่งไว้แล้วในศาลชั้นต้นปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย เจ้าหนี้มิได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตนำสัญญากู้ยืมไปปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ก่อนศาลชั้นต้นชี้ขาดตัดสินคดีเพิ่งขอมาในชั้นฎีกา จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะอนุญาต ดังนั้น จึงใช้เป็นพยานหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อพิสูจน์ ว่าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริง เจ้าหนี้จึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทน, ค่าชดเชย, สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า, การเลิกจ้าง, ค่าพาหนะ: กรณีลูกจ้างทำร้ายลูกจ้างด้วยกัน
โจทก์มอบอำนาจให้ ม. ฟ้องคดีนี้แทนเพียงคดีเดียว แม้ใบมอบอำนาจจะระบุให้ผู้รับมอบอำนาจมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาหรืออื่นๆ ได้ด้วยก็ตาม ถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียวซึ่งตามประมวลรัษฎากรกำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท เท่านั้น ม. ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีแทน ย่อมอยู่ในฐานะคู่ความจึงมีอำนาจเรียงหรือแต่งคำคู่ความได้ เพราะการเรียงหรือแต่งคำคู่ความไม่ใช่การว่าความอย่างทนายความ การที่โจทก์ชก น.นอกสถานที่ทำงานและนอกเวลาทำงาน เพราะมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน ทำให้ น.มีบาดแผลเล็กน้อยนั้น เป็นเรื่องลูกจ้างทำร้ายกันเองไม่เกี่ยวกับกิจการของจำเลยโดยตรง จึงไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงหรือทำลายเกียรติคุณของจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงอันจำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และ ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583ซึ่งจำเลยจะมีสิทธิมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าอีกด้วย ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าค่าพาหนะเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างการที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าพาหนะเป็นการฟ้องเรียกเงินอีกประเภทหนึ่งต่างหาก และจำนวนค่าชดเชยกับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าโจทก์ก็มิได้นำค่าพาหนะมารวมคำนวณด้วยจึงไม่ต้องนำค่าพาหนะมาเป็นฐานคำนวณจ่ายเงินดังกล่าว กรณีที่สินจ้างจ่ายกันในวันพฤหัสบดีเว้นหนึ่งวันพฤหัสบดีโดยวันอาทิตย์เป็นวันหยุด หนึ่งช่วงเวลาของการจ่ายค่าจ้างจึงเป็นเวลา 12 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานฟ้องคดีไม่ได้ แม้มีลักษณะคล้ายสัญญาซื้อขาย
หนังสือสัญญาใช้ชื่อว่า หนังสือสัญญาขายโดยมีเงื่อนไข คู่สัญญา ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า'เจ้าของ' อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า'ผู้จะซื้อ' มีข้อความว่าตกลงจะซื้อขายโทรทัศน์สีตามราคาที่กำหนด ชำระเงินในวันทำสัญญาจำนวนหนึ่ง ที่เหลือผ่อนชำระเป็นงวด และกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า กรรมสิทธิ์ในโทรทัศน์สีจะตกแก่ผู้จะซื้อ เมื่อผู้จะซื้อปฏิบัติตามข้อสัญญาทั้งหมด รวมทั้งได้ชำระเงิน ครบถ้วนแล้ว มีลักษณะเป็น ทำนองเจ้าของเอาโทรทัศน์สี ออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะให้โทรทัศน์สีตกเป็นสิทธิแก่ผู้จะซื้อ โดยเงื่อนไขที่ ผู้จะซื้อได้ชำระเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว และมี ข้อสัญญาที่มีผลเท่ากับให้ผู้จะซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ด้วยการไม่ชำระราคาต่อไปโดยส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่เจ้าของ กับ ให้ริบเงินที่ได้ใช้มาแล้วได้ด้วย อันเป็นวิธีการของสัญญาเช่าซื้อ ข้อสัญญาที่ว่าให้ผู้จะซื้อชำระเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ครบถ้วนแล้ว จึงให้กรรมสิทธิ์ตกเป็น ของผู้จะซื้อมิใช่เป็นเพียงเงื่อนไข การโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อที่มิได้ปิดอากรแสตมป์จะใช้เป็นหลักฐานฟ้อง คดีมิได้
สัญญาเช่าซื้อที่มิได้ปิดอากรแสตมป์จะใช้เป็นหลักฐานฟ้อง คดีมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่มิได้ปิดอากรแสตมป์เป็นหลักฐานฟ้องคดีมิได้ และลักษณะสัญญาเช่าซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หนังสือสัญญาใช้ชื่อว่า หนังสือสัญญาขายโดยมีเงื่อนไข คู่สัญญา ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า'เจ้าของ' อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า'ผู้จะซื้อ' มีข้อความว่าตกลงจะซื้อขายโทรทัศน์สีตามราคาที่กำหนด ชำระเงินในวันทำสัญญาจำนวนหนึ่ง ที่เหลือผ่อนชำระเป็นงวด และกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า กรรมสิทธิ์ในโทรทัศน์สีจะตกแก่ผู้จะซื้อ เมื่อผู้จะซื้อปฏิบัติตามข้อสัญญาทั้งหมด รวมทั้งได้ชำระเงิน ครบถ้วนแล้ว มีลักษณะเป็น ทำนองเจ้าของเอาโทรทัศน์สี ออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะให้โทรทัศน์สีตกเป็นสิทธิแก่ผู้จะซื้อ โดยเงื่อนไขที่ ผู้จะซื้อได้ชำระเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว และมี ข้อสัญญาที่มีผลเท่ากับให้ผู้จะซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ด้วยการไม่ชำระราคาต่อไปโดยส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่เจ้าของ กับ ให้ริบเงินที่ได้ใช้มาแล้วได้ด้วย อันเป็นวิธีการของสัญญาเช่าซื้อ ข้อสัญญาที่ว่าให้ผู้จะซื้อชำระเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ครบถ้วนแล้ว จึงให้กรรมสิทธิ์ตกเป็น ของผู้จะซื้อมิใช่เป็นเพียงเงื่อนไข การโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อที่มิได้ปิดอากรแสตมป์จะใช้เป็นหลักฐานฟ้อง คดีมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขีดฆ่าอากรแสตมป์และผลต่อการเป็นพยานหลักฐาน รวมถึงการคืนเงินกรณีสัญญาเป็นโมฆะ
การขีดฆ่าอากรแสตมป์หมายถึงการกระทำใดๆ เพื่อมิให้ใช้ อากรแสตมป์นั้นได้อีกเท่านั้น ส่วนการที่ระบุวันเดือนปีพร้อมกับขีดฆ่านั้นเพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าเมื่อใดเท่านั้น เมื่อสัญญาซื้อขายที่ดินได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนมีคำพิพากษา แม้ไม่ได้ลงวันที่ที่ขีดฆ่า ก็รับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118