พบผลลัพธ์ทั้งหมด 824 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
หนังสือมอบอำนาจที่โจทก์มอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนโจทก์ เมื่อไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามนัยประมวลรัษฎากร มาตรา 104 ที่บัญญัติให้ปิดอากรแสตมป์ในตราสารตามบัญชีอากรแสตมป์ ข้อ 7 (ก) ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 หนังสือมอบอำนาจเป็นตราสารอย่างหนึ่ง เมื่อจำเลยต่อสู้เรื่องการมอบอำนาจ มาตรา 118 หนังสือมอบอำนาจเป็นตราสารอย่างหนึ่ง เมื่อจำเลยต่อสู้เรื่องการมอบอำนาจและเมื่อรับฟังเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานมิได้แล้ว ก็ต้องถือว่าบุคคลนั้นไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์ ถือเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
หนังสือมอบอำนาจที่โจทก์มอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีแทนโจทก์ เมื่อไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามนัยประมวลรัษฎากร มาตรา 104 ที่บัญญัติให้ปิดอากรแสตมป์ในตราสารตามบัญชีอากรแสตมป์ ข้อ 7(ก) ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 หนังสือมอบอำนาจเป็นตราสารอย่างหนึ่งเมื่อจำเลยต่อสู้เรื่องการมอบอำนาจและเมื่อรับฟังเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานมิได้แล้ว ก็ต้องถือว่าบุคคลนั้นไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยงานรัฐ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาลฟ้องบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่ไม่ปิดอากรแสตมป์ เมื่อตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 17 (ก) กำหนดให้ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ต้องเสียค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ หาใช่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาลอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามความหมายในมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากรไม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบสัญญาค้ำประกันจริง เมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบสัญญาค้ำประกันจริง เมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยงานรัฐ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาลฟ้องบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่ไม่ปิดอากรแสตมป์ เมื่อตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 17(ก) กำหนดให้ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ต้องเสียค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ หาใช่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาลอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามความหมายในมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากรไม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดตามสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจริงเมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดตามสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจริงเมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับของจำเลยมีผลผูกพัน แม้สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อหนึ่งว่าสัญญาเช่าบ้านพิพาทไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยเช่าบ้านพิพาท จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่าบ้านกับโจทก์จริง ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาเช่าบ้านที่พิพาทอ้างอิงก็ได้เพราะคดีรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: การยอมรับของจำเลยทำให้ไม่ต้องนำสืบเอกสารมอบอำนาจ แม้เอกสารไม่สมบูรณ์
โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทนตามใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้จึงถือว่าจำเลยยอมรับว่า ส. ได้รับมอบอำนาจที่ถูกต้องตามใบมอบอำนาจนั้นจริง ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สงสัยว่าเป็นการมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้อง คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้จริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงไม่ต้องส่งใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานต่อศาลอีก ฉะนั้น แม้ใบมอบอำนาจนี้จะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้แย้งว่า ส. มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการยอมรับของจำเลย: แม้ใบมอบอำนาจขาดอากรแสตมป์ หากจำเลยไม่โต้แย้ง ศาลย่อมรับอำนาจฟ้องของตัวแทน
โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทนตามใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้จึงถือว่าจำเลยยอมรับว่า ส. ได้รับมอบอำนาจที่ถูกต้องตามใบมอบอำนาจนั้นจริง ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สงสัยว่าเป็นการมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้อง คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้จริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงไม่ต้องส่งใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานต่อศาลอีก ฉะนั้นแม้ใบมอบอำนาจนี้จะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้แย้งว่า ส. มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปี หากมีเจตนาทำให้ใช้ไม่ได้ สัญญาใช้เป็นพยานหลักฐานได้
แม้ประมวลรัษฎากร มาตรา 103 จะให้ความหมายของคำว่า "ขีดฆ่า" ว่า "การกระทำเพื่อมิใช้แสตมป์ได้อีก โดยในกรณีแสตมป์ปิดทับได้ลงลายมือชื่อ หรือลงชื่อห้างร้านบนแสตมป์ หรือขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษและลงวัน เดือน ปี ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย ฯลฯ"ก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า ความมุ่งหมายขอคำว่า "ขีดฆ่า" นั้น ก็เพื่อจะให้แสตมป์ที่ปิดทับเอกสารนั้นใช้ไม่ได้ต่อไปเท่านั้น มาตรา 103 จึงให้ความหมายไว้ในตอนแรกว่า เป็นการกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีก ส่วนข้อความตอนต่อไปนั้นเป็นเพียงการอธิบายเพิ่มเติมวิธีกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีกเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อได้กระทำการใด ๆ ให้แสตมป์นั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้จะมิได้ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามข้อความที่อธิบายเพิ่มเติมไว้ก็ถือได้ว่าเป็นการขีดฆ่าตามความหมายของมาตรา 103 ที่ได้บัญญัติเกี่ยวกับคำว่า ขีดฆ่า นั้นแล้ว
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดบนเอกสารสัญญากู้ด้วยหมึกเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ไดอีกต่อไป เป็นการขีดฆ่าที่ชอบแล้ว แม้จะมิได้ลงวัน เดือน ปี ที่ขีดฆ่าก็ถือว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่ทำสัญญากู้เพราะดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะก็ตาม แต่จำเลยต้งอรับผิดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปในต้นเงินกู้ให้โจทก์ในระหว่างที่จำเลยผิดนัดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 224 และเมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีได้มีการผิดนัด จำเลยจึงต้องชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2519)
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดบนเอกสารสัญญากู้ด้วยหมึกเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ไดอีกต่อไป เป็นการขีดฆ่าที่ชอบแล้ว แม้จะมิได้ลงวัน เดือน ปี ที่ขีดฆ่าก็ถือว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่ทำสัญญากู้เพราะดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะก็ตาม แต่จำเลยต้งอรับผิดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปในต้นเงินกู้ให้โจทก์ในระหว่างที่จำเลยผิดนัดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 224 และเมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีได้มีการผิดนัด จำเลยจึงต้องชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้: การชำระหนี้ตามกำหนด และสิทธิของโจทก์ในการฟ้องร้องเมื่อจำเลยผิดนัด
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดเป็นเวลาถึง 8 เดือน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าในเวลาต่อมาจำเลยได้ส่งเงินที่ค้างชำระอยู่นั้นทั้งหมดไปให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับแล้วนำคดีมาฟ้องก็ตาม จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า 'การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัยชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงานศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ' แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรรมดาได้ทำขึ้น เป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า 'การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัยชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงานศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ' แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรรมดาได้ทำขึ้น เป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้: การชำระหนี้ผิดนัดและสิทธิของโจทก์ในการฟ้องร้อง
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดเป็นเวลาถึง 8 เดือน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดตามประมวลกฎหมายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าในเวลาต่อมาจำเลยได้ส่งเงินที่ค้างชำระอยู่นั้นทั้งหมดไปให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับแล้วนำคิดมาฟ้องก็ตาม จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า "การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัย ชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงาน ศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรมดาได้ทำขึ้นเป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า "การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัย ชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงาน ศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรมดาได้ทำขึ้นเป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้