พบผลลัพธ์ทั้งหมด 824 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109-111/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมที่ยังมิได้ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้จะยังมิได้ใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล
ฟ้องว่าโจทก์จำเลยและคนอื่นเล่นแชร์เปียหวยกัน โดยมี ส.เป็นนายวง จำเลยประมูลแชร์ไปแล้วและโจทก์ลงแชร์ในเดือนที่จำเลยประมูลไป 2,000 บาท จำเลยได้ทำหนังสือให้โจทก์ยึดถือไว้มีใจความว่า ได้กู้ยืมเงินโจทก์ไป 2,000 บาท ต่อมาแชร์วงนี้เลิกล้มกลางคัน โจทก์ทวงถามให้ให้จำเลยชำระเงินตามสัญญนั้น จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยให้จำเลยใช้เงิน 2,000 บาทแก่โจทก์ ดังนี้ การที่ศาลวินิจฉัยว่า ส.เป็นตัวแทนของจำเลยไปเก็บเงินจากโจทก์มามอบให้จำเลยตามวิธีการของการเล่นแชร์ เท่ากับจำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์แล้วนั้น ถือไม่ได้ว่าวินิจฉัยผิดประเด็น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้อง และตามหนังสือกู้ยืมนั้น แสดงว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์โดยตรง ส่วนนายวงแชร์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันเท่านั้นแล้ว เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระเงินให้โจทก์เพราะแชร์ล้มเสียกลางคันจำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
หนังสือสัญญากู้ซึ่งยังมิได้ปิดแสตมป์ให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากร มีผลเพียงจะนำมาแสดงเป็นพยานหลักฐานให้ศาลรับฟังยังไม่ได้เท่านั้น มิได้หมายความว่าจะใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ด้วย
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 1 นั้น ไม่ได้หมายถึงว่าในขณะยื่นฟ้องจะต้องเป็นหนังสือที่ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ด้วย
โจทก์แนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้องแล้วยื่นต้นฉบับในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยรับว่าต้นฉบับเอกสารนี้เป็นเอกสารของตนจริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยต้นฉบับเอกสารนี้เป็นพยานหลักฐานในคดีอีก ฉะนั้น หากว่าเอกสารนี้จะไม่ได้เสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดในการต้องใช้เงินตามเอกสาร
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้อง และตามหนังสือกู้ยืมนั้น แสดงว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์โดยตรง ส่วนนายวงแชร์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันเท่านั้นแล้ว เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระเงินให้โจทก์เพราะแชร์ล้มเสียกลางคันจำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
หนังสือสัญญากู้ซึ่งยังมิได้ปิดแสตมป์ให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากร มีผลเพียงจะนำมาแสดงเป็นพยานหลักฐานให้ศาลรับฟังยังไม่ได้เท่านั้น มิได้หมายความว่าจะใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ด้วย
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 1 นั้น ไม่ได้หมายถึงว่าในขณะยื่นฟ้องจะต้องเป็นหนังสือที่ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ด้วย
โจทก์แนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้องแล้วยื่นต้นฉบับในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยรับว่าต้นฉบับเอกสารนี้เป็นเอกสารของตนจริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยต้นฉบับเอกสารนี้เป็นพยานหลักฐานในคดีอีก ฉะนั้น หากว่าเอกสารนี้จะไม่ได้เสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดในการต้องใช้เงินตามเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109-111/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินจากการเล่นแชร์ แม้เอกสารไม่ติดอากรแสตมป์ ก็ใช้เป็นหลักฐานได้
ฟ้องว่าโจทก์จำเลยและคนอื่นๆ เล่นแชร์เปียหวยกัน โดยมี ส. เป็นนายวง จำเลยประมูลแชร์ไปแล้วและโจทก์ลงแชร์ในเดือนที่จำเลยประมูลไป 2,000 บาท จำเลยได้ทำหนังสือให้โจทก์ยึดถือไว้มีใจความว่า ได้กู้ยืมเงินโจทก์ไป 2,000 บาท ต่อมาแชร์วงนี้เลิกล้มกลางคัน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามสัญญานั้น จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้เงิน 2,000 บาทแก่โจทก์ ดังนี้ การที่ศาลวินิจฉัยว่า ส. เป็นตัวแทนของจำเลยไปเก็บเงินจากโจทก์มามอบให้จำเลยตามวิธีการของการเล่นแชร์ เท่ากับจำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์แล้วนั้นถือไม่ได้ว่าวินิจฉัยผิดประเด็น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้อง และตามหนังสือกู้ยืมนั้นแสดงว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์โดยตรง ส่วนนายวงแชร์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันเท่านั้นแล้ว เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระเงินให้โจทก์เพราะแชร์ล้มเสียกลางคัน จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
หนังสือสัญญากู้ซึ่งยังมิได้ปิดแสตมป์ให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากร มีผลเพียงจะนำมาแสดงเป็นพยานหลักฐานให้ศาลรับฟังยังไม่ได้เท่านั้นมิได้หมายความว่าจะใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ด้วย
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 1 นั้นไม่ได้หมายความถึงว่าในขณะยื่นฟ้องจะต้องเป็นหนังสือที่ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ด้วย
โจทก์แนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้อง แล้วยื่นต้นฉบับในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยรับว่าต้นฉบับเอกสารนี้เป็นเอกสารของตนจริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยต้นฉบับเอกสารนี้เป็นพยานหลักฐานในคดีอีกฉะนั้น หากว่าเอกสารนี้จะไม่ได้เสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดในการต้องใช้เงินตามเอกสาร
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้อง และตามหนังสือกู้ยืมนั้นแสดงว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์โดยตรง ส่วนนายวงแชร์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันเท่านั้นแล้ว เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระเงินให้โจทก์เพราะแชร์ล้มเสียกลางคัน จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
หนังสือสัญญากู้ซึ่งยังมิได้ปิดแสตมป์ให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากร มีผลเพียงจะนำมาแสดงเป็นพยานหลักฐานให้ศาลรับฟังยังไม่ได้เท่านั้นมิได้หมายความว่าจะใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ด้วย
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 1 นั้นไม่ได้หมายความถึงว่าในขณะยื่นฟ้องจะต้องเป็นหนังสือที่ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ด้วย
โจทก์แนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้อง แล้วยื่นต้นฉบับในชั้นพิจารณา เมื่อจำเลยรับว่าต้นฉบับเอกสารนี้เป็นเอกสารของตนจริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยต้นฉบับเอกสารนี้เป็นพยานหลักฐานในคดีอีกฉะนั้น หากว่าเอกสารนี้จะไม่ได้เสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดในการต้องใช้เงินตามเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานหนี้จากบัตรทดแทนเงินสดและใบรับฝากเงินที่สมบูรณ์ไม่เป็นโมฆะ แม้ไม่มีอากรแสตมป์
จำเลยออกบัตรสำหรับค่าแรงทำงานให้แก่โจทก์แทนการจ่ายเป็นธนบัตรรัฐบาลนั้นจะผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยผู้ออกบัตร ไม่เกี่ยวกับโจทก์ แต่ธนบัตรนั้นย่อมเป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ โจทก์อยู่ตามจำนวนเงินในบัตร เมื่อโจทก์นำบัตรมาขอขึ้นเงินกับจำเลย และจำเลยออกใบรับฝากให้ ใบรับฝากเงินนั้นย่อมเป็นหลักฐานแห่งหนี้ที่สมบูรณ์ ไม่เป็นโมฆะ และใบรับฝากเงินนี้ก็มิใช่ใบรับเงินซึ่งจะต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากรแต่อย่างไร
หนังสือแต่งตั้งอนุญาตโดยตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น ผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
หนังสือแต่งตั้งอนุญาตโดยตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น ผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานหนี้สมบูรณ์จากใบรับฝากเงิน & การรับสภาพหนี้ทำให้ฟ้องไม่ขาดอายุความ
จำเลยออกบัตรสำหรับค่าแรงทำงานให้แก่โจทก์แทนการจ่ายเป็นธนบัตรรัฐบาลนั้น จะผิดกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยผู้ออกบัตร ไม่เกี่ยวกับโจทก์ แต่บัตรนั้นย่อมเป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามจำนวนเงินในบัตร เมื่อโจทก์นำบัตรมาขอขึ้นเงินกับจำเลย และจำเลยออกใบรับฝากให้ ใบรับฝากเงินนั้นย่อมเป็นหลักฐานแห่งหนี้ที่สมบูรณ์ ไม่เป็นโมฆะ และใบรับฝากเงินนี้ก็มิใช่ใบรับเงินซึ่งจะต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากรแต่อย่างไร
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการใช้สัญญาที่ไม่สมบูรณ์เป็นหลักฐาน การให้การรับของจำเลยมีผลเหนือข้อโต้แย้งเรื่องการปิดอากรแสตมป์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินของสามีโจทก์ไป ปรากฎตามสำเนาหนังสือสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไปตามฟ้องจริง แล้วโจทก์มิได้อ้างหนังสือสัญญากู้มาเป็นพยานหลักฐานในคดี (เพราะศาลงดสืบพยานโจทก์จำเลย) ต่อมาจำเลยเพิ่งมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาว่า หนังสือสัญญากู้นี้ปิดอากรแสตมป์ขาดไป จะใช้เป็นหลักฐานฟ้องจำเลยไม่ได้ ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการใช้สัญญาที่ไม่สมบูรณ์เป็นหลักฐาน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการรับสภาพหนี้ทำให้ไม่ต้องใช้สัญญาเป็นหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินของสามีโจทก์ไปปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไปตามฟ้องจริงแล้วโจทก์มิได้อ้างหนังสือสัญญากู้มาเป็นพยานหลักฐานในคดี(เพราะศาลงดสืบพยานโจทก์จำเลย) ต่อมาจำเลยเพิ่งมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาว่า หนังสือสัญญากู้นี้ปิดอากรแสตมป์ขาดไป จะใช้เป็นหลักฐานฟ้องจำเลยไม่ได้ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกัน, การผิดนัดชำระหนี้, และการบังคับชำระหนี้ตามสัญญา
ใบมอบอำนาจระบุว่ามอบอำนาจให้ ช.ทวงถามเงินกู้จากจ.และย. แต่งตั้งทนายฟ้องร้องคดีจนถึงที่สุด ดังนี้เป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกระทำการอันเดียว มอบครั้งเดียว มอบให้กระทำการครั้งเดียว เมื่อปิดอากรแสตมป์ 5 บาท ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
การปิดแสตมป์ในตราสารเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติว่าต้องปิดก่อนหรือระหว่างการนำสืบ
ตามสัญญาได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามกำหนด ก็ตกเป็นผู้ผิดนัด เมื่อลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จึงชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้นไม่จำต้องฟ้องลูกหนี้ก่อน และเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ค้ำประกันขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อน ทั้งผู้ค้ำประกันยังเบิกความว่าไม่ทราบว่าลูกหนี้อยู่ที่ไหนจะมีเงินพอชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ ผู้ค้ำประกันไม่อาจจะอ้างได้ว่าเจ้าหนี้ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนจึงจะฟ้องตนได้
เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เงิน ลูกหนี้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีตามกฎหมาย และเมื่อจำเลยค้ำประกันโดยมิได้จำกัดจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องรับผิดการค้ำประกันนี้จึงคุ้มถึงดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างชำระด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าหนี้จะมีหลักฐานในการทวงถามจำเลยหรือไม่ จะพอฟังว่าได้ทวงถามแล้วหรือไม่ก็ตาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยโดยระบุเงินต้นอัตราระยะเวลาและจำนวนรวมมาด้วย แต่จำนวนที่ขอมานั้นต่ำกว่าจำนวนที่ควรจะคำนวณได้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามอัตราและระยะเวลาที่โจทก์ขอ แต่จำกัดไว้ด้วยว่าไม่เกินจำนวนที่โจทก์ระบุขอมา (เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ตามสัญญาที่ลูกหนี้ทำไว้แก่เจ้าหนี้ โดยมิได้ฟ้องลูกหนี้ด้วย ไม่ว่าเจ้าหนี้จะได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อนฟ้องหรือไม่ก็ตาม ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมความที่ตนถูกเจ้าหนี้ฟ้องนั้น)
การปิดแสตมป์ในตราสารเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติว่าต้องปิดก่อนหรือระหว่างการนำสืบ
ตามสัญญาได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามกำหนด ก็ตกเป็นผู้ผิดนัด เมื่อลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จึงชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้นไม่จำต้องฟ้องลูกหนี้ก่อน และเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ค้ำประกันขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อน ทั้งผู้ค้ำประกันยังเบิกความว่าไม่ทราบว่าลูกหนี้อยู่ที่ไหนจะมีเงินพอชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ ผู้ค้ำประกันไม่อาจจะอ้างได้ว่าเจ้าหนี้ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนจึงจะฟ้องตนได้
เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เงิน ลูกหนี้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีตามกฎหมาย และเมื่อจำเลยค้ำประกันโดยมิได้จำกัดจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องรับผิดการค้ำประกันนี้จึงคุ้มถึงดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างชำระด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าหนี้จะมีหลักฐานในการทวงถามจำเลยหรือไม่ จะพอฟังว่าได้ทวงถามแล้วหรือไม่ก็ตาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยโดยระบุเงินต้นอัตราระยะเวลาและจำนวนรวมมาด้วย แต่จำนวนที่ขอมานั้นต่ำกว่าจำนวนที่ควรจะคำนวณได้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามอัตราและระยะเวลาที่โจทก์ขอ แต่จำกัดไว้ด้วยว่าไม่เกินจำนวนที่โจทก์ระบุขอมา (เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ตามสัญญาที่ลูกหนี้ทำไว้แก่เจ้าหนี้ โดยมิได้ฟ้องลูกหนี้ด้วย ไม่ว่าเจ้าหนี้จะได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อนฟ้องหรือไม่ก็ตาม ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมความที่ตนถูกเจ้าหนี้ฟ้องนั้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานการประชุมใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม และไม่ต้องปิดอากรแสตมป์
โจทก์ (ครู) ฟ้องจำเลย (เจ้าของ-ผู้จัดการโรงเรียน) ว่ากู้เงินโจทก์ใช้ในกิจการของโรงเรียน แต่เวลากู้ไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้ แล้วโจทก์อ้างรายงานการประชุมครู 2 ฉบับ ซึ่งกระทำกันหลังการกู้ ฉบับแรกมีข้อความกล่าวถึงว่าโรงเรียนยังมีหนี้สินอยู่โดยเฉพาะเป็นหนี้โจทก์ 20,000 บาท เมื่อเก็บเงินจากนักเรียนได้แล้วก็จ่ายให้เป็นเงินเดือนครูจนพอ เหลือจากนั้นแล้วจึงใช้หนี้ ฉบับหลังมีข้อความว่า โจทก์สงสัยหนี้สินที่ค้างบัญชีตั้งแต่เจ้าหน้าที่คนเก่าจะจัดการอย่งไร เพราะถึงกำหนดต้องใช้เขาแล้ว จำเลยตอบว่า ได้ลงมติในที่ประชุมตามรายงานฉบับแรกแล้วว่าเงินส่วนที่เหลือจากจ่ายเงินเดือนครู ต้องพิจารณาใช้หนี้โจทก์เป็นรายแรก และรายงานทั้ง 2 ฉบับนี้มีลายเซ็นของจำเลยในฐานะประธานที่ประชุมทั้ง 2 ครั้ง ดังนี้ ข้อความในรายงาน 2 ฉบับนี้ไม่กำกวม ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้ และรายงานการประชุมครูนี้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการกู้เงินรายนี้กันเท่านั้น จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงรับฟังเป็นพยานได้
อนึ่ง แม้รายงานนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุม แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
อนึ่ง แม้รายงานนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุม แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานการประชุมใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่สมบูรณ์ตามระเบียบ หากจำเลยลงลายมือชื่อและไม่โต้แย้งความแท้จริง
โจทก์ (ครู) ฟ้องจำเลย (เจ้าของผู้จัดการโรงเรียน) ว่ากู้เงินโจทก์ไปใช้ในกิจการของโรงเรียน แต่เวลากู้ไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้ แล้วโจทก์อ้างรายงานการประชุมครู 2 ฉบับซึ่งกระทำกันหลังการกู้ฉบับแรกมีข้อความกล่าวถึงว่าโรงเรียนยังมีหนี้สินอยู่โดยเฉพาะเป็นหนี้โจทก์ 20,000 บาท เมื่อเก็บเงินจากนักเรียนได้แล้วก็จ่ายให้เป็นเงินเดือนครูจนพอ เหลือจากนั้นแล้วจึงใช้หนี้ฉบับหลังมีข้อความว่า โจทก์สงสัยหนี้สินที่ค้างบัญชีตั้งแต่เจ้าหน้าที่คนเก่าจะจัดการอย่างไร เพราะถึงกำหนดต้องใช้เขาแล้ว จำเลยตอบว่าได้ลงมติในที่ประชุมตามรายงานฉบับแรกแล้วว่าเงินส่วนที่เหลือจากจ่ายเงินเดือนครู ต้องพิจารณาใช้หนี้โจทก์เป็นรายแรกและรายงานทั้ง 2 ฉบับนี้มีลายเซ็นของจำเลยในฐานะประธานที่ประชุมทั้ง2 ครั้งดังนี้ ข้อความในรายงาน 2 ฉบับนี้ไม่กำกวม ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้และรายงานการประชุมครูนี้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการกู้เงินรายนี้กันเท่านั้นจึงไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงรับฟังเป็นพยานได้
อนึ่ง แม้รายงานฯนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุมแต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือชื่อจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
อนึ่ง แม้รายงานฯนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุมแต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือชื่อจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากคำให้การของจำเลย แม้เอกสารไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
แม้เอกสารสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ อันจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ก็ตาม หากจำเลยให้การรับว่าได้ทำเอกสารนั้นให้โจทก์ไว้จริง ก็ย่อมฟังได้ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ โดยไม่ต้องอาศัยฟังจากเอกสาร