คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 301

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าไฟฉายถือเป็นอาวุธในความผิดฐานปล้นทรัพย์หรือไม่ ศาลพิจารณาจากลักษณะของวัตถุ
ไฟฉายชนิดถือเดินทางจะเป็นอาวุธหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ลักษณะว่า จะเป็นเครื่องประหารตามความในมาตรา 6 ข้อ15แห่ง กฎหมายลักษณะอาญาหรือไม่
คนร้าย 3 คนขึ้นไปทำการชิงทรัพย์บนเรือนผู้เสียหาย ปรากฏว่าผู้ร้ายไม่มีอาวุธอย่างใดนอกจากไฟฉายสำหรับถือเดินทาง เมื่อไม่ปรากฏว่าไฟฉายนั้นใหญ่และยาวเท่าใดก็จะอนุมานเอาว่าเป็นเครื่องประหารอันสามารถจะใช้กระทำแก่ร่างกายให้แตกหักบุบสลายได้ถึงสาหัสเช่นตระบอง หาได้ไม่ไฟฉายนั้นจึงไม่ใช่ศาตราวุธ คนร้ายนั้นจึงมีความผิดเพียงฐานชิงทรัพย์ไม่ใช่ปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา และเพิ่งโต้แย้งในชั้นฎีกาว่า ความผิดฐานปล้นทรัพย์จะต้องประกอบด้วยการมีศาตราวุธ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยให้ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนว่า จำเลยจะมีความผิดดังข้อที่โจทก์กล่าวหาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญด้วยอาวุธและการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ขึ้นไปบนบ้านเจ้าทรัพย์ จับเจ้าทรัพย์กับพวกมัดไว้ และค้นเอาทรัพย์ จำเลยได้ใช้ปืนขว้างและถือปืนยืนร้องอยู่หน้าบันไดบ้านเจ้าทรัพย์ว่า "ไม่ใช่ธุระของใคร ๆ อย่าเข้ามา" ดังนี้ รูปคดีฟังได้ชัดว่า เป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญด้วยอาวุธและการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ขึ้นไปบนบ้านเจ้าทรัพย์ จับเจ้าทรัพย์กับพวกมัดไว้ และค้นเอาทรัพย์ จำเลยได้ใช้ปืนขวางและถือปืนยืนร้องอยู่หน้าบันไดบ้านเจ้าทรัพย์ว่า"ไม่ใช่ธุระของใครๆ อย่าเข้ามา" ดังนี้ รูปคดีฟังได้ชัดว่า เป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1417/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งกระบือจำนำคืน ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ หากไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยได้จำนำกระบือไว้กับผู้เสียหาย จำเลยได้นำเงินไปขอไถ่กระบือคืนผู้เสียหายไม่ยอมให้ไถ่ จำเลยได้เอาเงินค่าไถ่กระบือวางไว้ให้ แล้วจำเลยต้อนกระบือของจำเลยที่จำนำไว้นั้นไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงในข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบร่วมกันปล้นทรัพย์: พฤติการณ์บ่งชี้การมีส่วนร่วมแม้ไม่ได้ลงมือโดยตรง
เมื่อจำเลยกับพวกได้ปล้นทรัพย์ของ ก. รายหนึ่งแล้วจำเลยได้ร่วมทางไปกับพวกโจรที่ไปปล้นมาด้วยกันแล้วไปพบ ค. เดินสวนทางมาพวกโจรในกลุ่มที่ไปด้วยกันกับจำเลยได้พูดว่าเร็วอ้ายเสือและบังคับให้ ค.หยุด แล้วพวกโจรนั้นเองได้เข้าแย่งเอาปืนและทรัพย์อื่นของ ค. ไปต่อหน้าจำเลยซึ่งยืนอยู่ห่างเพียง 2 วา เมื่อได้ทรัพย์ของ ค. แล้ว ก็พาหนีไปพร้อมกับจำเลย พฤติการณ์ต่างๆ แสดงว่า จำเลยได้สมคบในการปล้นทรัพย์ของ ค. อีกกระทงหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบร่วมกันปล้นทรัพย์: การพิพากษาโทษฐานสมคบและลงมือปล้นทรัพย์
เมื่อจำเลยกับพวกได้ปล้นทรัพย์ของ ก. รายหนึ่งแล้ว จำเลยได้ร่วมทางไปกับพวกโจรที่ไปปล้นมาด้วยกัน แล้วไปพบ ค.เดินสวนทางมา พวกโจรในกลุ่มที่ไปด้วยกันกับจำเลยได้พูดว่า เร็วอ้ายเสือและบังคับให้ ค.หยุด แล้วพวกโจรนั้นเองได้เข้าแย่งเอาปืนและทรัพย์อื่นของ ค.ไปต่อหน้าจำเลยซึ่งยืนอยู่ห่างเพียง 2 วาเมื่อได้ทรัพย์ของ ค.แล้ว ก็พาหนีไปพร้อมกับจำเลย พฤตติการณ์ต่าง ๆ แสดงว่า จำเลยได้สมคบในการปล้นทรัพย์ของ ค.อีกกะทงหนึ่งด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ ไม่เข้าข่ายปล้นทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อันพบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงินค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่นๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัสดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์: เจ้าพนักงานมีหน้าที่เฝ้ารักษาทรัพย์หรือไม่
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูแลโกดังของ ส.ร.ส. ได้สมคบกับคนร้ายปล้นทรัพย์ของ ส.ร.ส. ไป ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ปกครองรักษาทรัพย์นั้น เป็นแต่ถูกจัดให้มาเป็นยามเฝ้าโกดังเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์ vs. ทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าพนักงาน กรณีหน้าที่เป็นยามเฝ้าทรัพย์
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูแลโกดังของ ส.ร.ส.ได้สมคบกับคนร้ายปล้นทรัพย์ของส.ร.ส.ไป ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ปกครองรักษาทรัพย์นั้น เป็นแต่ถูกจัดให้มาเป็นยามเฝ้าโกดังเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริต บังคับให้ได้ทรัพย์สินโดยมิชอบ ไม่ใช่ปล้นทรัพย์
จำเลยที่ 1-2 เป็นพลตำรวจ ได้สมคบกันไปจับผู้เสียหายมา 2 คน บอกว่าสงสัยว่าลักควายของจำเลยที่ 3 และใส่กุญแจมือพามาบ้านจำเลยที่ 4 ในระหว่างเดินทาง จำเลยที่ 1 ได้เอาปืนยาวตีศีรษะผู้เสียหายให้เอาเงินมาคนละ 300 บาท ถ้าไม่ให้จะฆ่าทิ้งเสียในคืนนี้ ผู้เสียหายยอมรับจะให้คนละ 250 บาท แต่เวลานั้นยังไม่มีเงิน จำเลยจึงบอกให้ผู้เสียหายขายควายและให้เอาเรือน ที่บ้านและไร่ยาสูบขายฝากผู้อื่นไว้แล้วจำเลยที่ 1 ก็รับเอาเงินที่ขายควายและขายฝากเรือน ที่บ้านและไร่ยาสูบไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 270 และมาตรา 136 ฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต หาใช่เป็นการปล้นทรัพย์ เพราะมิใช่การขู่เข็ญชิงเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์ หากแต่เป็นการที่จำเลยบังคับให้เขาให้หรือให้เขาหาทรัพย์ หรือผลประโยชน์อันมิควรจะได้ตามกฎหมายมาให้แก่ตัวมันโดยมันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่บังคับโดยทางอันมิชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 268,270,301 แต่ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 270,136 แต่โจทก์อ้างบทหรือมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
of 13