พบผลลัพธ์ทั้งหมด 129 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926-927/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ต้องมีการชิงทรัพย์สำเร็จ หากไม่มีการชิงทรัพย์แม้เพียงเล็กน้อย ถือเป็นความพยายามปล้นทรัพย์
ความผิดฐานปล้นทรัพย์สำเร็จนั้น ต้องได้ความว่า จำเลยได้ชิงแต่ทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย
จำเลยได้ร้อง "อ้ายเสือเอา" และพังประตูเรือนเจ้าทรัพย์เข้ามา ทั้งเอาปืนยิงด้วย แต่ไม่ปรากฏว่าเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
จำเลยได้ร้อง "อ้ายเสือเอา" และพังประตูเรือนเจ้าทรัพย์เข้ามา ทั้งเอาปืนยิงด้วย แต่ไม่ปรากฏว่าเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926-927/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์ต้องมีการชิงทรัพย์สำเร็จ หากไม่ปรากฏหลักฐานการเอาทรัพย์ไป ถือเป็นความพยายาม
ความผิดฐานปล้นทรัพย์สำเร็จนั้น ต้องได้ความว่า จำเลยได้ชิงเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย
จำเลยได้ร้อง "อ้ายเสือเอา" และพังประตูเรือนเจ้าทรัพย์เข้ามาทั้งเอาปืนยิงด้วยแต่ไม่ปรากฏว่าเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
จำเลยได้ร้อง "อ้ายเสือเอา" และพังประตูเรือนเจ้าทรัพย์เข้ามาทั้งเอาปืนยิงด้วยแต่ไม่ปรากฏว่าเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760-765/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจโดยใช้อำนาจมิชอบ: การบังคับให้ผู้เสียหายให้เงินเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายจากผู้ร้าย
จำเลยเป็นตำรวจใช้อุบายขู่ว่าให้ผู้เสียหายให้เงินแก่จำเลยเพื่อเอาไปให้แก่ผู้ร้ายสำคัญ ถ้าไม่ให้ก็จะต้องถูกผู้ร้ายกระทำร้ายในภายหลัง ดังนี้เรียกได้ว่าจำเลยบังคับโดยใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมายขู่เข็ญข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมีความกลัวต่อภัยอันตรายในอนาคตซึ่งจะถูกพวกปล้นทำร้ายมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268วรรคสุดท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ความรับผิดตามมาตรา 301 ตอนท้าย
จำเลยทั้งสามเข้าไปปล้นและทำร้ายเจ้าทรัพย์ ต่อมาเจ้าทรัพย์ตาย เนื่องจากบาดแผลที่ถูกทำร้ายนั้นเป็นบาดทะยัก จำเลยทั้งสามมีความผิดตามมาตรา 301 ตอนท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แม้จะมีการทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์ ศาลลงโทษได้ตามฟ้อง
เข้าไปยกหีบบรรจุทรัพย์ซึ่งวางอยู่บนร้านที่เจ้าทรัพย์นอนต่อหน้าเจ้าทรัพย์ผู้กำลังนั่งอยู่ที่ร้านนั้น พอคว้าหีบเจ้าทรัพย์ก็แย่งไว้ หีบจึงหลัดตกน้ำลงไปกลับใช้อาวุธทำร้ายเจ้าทรัพย์แล้วหนีไปแต่ตัวดังนี้ เป็นผิดฐานพยายามชิงทรัพย์เท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษตามมาตรา 301,298 แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษตามมาตรา 301,298 แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับเรียกค่าสินไถ่และการข่มขู่เรียกทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ข้อกล่าวหาปล้นทรัพย์ แต่ยืนตามบทหนักเดิม
จำเลยกับพวกจับตัวผู้เสียหายไปควบคุมตัวไว้แล้วบังคับเอาเงินจากพ่อตาและภรรยาเพื่อสินไถ่ และเรียกผู้เสียหายคนอื่นอีก 6 คนมาหาว่าลักควายบังคับให้หาเงินมาให้จำเลยดังนี้ การกระทำในตอนแรกเป็นเรื่องจับตัวไปบังคับเรียกเอาค่าสินไถ่โดยตรง การกระทำในตอนหลังก็ไม่มีกริยาเป็นโจรชิงทรัพย์ตามความหมายของกฎหมายจึงไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301,270 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตาม มาตรา270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียวโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา 301 ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301,270 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตาม มาตรา270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียวโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา 301 ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของสถานที่เกิดเหตุในฟ้องคดีอาญา – ความแตกต่างระหว่างอำเภอที่ระบุในฟ้องและอำเภอที่สืบสวน
ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดที่ตำบลห้วยทรายอำเภอดอยสะเก็ดทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดที่ตำบลห้วยทรายแต่ห้วยทรายจะขึ้นอยู่ในท้องที่อำเภอใดแน่ ไม่ได้ความชัด ดังนี้ไม่พอที่จะถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาฐานปล้นและทำให้ถึงแก่ความตาย แม้การรักษาจะไม่ดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทำให้เขาตาย เมื่อไม่ปรากฏว่าบาดแผลที่ถูกทำร้ายนั้นได้หายแล้ว หรือตายเพราะเหตุอื่น ถึงแม้การรักษาจะไม่ดีและรักษานานสักเท่าใด จำเลยก็ต้องมีความผิดตาม มาตรา 301 ตอน 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาฐานปล้นและทำให้ถึงแก่ความตาย แม้การรักษาไม่ดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทำให้เขาตาย เมื่อไม่ปรากฎว่าบาดแผลที่ถูกทำร้ายนั้นได้หายแล้ว หรือตายเพราะเหตุอื่น ถึงแม้การรักษาจะไม่ดีและรักษานานสักเท่าใด จำเลยก็ต้องมีความผิดตาม ม. 301 ตอน 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำกัดเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาหากจำเลยหลบหนี
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง แต่ยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย ศาลต้องให้ยกฎีกา