พบผลลัพธ์ทั้งหมด 173 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดฆ่าผู้อื่น: การกระทำร่วมกันของจำเลยทั้งสองบ่งชี้ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยทั้งสองเดินเข้ามาหานายบุญช่วย(ผู้ตาย)ด้วยกันโดยจำเลยที่ 2 มีสาเหตุเป็นอริอยู่กับนายบุญช่วยและจำเลยที่ 1 ก็ถือมีดปลายแหลมมาด้วยเมื่อจำเลยที่ 2 เข้าเตะนายบุญช่วยๆ กระโดดหนีจำเลยที่ 1 ถือมีดตามนายบุญช่วยติดไป จำเลยที่2 ก็ตามไปด้วยจนจำเลยที่ 1 แทงนายบุญช่วยล้มลงขาดใจตายทันทีแล้วจำเลยทั้งสองจึงหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการสมคบกับจำเลย ที่ 1 ฆ่านายบุญช่วยตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดฆ่าผู้อื่น: การกระทำร่วมกันและหลบหนีถือเป็นหลักฐาน
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการสมคบ
จำเลยมีไม้ตะพด 1 อันวิ่งตามไปกับนายเรียนซึ่งเป็นพี่ชายแล้วนายเรียนยิงนายเภาตาย และแล้วจำเลยกับพวกพากันหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกัน ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่านายเภาผู้ตาย
จำเลยมีไม้ตะพด 1 อันวิ่งตามไปกับนายเรียนซึ่งเป็นพี่ชายแล้วนายเรียนยิงนายเภาตาย และแล้วจำเลยกับพวกพากันหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกัน ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่านายเภาผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบฆ่าผู้อื่น: การกระทำร่วมกันและการหลบหนีเป็นหลักฐานแสดงเจตนา
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการสมคบ
จำเลยมีไม้ตะพด 1 อันวิ่งตามไปกับนายเรียนซึ่งเป็นพี่ชายแล้วนายเรียนยิงนายเภาตาย และแล้วจำเลยกับพวกพากันหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกัน ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่านายเภาผู้ตาย.
จำเลยมีไม้ตะพด 1 อันวิ่งตามไปกับนายเรียนซึ่งเป็นพี่ชายแล้วนายเรียนยิงนายเภาตาย และแล้วจำเลยกับพวกพากันหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกัน ถือว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฆ่านายเภาผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยไล่ต้อนโคที่ถูกลักมา ไม่ถือเป็นความร่วมมือในการลักทรัพย์
คนร้ายลักโคจูงมาระหว่างทางพบจำเลย จำเลยช่วยคนร้ายไล่ต้อนโคโดยรู้ว่าเป็นโคของผู้อื่นและเมื่อพวกเจ้าทรัพย์มาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกัน ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบหรือสมรู้กับคนร้ายในการลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉ้อโกงต้องเกิดจากการหลงเชื่อจำเลยโดยตรง หากผู้เสียหายหลงเชื่อผู้อื่นและส่งทรัพย์ให้ผู้นั้น ไม่ถือว่าเสียหายจากการฉ้อโกงของจำเลย
เมื่อข้อเท็จจริงในท้องสำนวนปรากฏว่า ผู้เสียหายมอบเงินให้แก่ผู้แทนผู้เสียหายไปรับจำนองแทนผู้เสียหาย เพราะเชื่อตามที่ผู้แทนบอกเช่นนี้ และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลย ดังนี้เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับความจริง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเสียใหม่ให้ตรงความจริงได้
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้ว ก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้ว ก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร: การครอบครองปืนราชการที่ได้มาโดยมิชอบบ่งชี้ถึงเจตนาของผู้รับ
เมื่อปรากฏว่าปืนคาไบร์สองกระบอกนี้เป็นปืนไม่มีทะเบียนและเป็นปืนชนิดที่ใช้ในราชการทหาร เช่นนี้จำเลยก็น่าจะต้องรู้ว่าปืนนั้นได้พ้นมาจากการครอบครองของทางราชการโดยมิชอบประกอบด้วยพฤติการณ์ของจำเลยแสดงความพิรุธ จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าปืนนั้นเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำความผิด จึงต้องมีผิดฐานสมคบกันรับของโจรตาม มาตรา321
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย: การกระทำที่แสดงเจตนาสมคบ
เพียงแต่สันนิษฐานตามท้องสำนวนว่าผู้ตายอาจตายเพราะอาการป่วยอย่างอื่น เช่นนี้ไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินสำนวน
เมื่อเห็นผู้ตายชุลมุนกับเพื่อนของตนก็ส่งมีดให้จำเลยอีกคนหนึ่งจำเลยคนนั้นก็โดดเข้าแทงผู้ตาย ดังนี้ได้ชื่อว่าสมคบในการทำร้ายรายนี้
พอเพื่อนของตนถูกผู้ตายเตะ จำเลยก็ลุกขึ้นก่อนผู้ตายและพูดว่าอ้ายนี้มันเก่งเอาให้ตาย และต่อไปได้ความว่าเมื่อจำเลยอีกคนหนึ่งเข้าไปแทง ผู้ตายดิ้นจะให้หลุดก็ไม่ยอมปล่อยจนจำเลยอีกคนหนึ่งได้แทงผู้ตายถึง 4 ทีจึงได้ปล่อย พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาสมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย
เมื่อเห็นผู้ตายชุลมุนกับเพื่อนของตนก็ส่งมีดให้จำเลยอีกคนหนึ่งจำเลยคนนั้นก็โดดเข้าแทงผู้ตาย ดังนี้ได้ชื่อว่าสมคบในการทำร้ายรายนี้
พอเพื่อนของตนถูกผู้ตายเตะ จำเลยก็ลุกขึ้นก่อนผู้ตายและพูดว่าอ้ายนี้มันเก่งเอาให้ตาย และต่อไปได้ความว่าเมื่อจำเลยอีกคนหนึ่งเข้าไปแทง ผู้ตายดิ้นจะให้หลุดก็ไม่ยอมปล่อยจนจำเลยอีกคนหนึ่งได้แทงผู้ตายถึง 4 ทีจึงได้ปล่อย พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาสมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาบาดแผลและเจตนาเพื่อปรับแก้โทษจากฆ่าคนตายเป็นทำร้ายร่างกาย
คดีเฉพาะจำเลยที่ 1,3 ยุติแล้ว โดยศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยที่ 1 แทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่3 ไม่ได้กระทำผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์ จำเลยที่ 2 ฎีกา เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1,2 ต่างแทงผู้ตายแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดแทงตรงไหนอย่างใด ทั้งฟังได้ว่าต่างคนต่างทำเป็นการเฉพาะตัวมิได้สมคบกันมา บาดแผลของผู้ตายมี 3 แผลๆ ที่ 1 ฉกรรจ์อาจทำให้ถึงตาย อีก 2 แผลเป็นแต่เพียงทำให้หนังถลอกเท่านั้น ดังนี้จึงควรยกประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 2 คงลงโทษฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ไม่ใช่ฐานทำให้ถึงตายโดยไม่เจตนาตาม มาตรา 251
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่ แม้ไม่มีรายละเอียดการกระทำของจำเลยแต่ละคน ก็ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ความผิดฐานสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังคนเพื่อสินไถ่นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 5 สมคบกันกระทำผิดเริ่มแต่วันที่ 13 ธ.ค. ถึง 17 ธ.ค.95 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนอันเป็นเวลาระหว่างที่จำเลยลักพาเด็กไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อสินไถ่ ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดทำอะไรความละเอียดนอกจากนี้เป็นข้อที่นำสืบจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีและไม่หลงข้อต่อสู้ จึงไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลังเมื่อเหตุอื่นๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริงจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลังเมื่อเหตุอื่นๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริงจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันพยายามฆ่า: การกระทำร่วมกันของพี่น้องที่อยู่ในเหตุการณ์และสนับสนุนการยิงผู้เสียหาย
เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยทั้ง 2 มีสาเหตุกับผู้เสียหายวันเกิดเหตุจำเลยทั้ง 2 ซึ่งเป็นพี่น้องกันอยู่ที่เกิดเหตุก่อนผู้เสียหายมาถึงเมื่อจำเลยที่ 2 ใช้กระสุนยิงผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ก็ไม่ห้ามครั้นผู้เสียหายเข้าไปถามว่ายิงเรื่องอะไรจำเลยกลับพูดว่าวันนี้กูเอามึงแน่อ้ายทัด (ชื่อผู้เสียหาย) ทั้งจำเลยที่ 2 รู้และเห็นจำเลยที่ 1 มีปืนมาในขณะนั้นดังนี้แสดงว่าจำเลยทั้ง 2 มีเจตนาร่วมกันในอันที่จะกระทำแก่ผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ยิงด้วยลูกกระสุนก่อนแล้วจำเลยที่ 1 ก็ยิงด้วยปืนภายในระยะเวลากระชั้นชิดติดต่อกันจำเลยต้องมีผิดฐานสมคบกันพยายามฆ่าคนโดยเจตนา