คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 63

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 173 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญด้วยอาวุธและการใช้กำลังเพื่อชิงทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามกฎหมาย
การที่จำเลยที่ 1 ยืนเอามือกุมด้ามปืนคุมเชิงอยู่และพูดว่าค้นเอาให้หมด ขณะที่จำเลยที่ 2 ค้นเอาเงินจากผู้เสียหายนั้นเป็นการแสดงการขู่เข็ญแล้วทั้งจำเลยที่ 2ยังกระชากมือผู้เสียหายซึ่งปิดกระเป๋าไว้เพื่อสะดวกในการล้วงเอาเงินเป็นการใช้กำลังทำร้ายย่อมเข้าลักษณะชิงทรัพย์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการสมคบกันยิง แม้พลาดเป้าหมายแต่เป็นอันตรายถึงผู้อื่น
การที่จำเลยกับพวกสมคบกันมาเจตนาจะยิงคู่ปรปักษ์ แม้กระสุนปืนของพวกจำเลยยิงไปจะพลาดพวกปรปักษ์แต่ไปถูกผู้เสียหายซึ่งมาดูเหตุการณ์เข้าเช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายพวกผู้ยิงย่อมต้องมีผิดฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันมีไม้หวงห้าม การรับรองความเป็นเจ้าของและการรู้เห็นเป็นใจ
จับไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวงได้บนรถบรรทุกซึ่งจอดอยู่ใกล้บ้านเจ้าของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตตัดไม้มาหลายปีแล้วขณะจับภรรยามาทำบันทึกรับรองว่าเป็นไม้ของเจ้าของรถ ต่อมาตนเองยังได้มาพูดรับรองต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นไม้ของตนอีกดังนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของรถบรรทุกไม้สมคบกับจำเลยอื่นมีไม้รายนี้ไว้ในความครอบครองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันพยายามฆ่าและก่อเหตุรุนแรง: พฤติการณ์สนับสนุนการสมคบเพื่อกระทำผิด
จำเลยทั้งสามกับพวกได้เข้าไปในบ้านผู้มีชื่อพร้อมกันขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากไม่ใช่เวลาที่จำเลยกับพวกจะไปปรากฏตัวอยู่ได้ก่อเหตุระรานผู้เสียหายกล่าวคือพวกของจำเลยคนหนึ่งตีผู้เสียหายอีกคนหนึ่งยิงผู้เสียหายอีกคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาจำเลยทั้งสามแต่จำเลยทั้งสามไม่มีใครห้ามปรามเลย กลับยังอยู่เป็นกำลังใจให้พรรคพวก แล้วพวกของตนก็ยิงกระหน่ำเข้าไปในใต้ถุนเรือนซึ่งมีผู้เสียหายซ่อนอยู่อีก 6 นัดเมื่อชาวบ้านมาร้องขอจำเลยทั้งสามกับพวกจึงพากันออกจากบ้านผู้มีชื่อไปพร้อมกันพฤติการณ์เช่นนี้แสดงชัดว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันกับพวกของจำเลยไปกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบคิดร่วมกันทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า โดยมีพฤติการณ์สนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยทั้งสามกับพวกได้เข้าไปในส่วนผู้มีชื่อพร้อมกัน ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากไม่ใช่เวลาที่จำเลยกับพวกจะไปปรากฏตัวอยู่,ได้ก่อเหตุระรานผู้เสียหายกล่าวคือพวกของจำเลยคนหนึ่งตีผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง ยิงผู้เสียหาย-อีกคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามไม่มีใครห้ามปรามเลย กลับยังอยู่เป็นกำลังใจให้พรรคพวก แล้วพวกของตนก็ยิงกระหน่ำเข้าไปในใต้ถุนเรือนซึ่งมีผู้เสียหายซ่อนอยู่อีก 6 นัด เมื่อชาวบ้านมาร้องขอ จำเลยทั้งสามกับพวกจึงพากันออกจากบ้านผู้มีชื่อไปพร้อมกันพฤติการณ์เช่นนี้แสดงชัดว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันกับพวกของจำเลยไปกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดฐานบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนอิสรภาพ แม้เคยถูกปรับในความผิดวิวาทมาก่อน
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อนและการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และเสื่อมเสียอิสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบคิดฆ่าต้องมีเจตนาและพฤติการณ์บ่งชี้ชัด การข่มขู่ด้วยอาวุธโดยไม่มีเจตนาทำร้ายไม่ถึงขั้นเป็นความผิดสมคบ
นายสุพีจำเลยทำอนาจารบุตรผู้เสียหาย ที่สุดจำเลยกับพวกได้ไปสู่ขอหญิงตามประเพณี เมื่อไม่ตกลงค่าสินสอดกัน จำเลยคนหนึ่งกล่าวว่าไม่ตกลงก็กลับ ฝ่ายหญิงว่านายสุเทพกลับได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ก่อน นายสุเทพว่าอยากได้คนหรือเงินก็ไปฟ้องเอา ฝ่ายหญิงบอกให้ผู้ตายไปคุมตัวนายสุพีไว้พอผู้ตายลุกขึ้นนายสุเทพพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรไม่ได้กล่าว อาจหมายเพียงให้ขัดขวางมิให้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้นส่วนนายคลังจำเลยอีกคนควักปืนออกมาขู่ให้นั่งที่สุดยิงไป 1 นัด หันปากกระบอกไปทางไม่มีคน แสดงว่าไม่เจตนายิงใคร ดังนี้แม้พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปจะได้แทงผู้ตายตาย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกที่หลบหนีไปฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยทั้งสองยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบคิดฆ่าผู้อื่น: พฤติการณ์ที่ไม่พอฟังว่ามีเจตนา
นายสุพีจำเลยทำอนาจารบุตรผู้เสียหาย ที่สุดจำเลยกับพวกได้ไปสู่ขอหญิงตามประเพณี เมื่อไม่ตกลงค่าสินสอดกัน จำเลยคนหนึ่งกล่าวว่าไม่ตกลงก็กลับ ฝ่ายหญิงว่านายสุเทพกลับได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ก่อน นายสุเทพว่าอยากได้คนหรือเงินก็ไปฟ้องเอา ฝ่ายหญิงบอกให้ผู้ตายไปคุมตัวนายสุพีไว้พอผู้ตายลุกขึ้นนายสุเทพพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรไม่ได้กล่าว อาจหมายเพียงให้ขัดขวางมิให้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้นส่วนนายคลังจำเลยอีกคนควักปืนออกมาขู่ให้นั่งที่สุดยิงไป 1 นัด หันปากกระบอกไปทางไม่มีคน แสดงว่าไม่เจตนายิงใคร ดังนี้แม้พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปจะได้แทงผู้ตายตาย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกที่หลบหนีไปฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยทั้งสองยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบคิดฆ่าผู้อื่น: พฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดและมีสาเหตุโกรธเคือง
จำเลยได้ไปกับพวกอีกคนหนึ่ง แล้วพวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยกับพวกก็พากันวิ่งหนีไปด้วยกัน จำเลยเป็นคนมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุพวกจำเลยคนนั้นก็นั่งคุยอยู่ที่เรือนจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานสมคบกับพวกฆ่าคนโดยเจตนา
of 18