พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉุดคร่าห์และการข่มขืนเป็นคนละกรรมต่างวาระ แม้มีเจตนาเชื่อมโยงกัน
จำเลยฉุดคร่าห์หญิงไปเพื่อการอนาจารแล้วต่อมาในวันเดียวกันจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราหญิงนั้นด้วย ถือว่าความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร ในคดีหนึ่งไปแล้ว ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราในอีกคดีหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 เมื่อมีข้อพิพาทเรื่องสิทธิในที่ดิน ต้องเริ่มคดีด้วยการยื่นฟ้อง
การร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนชื่อบุคคลผู้ไม่มีสิทธิออกจากแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1 ) นั้น เห็นได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น ระหว่างผู้ร้องกับผู้มีชื่อในแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ว่าใครมีสิทธิเหนือที่ดินดีกว่ากัน เป็นคดีมีข้อพิพาทแล้ว จึงต้องเริ่มคดีโดยทำเป็นคำฟ้องต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: การเพิกถอน ส.ค.1 เมื่อมีการโต้แย้งสิทธิครอบครอง และการเริ่มคดีโดยคำฟ้อง
การร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนชื่อบุคคลผู้ไม่มีสิทธิออกจากแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)นั้น เห็นได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับผู้มีชื่อในแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ว่าใครมีสิทธิเหนือที่ดินดีกว่ากัน เป็นคดีมีข้อพิพาทแล้ว จึงต้องเริ่มคดีโดยทำเป็นคำฟ้องต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในสินสมรสเมื่อเจ้าหนี้บังคับยึดทรัพย์จากหนี้ส่วนตัวของสามี ภรรยาจึงมีสิทธิในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดครึ่งหนึ่ง
สามีไปกู้เงินโจทก์โดยภรรยามิได้รู้เห็นยินยอมหรือรับประโยชน์ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ที่เป็นสินสมรสระหว่างสามีภรรยานั้นมาขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใด ภรรยาก็มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งจากเงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสและการบังคับชำระหนี้ส่วนตัว: สิทธิในเงินจากการขายทอดตลาด
สามีไปกู้เงินโจทก์โดยภรรยามิได้รู้เห็นยินยอมหรือรับประโยชน์ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ที่เป็นสินสมรสระหว่างสามีภรรยานั้นมาขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใด ภรรยาก็มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งจากเงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีทุนทรัพย์เกินห้าพันบาท แต่สละข้อหาบางส่วน ทำให้เหลือทุนทรัพย์น้อยกว่าห้าพันบาท ไม่อาจฎีกาข้อเท็จจริงได้
ทุนทรัพย์ตามฟ้องเดิม แม้จะเกินห้าพันบาทแต่คู่ความได้สละข้อหาบางข้อเสียตั้งแต่ในศาลชั้นต้นคงเหลือทุนทรัพย์พิพาทกันต่อมาราคาเพียงสามพันบาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อยในการบังคับจำเลยเช่นนี้ คู่ความจะฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความหมายของ 'จำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไป' ในมาตรา 181(1) ประมวลกฎหมายอาญา
ข้อความที่ว่า "ความผิดที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไป........." ในมาตรา 181(1) แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น หมายความถึงอัตราขั้นต่ำของความผิดนั้นๆ จะต้องจำคุกสามปีเป็นอย่างน้อยที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไป' ในมาตรา 181 อาญา: อัตราโทษขั้นต่ำไม่ใช่เกณฑ์ลงโทษ
ข้อความที่ว่า "ความผิดที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไป...." ในมาตรา 181 (1) แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น หมายความถึงอัตราขั้นต่ำของความผิดนั้น ๆ จะต้องจำคุกสามปีเป็นอย่างน้อยที่สุด
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2506)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรสถานบันเทิง: การฉีกตั๋วเป็นรายตัวผู้ดูเพื่อหลีกเลี่ยงเงินเพิ่มอากร หากไม่ปฏิบัติต้องรับผิดตามจำนวนตั๋ว
การเสียอากรมหรศพต้องเสียเป็นรายตัวผู้ดู และเมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้งก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง ไม่ใช่เก็บรวมไว้ฉีกในคราวเดียวกัน หากไม่ฉีกตั๋วในขณะที่ได้รับจากผู้ดูครั้งใด เจ้าของมหรศพก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตั๋วซึ่งมิได้ฉีก
เจ้าของมหรศพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเท่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่า ของเงินอากรที่ต้องเสีย กับการเสียเป็นเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้น ต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากร ฯ 10,642.5 บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.5 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
เจ้าของมหรศพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเท่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่า ของเงินอากรที่ต้องเสีย กับการเสียเป็นเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้น ต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากร ฯ 10,642.5 บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.5 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรสถานบันเทิง: การเสียอากรเป็นรายตัวผู้ดูและหน้าที่ในการฉีกตั๋วทันทีที่ได้รับ
การเสียอากรมหรสพต้องเสียเป็นรายตัวผู้ดู และเมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้งก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง ไม่ใช่เก็บรวมไว้ฉีกในคราวเดียวกัน หากไม่ฉีกตั๋วในขณะที่ได้รับจากผู้ดูครั้งใดเจ้าของมหรสพก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตั๋วซึ่งมิได้ฉีก
เจ้าของมหรสพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเหล่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสียกับการเสียเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้นต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากรฯ10,642.50บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.50 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
เจ้าของมหรสพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเหล่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสียกับการเสียเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้นต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากรฯ10,642.50บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.50 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)