คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประมูล สุวรรณศร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนจึงสมบูรณ์ ผู้รับโอนไม่มีสิทธิฟ้อง
ข้อตกลงระหว่างทายาทที่ให้แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งไว้เป็นทางภารจำยอมนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนย่อมไม่บริบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ผู้รับโอนที่ดินบางส่วนจากทายาทคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิฟ้องให้เปิดทางภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนจึงมีผล โจทก์ผู้รับโอนที่ดินแปลงอื่นไม่มีสิทธิอาศัยสิทธิภารจำยอมของเจ้าของเดิม
ฎีกาจำเลยกล่าวถึงฟ้อง คำให้การและคำวินิจฉัยศาลล่าง แล้วฎีกาว่า ตามที่ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นยังขัดต่อข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงซึ่งได้จากคำให้การของโจทก์อันเป็นการอธิบายฟ้องของโจทก์ที่จะปรับเข้ากับข้อกฎหมายได้แล้ว แม้จะให้สืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปอีกก็ไม่มีเหตุที่จะทำข้อกฎหมายที่จะนำมาใช้บังคับตามฟ้องเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบและยกฟ้อง โจทก์จึงชอบแล้ว ดังนี้ ไม่ใช่ฎีกาย่อ ไม่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225, 247
ข้อตกลงระหว่างทายาทที่ให้แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งไว้เป็นทางภารจำยอมนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมไม่บริบูรณ์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ผู้รับโอน ที่ดินแปลงอื่นจากทายาทคนหนึ่งไม่มีสิทธิจะฟ้องทายาทเหล่านั้นให้เปิดทางภารจำยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์การทำสัญญาและการรับเงิน ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง แม้จะเกี่ยวข้องกับการแปลงหนี้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ที่โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยได้ทำให้ไว้สัญญาดังกล่าวนี้จะสืบเนื่องมาจากการแปลงหนี้ใหม่หรือไม่ ไม่เป็นข้อสำคัญโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์และได้รับเงินไปครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ต่อมานำสืบว่า เอาสัญญากู้รายเก่ามาเปลี่ยนทำสัญญากู้ใหม่ โดยเอาดอกเบี้ย ที่ค้างทบกับต้นเงินรวมเป็นจำนวนเงินกู้ ใหม่ในสัญญาที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นการสืบมูลเหตุที่มาสู่การทำสัญญากู้ เป็นการสืบข้อเท็จจริงแวดล้อมเพื่อแสดงว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องจริงและได้มีการตกลงให้ถือว่าจำเลยได้รับเงินแล้วอย่างไร ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง และโจทก์ไม่ต้องกล่าวอ้างตั้งประเด็นเรื่องแปลงหนี้ ใหม่มาในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินพิพาท: บุคคลภายนอกมีสิทธิพิสูจน์กรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้มีคำพิพากษาแล้ว
แม้จะเคยมีคำพิพากษารับรองกรรมสิทธิ์ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์มาแล้วก็ตาม โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีนั้นย่อมนำพิสูจน์ว่าทรัพย์รายพิพาทนั้นเป็นของจำเลยอันจะต้องรับผิดต่อการบังคับคดีของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 (2) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกคดีพิสูจน์กรรมสิทธิ์จำเลยเพื่อบังคับคดีได้ แม้มีคำพิพากษารับรองกรรมสิทธิ์เดิม
แม้จะเคยมีคำพิพากษารับรองกรรมสิทธิ์ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์มาแล้วก็ตามโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีย่อมนำพิสูจน์ว่าทรัพย์รายพิพาทนั้น เป็นของจำเลยอันจะต้องรับผิดต่อการบังคับคดีของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันผลประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้เป็นการกล่าวหาการทุจริต
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นติชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปกปิดโรคภัยไข้เจ็บก่อนทำประกันชีวิตทำให้กรมธรรม์เป็นโมฆียะเมื่อบริษัทบอกล้างสิทธิ
ผู้เอาประกันชีวิตเคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว ซึ่งขณะนี้ไม่มีทางรักษาหายและจะตายอย่างช้าใน 5 ปี แต่ปกปิดความจริงว่าไม่เคยเจ็บป่วย ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลใด ทำให้กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นโมฆียะ เมื่อผู้รับประกันชีวิตบอกล้างใน 1 เดือนแล้ว ย่อมตกเป็นโมฆะ ผู้รับประโยชน์จะฟ้องเรียกเงินประกันชีวิตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปกปิดเจ็บป่วยในการทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
ผู้เอาประกันชีวิตเคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว ไม่มีทางรักษาหาย และอาจตายใน 7 วัน ถึง 6 เดือนหรืออย่างช้า 5 ปี แต่ปกปิดความจริงว่าไม่เคยเจ็บป่วย ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลทำให้สัญญาประกันชีวิต เป็นโมฆียะ เมื่อผู้รับประกันชีวิตบอกล้างภายใน 1 เดือนแล้ว ย่อมตกเป็นโมฆะผู้รับประโยชน์จะฟ้องเรียกเงินประกันชีวิตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการสั่งพิทักษ์ทรัพย์ต่อการบังคับคดีจำนอง: การบังคับคดีต้องสำเร็จก่อน
เดิมศาลพิพากษาให้จำเลยทำสัญญาจำนองโรงเลื่อยเป็นประกันหนี้โจทก์ถ้าไม่ทำให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาจำเลยได้รับคำบังคับแล้วแต่ก่อนจำเลยได้รับคำบังคับศาลแพ่งสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลาย และหมายตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วดังนี้ โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปทำสัญญาจำนองแทนจำเลยไม่ได้เพราะการบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์ก่อนวันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จึงใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 110
of 323