คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประมูล สุวรรณศร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจยึดของเจ้าพนักงานและสิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์สินที่ถูกยึดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้น ประสงค์แต่เพียงแก้ไขเพื่อกำหนดว่าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจโดยทั่วไปก็มีอำนาจทำการยึดได้เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่วิเคราะห์ศัพท์ไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาแก้ของศาลอุทธรณ์ต้องไม่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
ในกรณีที่ศาลแขวงพิพากษาว่า จำเลยไม่ได้กระทำการเรี่ยไรตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องและสั่งไม่ริบเงินของกลาง ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ริบเงินของกลางโดยถือว่าเป็นของได้มาจากการกระทำผิดไม่ได้เพราะเท่ากับเป็นการฟังข้อเท็จจริงใหม่ผิดจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเกินกรอบข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ในกรณีที่ศาลแขวงวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำการเรี่ยไรตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องและสั่งไม่ริบเงินของกลางโดยไม่ฟังว่าได้มาจากการทำผิดนั้น โจทก์อุทธรณืเฉพาะให้ริบเงินของกลาง ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ริบเงินของกลางโดยถือว่าเป็นของได้มาจากการทำผิดไม่ได้เพราะเท่ากับเป็นการฟังข้อเท็จจริงใหม่ ผิดจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ - เจตนา - ความเสียหาย - มัสยิด - กรรมการ
คณะกรรมการของมัสยิดซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ประชุมลงมติให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้หนึ่งไปแจ้งต่ออำเภอว่าเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของมัสยิดเป็นการชั่วคราวเพื่อความสะดวกที่จะให้เช่าและกันคนอื่นถือสิทธิต่อไป จำเลยก็นำความไปแจ้งต่อปลัดกิ่งอำเภอว่า จำเลยเป็นเจ้าของหากว่าการแจ้งของจำเลยเช่นนี้ไม่มีเจตนาทุจริต เป็นที่รู้กันระหว่างจำเลยกับคณะกรรมการมัสยิดและมัสยิดหรือผู้ใดไม่ได้เสียหายหรืออาจเสียหายแต่ประการใดไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ - ไม่มีเจตนาทุจริต - ความเสียหาย - อำนาจฟ้อง - มัสยิด
คณะกรรมการของมัสยิดซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ประชุมลงมติให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้หนึ่งไปแจ้งต่ออำเภอว่าเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของมัสยิดเป็นการชั่วคราวเพื่อความสะดวกที่จะให้เช่าและกันคนอื่นถือสิทธิต่อไป จำเลยก็นำความไปแจ้งต่อปลัดกิ่งอำเภอว่าจำเลยเป็นเจ้าของ หากว่าการแจ้งของจำเลยเช่นนี้ไม่มีเจตนาทุจริตเป็นที่รู้กันระหว่างจำเลยกับคณะกรรมการมัสยิดและมัสยิดหรือผู้ใดไม่ได้เสียหายหรืออาจเสียหายแต่ประการใด ไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้ ภาษีการค้า และภาษีเทศบาลของตัวแทนบริษัทต่างประเทศที่ประกอบกิจการในไทย
ภาษีเงินได้นั้น ประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติมุ่งถึงการรับตัวเงินในที่ใดเลย หากให้พิเคราะห์ถึงผลที่ว่าบริษัทในต่างประเทศนั้นได้รับเงินหรือผลกำไรในประเทศไทยหรือไม่ คำว่าเงินได้หรือผลกำไรนั้น มิใช่ตัวเงินสด บริษัทในต่างประเทศจะได้รับในทางเครดิตหรือทางอื่นใดก็ตาม ถ้าเป็นเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทยแล้วก็ย่อมอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
ข้อความในประมวลรัษฎากรที่ว่าในประเทศไทย นั้น หมายถึงกิจการที่ประกอบอันเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรนั้นได้กระทำในประเทศไทย หาใช่เงินได้หรือผลกำไรที่บริษัทต่างประเทศได้รับในประเทศไทยไม่
ภาษีการค้านั้น เมื่อบริษัทที่อยู่ต่างประเทศได้ประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทย โจทก์ซึ่งเป็นผู้กระทำการแทนจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการค้าตามความหมายของประมวลรัษฎากรด้วย ฉะนั้น ผู้ประกอบการค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าอย่างไร โจทก์ก็ต้องมีหน้าที่เสียอย่างนั้น
ภาษีเทศบาลนั้น เมื่อโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรแล้ว โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเทศบาลด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตภาษีเงินได้ ภาษีการค้า และภาษีเทศบาลสำหรับบริษัทต่างประเทศในไทย
ภาษีเงินได้นั้นประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติมุ่งถึงการรับตัวเงินในที่ใดเลย หากเป็นกรณีบริษัทในต่างประเทศ ก็ให้พิเคราะห์ถึงผลว่าบริษัทในต่างประเทศนั้นได้รับเงิน หรือผลกำไรในประเทศไทยหรือไม่ คำว่า เงินได้หรือผลกำไรนั้น มิใช่ตัวเงินสด บริษัทในต่างประเทศจะได้รับในทางเครดิตหรือทางอื่นใดก็ตาม ถ้าเป็นเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทยแล้วก็ย่อมอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
ภาษีการค้านั้น เมื่อบริษัทที่อยู่ต่างประเทศได้ประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทย ผู้กระทำการแทนจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการค้าตามความหมายของประมวลรัษฎากรด้วย ฉะนั้นผู้ประกอบการค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าอย่างไรผู้กระทำการแทนบริษัทที่อยู่ต่างประเทศก็ต้องมีหน้าที่เสียอย่างนั้น
ภาษีเทศบาลนั้น เมื่อโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรแล้ว โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเทศบาลด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อคดีอาวุธปืนระหว่างพิจารณา: การยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยฐานมีอาวุธปืน ซึ่งมีหมายเลขทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาต แต่ไม่ริบปืนของกลาง อัยการโจทก์จึงอุทธรณ์ ขอให้ริบปืนของกลาง ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501ออกใช้บังคับโดยมี มาตรา 9 วรรคหนึ่ง เปิดโอกาสให้ผู้มีอาวุธปืนฯมาขออนุญาตต่อนายทะเบียนในกำหนด 90 วัน โดยผู้นั้นไม่มีโทษ ดังนี้ต้องถือว่าในระหว่างนั้น กฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้ พระราชบัญญัตดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบของกฎหมายยกเว้นโทษต่อคดีอาวุธปืนที่อยู่ระหว่างพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยฐานมีอาวุธปืนซึ่งมีหมายเลขทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่ไม่ริบปืนของกลาง อัยการโจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ริบปืนของกลาง ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 ออกใช้บังคับโดยมีมาตรา 9 วรรค 1 เปิดโอกาสให้ผู้มีอาวุธปืนฯ มาขออนุญาตต่อนายทะเบียนในกำหนด 90 วันโดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนี้+ แม้คดีอยู่ในะหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด ม.157 ไม่ครอบคลุมการกระทำทางเพศนอกเหนือการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นความผิดที่เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือโดยทุจริต ฉะนั้นการที่โจทก์ถูกตำรวจจับและควบคุมฐานเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ จำเลยซึ่งเป็นตำรวจเช้าไปกระทำต่อโจทก์ในทางชู้สาว ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่มีมูลความผิดตามกฎหมายดังกล่าว
of 323