พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานคำรับสารภาพในชั้นสอบสวน vs คำปฏิเสธในชั้นศาล: โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด
ฟ้องว่าเล่นการพนัน โจทก์ไม่มีหลักฐานอย่างใด นอกจากคำรับของจำเลยในชั้นสอบสวน ในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธแต่เมื่อจำเลยเบิกความเป็นพยานอ้างตนเอง ได้เบิกความตอบคำซักค้านของโจทก์ว่า ได้เล่นการพนันจริงดังนี้ไม่พอฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญา: ความชัดเจนของวันเวลาในฟ้อง และการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดระหว่างวันที่ 25 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2502 เวลากลางวันและกลางคืน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีอาญา: การระบุช่วงเวลากระทำผิดที่โจทก์กล่าวอ้างเพียงใด จึงถือว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดระหว่างวันที่ 25 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2502 เวลากลางวันและกลางคืน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลพลเรือนพิจารณาคดีทหาร: แม้ฟ้องก่อนรู้สถานะทหาร ศาลพลเรือนก็มีอำนาจพิจารณาได้
ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลพลเรือน ศาลพลเรือนได้สั่งรับฟ้องไว้แล้ว ต่อมาความปรากฎว่าจำเลยเป็นทหารประจำการซึ่งควรจะถูกฟ้องต่อศาลทหาร ดังนี้ ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้นได้ตามพระธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 15 วรรค 2
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลพลเรือนเมื่อจำเลยเป็นทหาร - พระธรรมนูญศาลทหาร
ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลพลเรือน ศาลพลเรือนสั่งรับฟ้องไว้แล้ว ต่อมาความปรากฏว่า จำเลยเป็นทหารประจำการซึ่งควรจะถูกฟ้องต่อศาลทหาร ดังนี้ ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้นได้ ตามพระธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498มาตรา 15 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้นอกศาลและการบังคับคดี: จำเลยต้องพิสูจน์การชำระหนี้เอง
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา 6,250 บาท โจทก์นำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาด จำเลยร้องว่าได้ชำระหนี้แก่โจทก์นอกศาลแล้ว 5,250 บาท จะขอชำระส่วนที่ยังค้างและขอให้ศาลสั่งถอนการยึด โจทก์แถลงคัดค้านว่าได้รับเงินจากจำเลยนอกศาลเพียง 400 บาทเท่านั้นดังนี้ เมื่อโจทก์ปฏิเสธ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกมาเป็นเหตุไม่ให้ศาลดำเนินการบังคับคดีต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้นอกศาลและการบังคับคดี: ศาลไม่รับฟังการอ้างชำระหนี้ที่ไม่เป็นที่ยอมรับของเจ้าหนี้
จำเลยเป็นหนี้ตามคำพิพากษา 6,250 บาท โจทก์นำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด จำเลยร้องว่า ได้ชำระหนี้แก่โจทก์นอกศาลแล้ว 5,250 บาท จะขอชำระส่วนที่ยังค้างและขอให้ศาลสั่งถอนการยึดโจทก์แถลงคัดค้านว่าได้รับเงินจากจำเลยนอกศาลเพียง 400 บาทเท่านั้น เมื่อโจทก์ปฏิเสธดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกมาเป็นเหตุไม่ให้ศาลดำเนินการบังคับคดีต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินชายตลิ่งและคำสั่งนายอำเภอ: การกระทำตามคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยแย่งการครอบครองที่ชายตลิ่งที่น้ำท่วมถึงนายอำเภอบอกให้โจทก์ยกให้จำเลยเสีย และอนุญาตให้จำเลยล้อมรั้วได้ ต่อมาอีก 2-3 วัน โจทก์เอาต้นนุ่นไปปลูกในที่พิพาท จำเลยได้ไปร้องต่อนายอำเภออีก นายอำเภอสั่งให้จำเลยถอนได้จำเลยจึงถอนต้นนุ่นทิ้ง ดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยกระทำตามคำสั่งของนายอำเภออันชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการเกินสมควร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การด่าทอผู้เป็นมารดาด้วยถ้อยคำร้ายแรง ถือเป็นเนรคุณ สิทธิเรียกคืนทรัพย์สิน
บุตรด่ามารดาว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2) แล้ว มารดาเรียกทรัพย์ที่ให้โดยเสน่หาคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ การชั่งน้ำหนักพยานในคดีแพ่ง
การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีแพ่งความเป็นไปโดยลักษณะความแพ่ง กล่าวคือเทียบเคียงน้ำหนักคำพยานประกอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีว่าจะควรเชื่อฟังเป็นความจริงตามโจทก์ฟ้องได้เพียงใด จะถือเอาเพียงข้อแตกต่างแห่งคำพยานโจทก์บางคนที่เบิกความไม่ตรงกันมาเป็นเหตุยกฟ้องนั้นไม่ชอบ
บุตรได้ค่ามาตราว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว มารดาเรียกทรัพย์ที่ให้บุตรโดยเสน่หาคืนได้
บุตรได้ค่ามาตราว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว มารดาเรียกทรัพย์ที่ให้บุตรโดยเสน่หาคืนได้