พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานหลังสืบพยานจำเลยถือเป็นการเสียเปรียบในทางคดี ศาลไม่ควรอนุญาต
สืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่สืบก่อนไปจนเสร็จแล้ว ต่อมาโจทก์จึงมาร้องขอระบุพยาน อ้างว่าพลั้งเผลอหลงลืมไม่ได้ตรวจดูสำนวนก่อนโดยเชื่อว่าได้ยื่นไว้ต่อศาลแล้วนั้น ทำให้จำเลยเสียเปรียบในทางคดี ไม่ควรอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังทรัพย์สินร่วม ช้างเป็นทรัพย์สินที่เจ้าของร่วมกัน การกระทำดังกล่าวมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352
บรรยายฟ้องว่า ร่วมทุนกันซื้อช้างเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วผลัดกันเลี้ยงเพื่อหาประโยชน์ ครั้นจำเลยเลี้ยงแล้วถึงคราวที่ต้องผลัดให้เจ้าของร่วมเลี้ยงบ้าง จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาไว้เลี้ยงเพื่อประโยชน์ตนเสียแต่ฝ่ายเดียว ดังนี้ ฟ้องมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังทรัพย์สินร่วมโดยมีเจตนาทุจริตหลังคู่หุ้นส่วนเสียชีวิต ถือเป็นความผิดอาญา
บรรยายฟ้องว่า ร่วมทุนกันซื้อช้างเป็นเจ้าของร่วมกัน แล้วผลัดกันเลี้ยงเพื่อหาประโยชน์ ครั้นจำเลยเลี้ยงแล้วถึงคราวที่ต้องผลัดให้เจ้าของร่วมเลี้ยงบ้าง จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาไว้เลี้ยงเพื่อประโยชน์ตนเสียแต่ฝ่ายเดียว ดังนี้ ฟ้องมีมูล ความผิดความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักกันผู้ต้องโทษเดิมและการพิจารณาโทษซ้ำเมื่อกระทำผิดซ้ำ ศาลต้องเคารพคำสั่งปล่อยตัวเดิม
ประมวลกฎหมายอาญามีผลเพียงให้โทษกักกันที่จำเลยได้รับอยู่เดิมเปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยเท่านั้นแม้ตามประมวลกฎหมายอาญาจะมิได้ถือว่าการที่จำเลยถูกกักกันต่อมานั้นเป็นโทษก็ตาม ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษกักกันนั้นไปแล้ว เพราะยังต้องถูกกักกันอยู่โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาล
แต่เมื่อปรากฏว่า ศาลได้ปล่อยจำเลยไปโดยถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาให้กักกันศาลก็จะรื้อฟื้นขึ้นมาว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้กักกัน (เพื่อจะนำมาพิจารณารวมกับการกระทำผิดครั้งหลังให้กักกันตามมาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)หาได้ไม่
แต่เมื่อปรากฏว่า ศาลได้ปล่อยจำเลยไปโดยถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาให้กักกันศาลก็จะรื้อฟื้นขึ้นมาว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้กักกัน (เพื่อจะนำมาพิจารณารวมกับการกระทำผิดครั้งหลังให้กักกันตามมาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา และผลของการปล่อยตัวผู้ต้องโทษโดยไม่ถือว่าเคยมีคำพิพากษาให้กักกัน
ประมวลกฎหมายอาญามีผลเพียงให้โทษกักกันที่จำเลยได้รับอยู่เดิมเปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอาญาจะมิได้ถือว่าการที่จำเลยถูกกักกันต่อมานั้นเป็นโทษก็ตาม ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษกักกันนั้นไปแล้ว เพราะยังต้องถูกกักกันอยู่โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาล
แต่เมื่อปรากฏว่า ศาลได้ปล่อยจำเลยไปโดยถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาให้กักกันศาลก็จะรื้อฟื้นขึ้นมาจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้กักกัน (เพื่อจะนำมาพิจารณาร่วมกับการกระทำผิดครั้งหลังให้กักกันตามมาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา) หาได้ไม่
แต่เมื่อปรากฏว่า ศาลได้ปล่อยจำเลยไปโดยถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาให้กักกันศาลก็จะรื้อฟื้นขึ้นมาจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้กักกัน (เพื่อจะนำมาพิจารณาร่วมกับการกระทำผิดครั้งหลังให้กักกันตามมาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ต่างประเทศขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เงื่อนไขตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483
ผู้ล้มละลายก่อหนี้โดยตรงกับบริษัทในต่างประเทศ สาขาบริษัทในประเทศจะขอรับชำระหนี้ตามธรรมดาอย่างบริษัทที่มีภูมิลำเนาในประเทศไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บริษัทต่างประเทศจำต้องทำดังบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 178
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ต่างประเทศ: เงื่อนไขตาม พรบ.ล้มละลาย มาตรา 178
ผู้ล้มละลายก่อหนี้โดยตรงกับบริษัทในต่างประเทศ สาขาบริษัทในประเทศจะขอรับชำระหนี้ตามธรรมดาอย่างบริษัทที่มีภูมิลำเนาในประเทศไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บริษัทต่างประเทศจำต้องทำดังบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 178
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฟ้องหย่า: พิจารณาความสะดวกของคู่ความและพยานเป็นสำคัญ
โจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฟ้องขอหย่าขาดกับจำเลยต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้องเกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะเป็นการสดวกจึงขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่นนี้ บทกฎหมายอันว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้นบัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) จะเห็นได้ว่ากฎหมายให้พิจารณาถึงความสดวกเป็นสำคัญ จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลยจะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การให้ไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนครโจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกัน ตามเหตุที่อ้างในคำร้องของโจทก์นั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และการให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่เป็นที่พอใจตามคำร้องของโจทก์หรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 ก่อนก็ได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฟ้องหย่า: ความสะดวกในการดำเนินคดีและภูมิลำเนาของคู่ความ
โจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฟ้องขอหย่าขาดกับจำเลยต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้อง เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเป็นการสดวกจึงขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่นนี้ บทกฎหมายอันว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้น บัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้พิจารณาถึงความสดวกเป็นสำคัญ จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลย จะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การให้ไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนคร โจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกันตามเหตุที่อ้างในคำร้องของโจทก์นั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และการให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่เป็นที่พอใจตามคำร้องของโจทก์หรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 ก่อนก็ได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ่จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ่จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องแย้งจำกัดเฉพาะผู้เสียหายโดยตรง บุคคลอื่นไม่สามารถอ้างสิทธิแทนได้
จำเลยจะฟ้องแย้งโดยกล่าวว่า โจทก์ละเมิดสิทธิของบุคคลที่สาม(บุตรของจำเลย)ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีไม่ได้