พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขวันต้องขังตามหมายจำคุก: ไม่ใช่การแก้ฟ้อง แต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษา
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันถูกควบคุมตัวของจำเลยมาไม่ตรงกับความเป็นจริง จนกระทั่งศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยนับวันต้องขังตามวันที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ดังนี้ โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้วันต้องขังของจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงได้ เพราะไม่ใช่เป็นการขอแก้ฟ้อง และไม่ทำให้ศาลต้องแก้ไขคำพิพากษาแต่อย่างใดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขวันต้องขังในหมายจำคุกที่ไม่กระทบคำพิพากษา: เป็นเรื่องการบังคับตามคำพิพากษา ไม่ใช่การแก้ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันถูกควบคุมตัวของจำเลยมาไม่ตรงกับความเป็นจริง จนกระทั่งศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยนับวันต้องขังตามวันที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ดังนี้ โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้วันต้องขังของจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงได้ เพราะไม่ใช่เป็นการขอแก้ฟ้อง และไม่ทำให้ศาลต้องแก้ไขคำพิพากษาแต่อย่างใด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดปลดจากการล้มละลายเนื่องจากพฤติการณ์ไม่สุจริตของผู้ล้มละลาย
พฤติการณ์ของผู้ล้มละลายทั้งก่อนและหลังล้มละลาย ส่อให้เห็นไปในทางไม่สุจริตหลายประการ ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความตามที่ระบุไว้ในมาตรา 73 พระราชบัญญัติล้มละลาย ศาลย่อมมีคำสั่งไม่ยอมปลดจากการล้มละลาย และให้งดการปลดจากล้มละลายมีกำหนด 3 ปีได้ตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดปลดจากการล้มละลายเนื่องจากพฤติการณ์ไม่สุจริตของผู้ล้มละลาย
พฤติการณ์ของผู้ล้มละลายทั้งก่อนและหลังล้มละลาย ส่อให้เห็นไปในทางไม่สุจริตหลายประการ ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความตายที่ระบุไว้ในมาตรา 73 พระราชบัญญัติล้มละลาย ศาลย่อมมีคำสั่งไม่ยอมปลดจากการล้มละลาย และให้งดการปลดจากล้มละลายมีกำหนด 3 ปี ได้ตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในคดีฆ่าคนโดยเจตนาที่เกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา ต้องใช้กฎหมายเก่า แม้โทษเท่ากัน
จำเลยทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเหตุเกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญาต้องลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จะลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 หาได้ไม่ เพราะอัตราโทษเท่ากันกับกฎหมายเก่า ไม่มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยประการใด และเมื่อคำให้การจำเลยมีประโยชน์ในการพิจารณาอยู่บ้าง จะปรานีลดโทษให้จำเลย ก็ต้องอ้างกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 59 จะมาอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฆ่าคนโดยเจตนาเมื่อเหตุเกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา ศาลฎีกาแก้ไขโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา
จำเลยทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา เหตุเกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 249 ต้องลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 หาได้ไม่ เพราะอัตราโทษเท่ากันกับกฎหมายเก่า ไม่มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยประการใด และเมื่อคำให้การจำเลยมีประโยชน์ในการพิจารณาอยู่บ้าง จะปรานีลดโทษให้จำเลย ก็ร้องอ้างกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 จะมาอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้น ข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่า ฉะนั้น ที่จำเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคนหมู่มากแล้วกระสุนลั่นออกโดยไม่มีใครเห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง คดีย่อมมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้นข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่า ฉะนั้นที่จำเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคนหมู่มากแล้วกระสุนลั่นออกโดยไม่มีใครเห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง คดีย่อมมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงตาม พ.ร.บ.ศาลแขวงฯ พ.ศ.2499: บทบาทผู้ว่าคดีและอัยการ
คดีเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ใช้บังคับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 ส่วนพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 ยังมิได้ออกใช้บังคับ เมื่อผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงธนบุรี ศาลแขวงธนบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลฐานวิ่งราวทรัพย์(ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลอาญา) และให้ประทับฟ้องไว้ อัยการได้รับสำนวนจากศาลแขวงธนบุรีและพิจารณาแล้วสั่งไม่ฟ้องฐานวิ่งราวคงสั่งฟ้องฐานลักทรัพย์ (ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง) เช่นนี้เมื่ออัยการฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญาศาลอาญาจำต้องรับคดีนี้ไว้พิจารณา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(2) ที่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเองแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 เท่านั้นที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(2) ที่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเองแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 เท่านั้นที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงตาม พ.ร.บ. 2499: บทบาทอัยการและผู้ว่าคดี, ศาลต้องรับฟ้อง
คดีเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ใช้บังคับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 ส่วนพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 ยังมิได้ออกใช้บังคับ เมื่อผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงธนบุรี ศาลแขวง ธนบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลฐานวิ่งราวทรัพย์ (ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลอาญา) และให้ประทับฟ้องไว้ อัยการได้รับสำนวนจากศาลแขวงธนบุรี และพิจารณาแล้วสั่งไม่ฟ้องฐานวิ่งราว คงสั่งฟ้องฐานลักทรัพย์ (ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง) เมื่อพนักงานอัยการฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญา ศาลอาญาจำต้องรับคดีนี้ไว้พิจารณา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 14 (2) ที่ให้อยู่ในดุลยพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเอง แล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 เท่านั้น ที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯ พ.ศ. 2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 14 (2) ที่ให้อยู่ในดุลยพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเอง แล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 เท่านั้น ที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯ พ.ศ. 2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)