คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประมูล สุวรรณศร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004-1005/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันในคดีอาญา: ผลผูกพันหลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง และความรับผิดของผู้ประกัน
ในคดีอาญา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ขังจำเลยไว้หรือให้เรียกประกันระหว่างฎีกา แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ประกันได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาต สัญญาประกันดังกล่าวนี้ยังคงมีผลสมบูรณ์ตลอดถึงคดีอยู่ระหว่างฎีกา เพราะสัญญาประกันในคดีอาญาจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด เว้นแต่มีการถอน การตาย การผิดสัญญาประกัน หรือศาลสั่งยกเลิก ผู้ประกันจะอ้างว่าได้ทำสัญญาประกันโดยเข้าใจผิดหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004-1005/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันในคดีอาญา: ผลผูกพันต่อเนื่องแม้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง & ศาลไม่มีหน้าที่วินิจฉัยเหตุจำเลยไม่มาศาล
ในคดีอาญา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ขังจำเลยไว้ หรือให้เรียกประกันระหว่างฎีกา แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ประกันได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาต สัญญาประกันดังกล่าวนี้ ยังคงมีผลสมบูรณ์ตลอดถึง คดีอยู่ระหว่างฎีกา เพราะสัญญาประกันในคดีอาญาจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด เว้นแต่มีการถอนการตาย การผิดสัญญาประกัน หรือศาลสั่งยกเลิก ผู้ประกันจะอ้างว่าได้ทำสัญญาประกันโดยเข้าใจผิดหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2503)
ถ้าผู้ประกันร้องเป็นประเด็นแต่ข้อเดียวว่า สัญญาประกันไม่ผูกพันเพราะไม่มีเหตุหรือมูลหนี้เท่านั้นศาลก็ย่อมไม่มีหน้าที่ที่จะเอื้อมไปวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ไปศาลตามหมายนัดเพราะอะไร
ในคดีอาญา แม้โจทก์จำเลยต่างเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อมีการผิดสัญญาประกัน หรือมีกรณีเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาประกันเกิดขึ้น อัยการก็ย่อมมีอำนาจฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ พิจารณาฐานะยากไร้ตามอายุและพฤติการณ์
ในคดีเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ แม้จะปรากฏว่า ผู้ให้จะมีบ้านและที่ดินอยู่ จะเรียกว่าไม่ยากไร้ก็ไม่ได้ จะต้องพิจารณาตามฐานานุรูปและพฤติการณ์อื่นประกอบ ผู้ให้มีอายุ 74 ปีแล้ว อาจทำงานเลี้ยงตัวไม่ได้ ซึ่งอาจตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยากไร้ก็ได้ (ซึ่งศาลจะฟังจากพยานหลักฐานต่อไป)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ พิจารณาฐานะยากไร้ตามความจริงและพฤติการณ์
ในคดีเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ แม้จะปรากฏว่า ผู้ให้จะมีบ้านและที่ดินอยู่ จะเรียกว่าไม่ยากไร้ก็ไม่ได้จะต้องพิจารณาตามฐานานุรูปและพฤติการณ์อื่นประกอบ ผู้ให้มีอายุ 74 ปีแล้ว อาจทำงานเลี้ยงตัวไม่ได้ ซึ่งอาจตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยากไร้ก็ได้ซึ่งศาลจะฟังจากพยานหลักฐานต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อค่าภาษีเป็นองค์ประกอบความผิด แม้มีกฎหมายยกเว้นเจตนาในการกระทำ
ตามความในบทบัญญัติของมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 นั้น หาได้ลบล้างองค์ประกอบความผิดที่จะต้องกระทำ "โดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษี" ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 นั้น ให้สิ้นไปไม่ เพราะในมาตรา 16 หมายความถึงแต่เพียงมิให้คำนึงถึงเจตนาแห่งการกระทำเท่านั้นส่วนความมุ่งหมายแห่งการกระทำหรือความประสงค์ต่อผลนั้น ยังคงต้องเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 27 นั้นอยู่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2503)
จำเลยนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้ตรวจรายละเอียดในแบบพิมพ์เพราะถือว่าเป็นของส่วนตัว แต่ไม่ได้ความว่าจำเลยมีเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล จำเลยยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อค่าภาษีเป็นองค์ประกอบความผิด แม้มาตรา 16 พ.ร.บ.ศุลกากร จะไม่ต้องคำนึงถึงเจตนาในการกระทำ
ตามความในบทบัญญัติของมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 นั้น หาได้ลบล้างองค์ประกอบความผิดที่ต้องกระทำ โดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2482 นั้น ให้สิ้นไปไม่เพราะในมาตรา 16 หมายความถึงแต่เพียงมิให้คำนึงถึงเจตนาแห่งการกระทำหรือความประสงค์ต่อผลนั้น ยังคงต้องเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 27 นั้นอยู่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2503)
จำเลยนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้เสียภาษี แต่ไม่ได้ความว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล จำเลยยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในสินสมรส: การยึดทรัพย์และการปล่อยทรัพย์
ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นทรัพย์ซึ่งจำเลยกับผู้ร้องตกลงถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันสืบไปโดยให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายรักษาไว้ เช่นนี้ จำเลยยังไม่ขาดสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินนั้น ผู้ร้องจะถือว่าได้สิทธิโดยการครอบครองเกิน 1 ปีหาได้ไม่
โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องจะขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าวนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินหลังหย่า: สิทธิเรียกร้องของผู้ร้องเมื่อถูกยึดทรัพย์
ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นทรัพย์ซึ่งจำเลยกับผู้ร้องตกลงถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันสืบไปโดยให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายรักษาไว้ เช่นนี้ จำเลยยังไม่ขาดสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินนั้น ผู้ร้องจะถือว่าได้สิทธิโดยการครอบครองเกิน 1 ปีหาได้ไม่
โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องจะขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าวนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินบริคณห์เพื่อชำระหนี้ส่วนตัวของภริยา สามีไม่สามารถขัดทรัพย์ได้ แต่มีสิทธิร้องขอแบ่งส่วนได้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาโจทก์ย่อมนำยึดสินบริคณห์ ซึ่งจำเลยมีส่วนร่วมอยู่ด้วย เพื่อขอให้ขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ได้ ในกรณีเช่นนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลยจะมาร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ เมื่อผู้ร้องถือว่าตนเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดรายนี้ ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้กันส่วนได้ของตนออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินบริคณห์ชำระหนี้: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้ แต่เจ้าของร่วมขอแบ่งส่วนได้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาโจทก์ย่อมนำยึดสินบริคณห์ซึ่งจำเลยมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อขอให้ขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ได้ ในกรณีเช่นนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลยจะมาร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ เมื่อผู้ร้องถือว่าตนเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดรายนี้ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้กันส่วนได้ของตนออก
of 323