พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจพนักงานป่าไม้ในการหยุดยั้งรถบรรทุกไม้ผิดกฎหมาย และข้อยกเว้นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
จำเลยเป็นพนักงานป่าไม้ บอกให้รถยนต์ซึ่งบันทุกไม้ผิดกฎหมายหยุด รถไม่หยุด จำเลยจึงยิงยางที่ล้อรถเพื่อให้รถหยุดจะได้จับคนและไม้ผิดกฎหมายตามอำนาจโดยใช้วิธีเท่าที่เหมาะแก่พฤติการณ์ แห่งเรื่องในการจับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 83 แล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประทับฟ้องและการวินิจฉัยฎีกาในคดีรับของโจร แม้โจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน หากจำเลยได้รับโทษตามความประสงค์แล้ว
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลแขวงจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร อัยการฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอาญาสั่งประทับฟ้องฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ โจทก์ จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ประทับฟ้องฐานลักทรัพย์ ังนี้ ผลของคดีจำเลยย่อมรับโทษฐานรับของโจรตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว คดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์อย่างใด จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะวินิจฉัยฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประทับฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร และศาลเห็นว่าคดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลแขวง จำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร อัยการฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอาญานั่งประทับฟ้องฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ โจทก์ จำเลย แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ประทับฟ้องลักทรัพย์ ดังนี้ ผลของคดีจำเลยย่อมรับโทษฐานรับของโจรตามความประสงค์ ของโจทก์แล้ว คดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทย์อย่างใด จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะวินิจฉัยฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อหลอกลวงบุคคลภายนอก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ก่อนจำเลยออกเช็ค ผู้ทรงเช็คก็เบิกความว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงิน อยู่ในธนาคาร แต่หวังว่าจำเลยจะหาเงินเข้าธนาคารให้ทันกำหนด ดังนี้ แสดงว่าผู้ทรงเช็ครู้อยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเงินขณะออกเช็ค และจำเลยก็บอกแล้วว่าไม่มีเงิน ผู้ทรงเช็คก็เบิกความรับรองว่าจำเลยออกเช็คให้ตนโดยไม่ได้หลอกลวงตน ฉะนั้นการที่จำเลยออกเช็ครายพิพาทกันนี้โดยคู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น คือไม่มีการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างกันหากแต่ทำขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอกเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตาม มาตรา 3แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค พ.ศ.2497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อหลอกลวงบุคคลภายนอก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ก่อนจำเลยออกเช็ค ผู้ทรงเช็คก็เบิกความว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงินอยู่ในธนาคาร แต่หวังว่าจำเลยจะหาเงินเข้าธนาคารให้ทันกำหนด ดังนี้ แสดงว่าผู้ทรงเช็ครู้อยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเงินขณะออกเช็ค และจำเลยก็บอกแล้วว่าไม่มีเงินผู้ทรงเช็คก็เบิกความรับรองว่าจำเลยออกเช็คให้ตนโดยไม่ได้หลอกลวงตน ฉะนั้น การที่จำเลยออกเช็ครายพิพาทกันนี้โดยคู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น คือไม่มีการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างกัน หากแต่ทำขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอกเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตาม มาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค พ.ศ. 2497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้น้ำมนต์รักษาโรคจิต ไม่ถือเป็นการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมาย
จำเลยใช้น้ำมนต์ให้ผู้ป่วยเป็นโรคจิตอาบและกินและรับเงินเป็นค่ารักษาเป็นค่าน้ำมนตร์ในการรักษาบำบัดโรคของผู้ป่วย ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการบำบัดโรคด้วยจิตวิเคราะห์ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรักษโรคด้วยน้ำมนต์ไม่ถือเป็นการบำบัดโรคทางจิตวิเคราะห์ตามกฎหมาย
จำเลยใช้น้ำมนต์ให้ผู้ป่วยเป็นโรคจิตอาบและกินและรับเงินเป็นค่ารักษาเป็นค่าน้ำมนต์ในการรักษาบำบัดโรคของผู้ป่วย
ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการบำบัดโรคด้วยจิตวิเคราะห์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490มาตรา 3
ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการบำบัดโรคด้วยจิตวิเคราะห์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงประชาชนว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคได้ และแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
จำเลยหลอกลวงว่าน้ำที่พุขึ้นนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้มีขึ้นและว่าน้ำพุนั้นศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ประชาชนคนดูหลงเชื่อได้เอาน้ำนั้นไปใช้กินและทารักษาโรค แต่ไม่หายเพราะเป็นน้ำธรรมดาในลำคลองนั้นเองและได้ให้เงินแก่จำเลยรวมประมาณหมื่นบาทโดยหลงเชื่อว่าน้ำนั้นเป็นของเจ้าแม่สำโรงรักษาโรคได้แต่ความจริงนั้น จำเลยที่ 1 เอาเท้าพุ้ยน้ำในคลองทำให้น้ำผุดขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวแก่เจ้าแม่อะไรเลยจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดด้วยโดยอ้างว่าน้ำพุนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ซึ่งเป็นการปกปิดความจริงและแสดงข้อความเท็จถือว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงโดยอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา343 แม้โจทก์ไม่ได้อ้าง มาตรา341,342. แต่ ม.343 ได้อ้างถึงมาตรา341,342 อยู่แล้วและโจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยหลอกลวงประชาชนจึงเท่ากับอ้าง มาตรา341,342 โดยปริยายแล้ว
จำเลยได้เงินมาเพราะหลอกลวงเขาว่าน้ำพุนั้นเป็นน้ำพุที่เจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคได้ประชาชนหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นการทุจริตตามกฎหมายแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงโดยอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา343 แม้โจทก์ไม่ได้อ้าง มาตรา341,342. แต่ ม.343 ได้อ้างถึงมาตรา341,342 อยู่แล้วและโจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยหลอกลวงประชาชนจึงเท่ากับอ้าง มาตรา341,342 โดยปริยายแล้ว
จำเลยได้เงินมาเพราะหลอกลวงเขาว่าน้ำพุนั้นเป็นน้ำพุที่เจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคได้ประชาชนหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นการทุจริตตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ ศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยหลอกหลวงว่าน้ำที่พุขึ้นนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้มีขึ้นและว่าน้ำพุนั้นศักดิ์สิทธิใช้เป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ประชาชนคนดูหลงเชื่อ ได้เอาน้ำนั้นไปใช้กินและทารักษาโรค แต่ไม่หายเพราะเป็นน้ำธรรมดาในลำคลองนั้นเอง และได้ให้เงินแก่จำเลยรวมประมาณหมื่นบาทโดยหลงเชื่อว่าน้ำนั้นเป็นของเจ้าแม่สำโรงรักษาโรคได้ แต่ความจริงนั้น จำเลยที่ 1 เอาเท้าพุ้ยน้ำในคลองทำให้น้ำผุดพุขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวแก่เจ้าแม่อะไรเลย จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดด้วย โดยอ้างว่าน้ำพุนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งเป็นการปกปิดความจริง และแสดงข้อความเท็จจริง ถือว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง โดยอ้างประมวลกฎหมายอาญา ม. 343 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างถึง ม. 341, 342 แต่ ม.343 ได้อ้างถึง ม.341,342 อยู่แล้ว และโจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยหลอกลวงประชาชน จึงเท่ากับอ้าง ม. 341, 342 โดยปริยายแล้ว
จำเลยได้เงินมาเพราะหลอกลวงเขาว่า น้ำพุนั้นเป็นน้ำพุที่เจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคได้ ประชาชนหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการทุจริตตามกฎหมายแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง โดยอ้างประมวลกฎหมายอาญา ม. 343 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างถึง ม. 341, 342 แต่ ม.343 ได้อ้างถึง ม.341,342 อยู่แล้ว และโจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยหลอกลวงประชาชน จึงเท่ากับอ้าง ม. 341, 342 โดยปริยายแล้ว
จำเลยได้เงินมาเพราะหลอกลวงเขาว่า น้ำพุนั้นเป็นน้ำพุที่เจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคได้ ประชาชนหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการทุจริตตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนและการชดใช้ค่าเสียหายจากการแสดงเจตนาเป็นเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
ตัวแทนของบริษัทจำเลยได้ไปขอซื้อรถยนต์จิ๊บให้จำเลยจากบริษัทโจทก์โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์ โจทก์ไม่จำต้องเรียกเก็บภาษีการซื้อโภคภัณฑ์และภาษีบำรุงเทศบาลจากบริษัทจำเลยโจทก์หลงเชื่อจึงมิได้เรียกเก็บ ภายหลังกรมสรรพากรตรวจพบว่าบริษัทจำเลยมิได้จดทะเบียนการค้าโภคภัณฑ์จึงเรียกเก็บเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจากบริษัทโจทก์ โจทก์ได้เสียไปแล้วดังนี้ โจทก์ย่อมเรียกเงินค่าภาษีที่เสียทั้งสิ้นจากจำเลยได้เพราะเป็นผลเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากจำเลย