พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนและการชดใช้ค่าเสียหายจากการแสดงเจตนาเป็นเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
ตัวแทนของบริษัทจำเลยได้ไปขอซื้อรถยนต์จิ๊บให้จำเลยจากบริษัทโจทก์โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์ โจทก์ไม่จำต้องเรียกเก็บภาษีการซื้อโภคภัณฑ์และภาษีบำรุงเทศบาลจากบริษัทจำเลยโจทก์หลงเชื่อจึงมิได้เรียกเก็บ ภายหลังกรมสรรพากรตรวจพบว่าบริษัทจำเลยมิได้จดทะเบียนการค้าโภคภัณฑ์จึงเรียกเก็บเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจากบริษัทโจทก์ โจทก์ได้เสียไปแล้วดังนี้ โจทก์ย่อมเรียกเงินค่าภาษีที่เสียทั้งสิ้นจากจำเลยได้เพราะเป็นผลเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานที่ขัดแย้งกันในคดีอาญา และอำนาจศาลฎีกาในการพิจารณาสำนวนอื่น
ในคดีอาญา ฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยสมคบกับจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งถูกฟ้องศาลไปก่อนแล้วและปรากฏว่าจำเลยในคดีก่อนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องส่วนจำเลยในคดีหลังถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ถูกศาลลงโทษฎีกา และขอให้ศาลฎีกาเรียกสำนวนคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งมาประกอบการวินิจฉัยโดยอ้างว่าพยานโจทก์ทั้ง 2 คดี เป็นพยานชุดเดียวกัน เบิกความ 2ครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเกี่ยวกับตัวจำเลยต่างกันดังนี้ ศาลฎีกาย่อมอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208,225,228 เรียกสำนวนคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปล่อยจำเลยมาประกอบการวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าคำพยานโจทก์ที่เบิกความ 2 ครั้ง ขัดแย้งกัน ศาลฎีกาก็ตัดสินยกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานขัดแย้งในคดีอาญา และการใช้อำนาจเรียกสำนวนคดีอื่นมาพิจารณาเพื่อประกอบการวินิจฉัย
ในคดีอาญา ฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยสมคบกันจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งถูกฟ้องศาลไปก่อนแล้ว และปรากฏว่าจำเลยในคดีก่อนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ส่วนจำเลยในคดีหลังถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ จำเลยที่ถูกศาลลงโทษฎีกา และขอให้ศาลเรียกสำนวนคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งมาประกอบการวินิจฉัย โดยอ้างว่าพยานโจทก์ทั้ง 2 คดี เป็นพยานชุดเดียวกัน เบิกความ 2 ครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเกี่ยวกับตัวจำเลยต่างกัน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 208, 225, 228 เรียกสำนวนคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปล่อยจำเลยมาประกอบการวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าคำพยานโจทก์ที่เบิกความ 2 ครั้ง ขัดแย้งกัน ศาลฎีกาก็ตัดสินยกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยพยาบาทและไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้น ศาลฎีกายกเหตุทำร้ายภริยา-มารดาเป็นเหตุ
เมื่อจำเลยทราบว่าผู้ตายทำร้ายภริยาและมารดาตน จำเลยก็ตามไปใช้มีดฟันผู้ตายในเวลาต่อเนื่องกับการกระทำของผู้ตายที่ได้ฟันหน้าภริยาและมารดาของจำเลย ซึ่งห่างจากบ้านจำเลย 3 วา เศษ แต่จากนั้นระหว่างทางจำเลยทั้งสองกับพวกควบคุมผู้ตายไป เพื่อส่งตำรวจกลับร่วมกันทำร้ายผู้ตายอีก โดยลากขาไปประมาณ 10 วา ตามทุ่งนา แล้วจำเลยคนหนึ่งเอาด้ามมีดกระทุ้งหน้าอกอีก 2 ที ฟันศรีษะผู้ตายอีกหนึ่งที จนผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือได้ว่าเป็นการฆ่าโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนในระหว่างทางนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยพยาบาทและไตร่ตรองไว้ก่อน: การพิจารณาโทษฐานฆ่าต่อเนื่องจากเหตุทำร้ายผู้อื่น
เมื่อจำเลยทราบว่าผู้ตายทำร้ายภริยาและมารดาตนจำเลยก็ตามไปใช้มีดฟันผู้ตายในเวลาต่อเนื่องกับการกระทำของผู้ตายที่ได้ฟันหน้าภริยาและมารดาของจำเลย ซึ่งห่างจากบ้านจำเลย 3 วาเศษแต่จากนั้นระหว่างทางจำเลยทั้งสองกับพวกควบคุมผู้ตายไปเพื่อส่งตำรวจกลับร่วมกันทำร้ายผู้ตายอีก โดยลากขาไปประมาณ 10 วา ตามทุ่งนาแล้วจำเลยคนหนึ่งเอาด้ามมีดกระทุ้งหน้าอกอีก 2 ทีฟันศีรษะผู้ตายอีกหนึ่งที จนผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ถือได้ว่าเป็นการฆ่าโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนในระหว่างทางนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายไม่ทำให้สัญญาเช่าสิ้นสุด จำเป็นต้องมีข้อตกลงยกเลิกสัญญาเช่าโดยชัดแจ้ง
การที่จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่พิพาทซึ่งจำเลยเช่าอยู่นั้นไม่ได้แสดงหรือสันนิษฐานว่าจำเลยได้ตกลงเลิกการเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายไม่ตัดสิทธิเช่าเดิม โจทก์ฟ้องขับไล่ไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่พิพาทซึ่งจำเลยเช่าอยู่นั้น ไม่ได้แสดงหรือสันนิษฐานว่าจำเลยได้ตกลงเลิกการเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์: การพิสูจน์เจตนาและขอบเขตความรับผิดของผู้ร่วมกระทำ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการสบคบกันชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนโจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉันและยกฟ้องได้ เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดชิงทรัพย์: ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยที่ 1 แม้ไม่ได้ฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการสมคบกันชิงทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนโจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและยกฟ้องได้เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติไทยไม่สิ้นสุดจากการสมรสกับชาวจีนและการถือใบสำคัญคนต่างด้าว
ตามกฎหมายจีนว่าด้วยสัญชาติฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1929 หญิงต่างประเทศสมรสกับคนสัญชาติจีน ยังหาได้เข้าถือสัญชาติจีนทีเดียวไม่ นอกจากทำคำร้องยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถือเอาสัญชาติจีนและได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยจีนด้วย จึงจะมีสัญชาติจีนตามสามีได้
หญิงไทยแต่งงานกับชายสัญชาติจีนยังไม่ขาดจากสัญชาติไทยเพราะยังมิได้ขอเข้าถือเอาสัญชาติจีนตามสามีแม้จะขอใบสำคัญประจำคนต่างด้าวไว้ย่อมไม่เป็นการรับใบสำคัญตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวและไม่ขาดจากสัญชาติไทยตามมาตรา 16 ทวิ พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ.2496 เพราะกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 แล้ว และเป็นกรณีไม่มีการสมัครใจ จึงไม่มี ความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำคนต่างด้าว
(อ้างฎีกาที่ 1576ถึง1590/2498)
หญิงไทยแต่งงานกับชายสัญชาติจีนยังไม่ขาดจากสัญชาติไทยเพราะยังมิได้ขอเข้าถือเอาสัญชาติจีนตามสามีแม้จะขอใบสำคัญประจำคนต่างด้าวไว้ย่อมไม่เป็นการรับใบสำคัญตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวและไม่ขาดจากสัญชาติไทยตามมาตรา 16 ทวิ พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ.2496 เพราะกฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 แล้ว และเป็นกรณีไม่มีการสมัครใจ จึงไม่มี ความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำคนต่างด้าว
(อ้างฎีกาที่ 1576ถึง1590/2498)