พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา และการบังคับคดีกับทายาทผู้ไม่ได้รับมรดก
หนี้ที่ ส. กู้เงินโจทก์ เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานที่สามีภริยาทำด้วยกันจึงเป็นหนี้ร่วม แม้ ส. จะตายไปแล้ว จำเลยซึ่งเป็นภริยาในระหว่างที่มูลหนี้เกิดขึ้นต้องรับผิดร่วมด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดก ส. ผู้ตาย แม้จำเลยจะไม่ได้รับมรดก ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายในชั้นบังคับคดี โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว (อ้างฎีกาที่ 866/2508)
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดก ส. ผู้ตาย แม้จำเลยจะไม่ได้รับมรดก ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายในชั้นบังคับคดี โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว (อ้างฎีกาที่ 866/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีจากกองมรดก: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ยึดเป็นมรดกของผู้ตายจริง
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกของ ป. ชำระค่าจ้างว่าความจากกองมรดกของ ป. ให้โจทก์ โจทก์นำยึดตึกซึ่งเป็นของจำเลยกับภริยาโดยอ้างว่าจำเลยได้รับมรดกของ ป. ไป คือ ที่ดินโฉนดที่ 5813 ซึ่งมีราคามากกว่า หนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ และโจทก์รับว่าที่ดินโฉนดนี้มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ แม้จำเลยกับภริยาจะแถลงรับว่าจำเลยกับ ป. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมยกที่ดินนี้ให้ ภ. แล้วจำเลยได้ขายไปเสีย แต่จำเลยก็ได้โต้แย้งว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองที่ยินดีสละให้แก่ ภ. ไม่ใช่ทรัพย์ของ ป. และไม่ใช่มรดกของ ป. ในขณะที่ ป. ตาย ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ไม่มีทางจะฟังได้ดังโจทก์อ้างว่าที่ดินนี้เป็นมรดกของ ป. ศาลย่อมพิพากษาให้ถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีจากมรดก: จำเลยต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดไม่ใช่ส่วนหนึ่งของมรดก
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกของ ป. ชำระค่าจ้างว่าความจากกองมรดกของ ป. ให้โจทก์ โจทก์นำยึดตึกซึ่งเป็นของจำเลยกับภริยา โดยอ้างว่าจำเลยได้รับมรดกของ ป. ไป คือ ที่ดินโฉนดที่ 5813 ซึ่งมีราคามากกว่าหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ และโจทก์รับว่าที่ดินโฉนดนี้มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ แม้จำเลยกับภริยาจะแถลงรับว่าจำเลยกับ ป. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมยกที่ดินนี้ให้ ภ. แล้วจำเลยได้ขายไปเสีย แต่จำเลยก็ได้โต้แย้งว่าเป็นที่ดินของจำเลยที่ยินดีสละให้แก่ ภ. ไม่ใช่ทรัพย์ของ ป. และไม่ใช่มรดกของ ป. ในขณะที่ ป. ตาย ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ก็ไม่มีทางจะฟังได้ดังโจทก์อ้างว่าที่ดินนี้เป็นของ ป. ศาลย่อมพิพากษาให้ถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้กองมรดกยึดทรัพย์มรดกได้ แม้โอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทแล้ว หากยังมิได้แบ่งมรดก
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องให้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดก บ. โดยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาต้องรับผิดร่วมด้วย แต่ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยนั้น ยังไม่ได้แบ่งมรดกกันระหว่างทายาท โฉนดยังเป็นชื่อของ บ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ผู้ร้องเพิ่งโอนรับมรดกในขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ที่ดินพิพาทโอนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายแบนเจ้ามรดกก็ตาม ทีJพิพาทก็ยังเป็นทรัพย์ในกองมรดกของ บ. ซึ่งยังมิได้แบ่งอยู่นั่นเอง โจทก์จึงชอบที่จะยึดที่ดินพิพาทมาบังคับคดีได้ โดยไม่ต้องฟ้องทายาทผู้รับมรดกคนอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับกองมรดกก่อนแบ่งมรดก: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ในกองมรดก แม้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องให้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดก บ. โดยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาต้องรับผิดร่วมด้วย แต่ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยนั้นยังไม่ได้แบ่งมรดกกันระหว่างทายาท โฉนดยังเป็นชื่อของ บ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องเพิ่งโอนรับมรดกในขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ที่ดินพิพาทโอนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายแบนเจ้ามรดกก็ตามที่พิพาทก็ยังเป็นทรัพยในกองมรดกของ บ. ซึ่งยังมิได้แบ่งอยู่นั่นเอง โจทก์จึงชอบที่จะยึดที่ดินพิพาทมาบังคับคดีได้โดยไม่ต้องฟ้องทายาทผู้รับมรดกคนอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองในการเป็นทายาทและคู่ความ
บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว ย่อมเป็นผู้สืบสันดานของบิดาเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 และมีสิทธิขอเข้ามาเป็นคู่ความหรือถูกหมายเรียกให้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่บิดาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 โดยไม่ต้องคำนึงว่าบิดามีทรัพย์มรดกตกทอดได้แก่บุตรนั้นหรือไม่เพราะตามมาตรา 42 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่มีบทบัญญัติบังคับไว้ว่าทายาทที่จะเข้ามาเป็นคู่ความหรือถูกหมายเรียกเข้าเป็นคู่ความแทน จะต้องเป็นทายาทที่เข้ามารับเอาทรัพย์มรดก
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 44 ผู้คัดค้านจะมีโอกาสคัดค้านไม่ยอมเข้ามาเป็นคู่ความ ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านมิได้เป็นทายาทของคู่ความ การที่ผู้คัดค้านมิได้รับทรัพย์มรดกของคู่ความยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอจะยกขึ้นปฏิเสธได้เพราะตามกฎหมายผู้คัดค้านไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว หรือรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 44 ผู้คัดค้านจะมีโอกาสคัดค้านไม่ยอมเข้ามาเป็นคู่ความ ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านมิได้เป็นทายาทของคู่ความ การที่ผู้คัดค้านมิได้รับทรัพย์มรดกของคู่ความยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอจะยกขึ้นปฏิเสธได้เพราะตามกฎหมายผู้คัดค้านไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว หรือรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองในการเป็นทายาทและคู่ความ
บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว ย่อมเป็นผู้สืบสันดานของบิดาเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 และมีสิทธิขอเข้ามาเป็นคู่ความหรือถูกหมายเรียกให้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่บิดาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 โดยไม่ต้องคำนึงว่าบิดามีทรัพย์มรดกตกทอดได้แก่บุตรนั้นหรือไม่ เพราะตามมาตรา 42 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่มีบทบัญญัติบังคับไว้ว่าทายาทที่จะเข้ามาเป็นคู่ความหรือถูกหมายเรียกเข้าเป็นคู่ความแทน จะต้องเป็นทายาทที่เข้ามารับเอาทรัพย์มรดก
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 44 ผู้คัดค้านจะมีโอกาสคัดค้านไม่ยอมเข้ามาเป็นคู่ความ ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านมิได้เป็นทายาทของคู่ความ การที่ผู้คัดค้านมิได้รับทรัพย์มรดกของคู่ความยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอจะยกขึ้นปฏิเสธได้ เพราะตามกฎหมาย ผู้คัดค้านไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว หรือรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 44 ผู้คัดค้านจะมีโอกาสคัดค้านไม่ยอมเข้ามาเป็นคู่ความ ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านมิได้เป็นทายาทของคู่ความ การที่ผู้คัดค้านมิได้รับทรัพย์มรดกของคู่ความยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอจะยกขึ้นปฏิเสธได้ เพราะตามกฎหมาย ผู้คัดค้านไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว หรือรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้ของคู่สมรสหลังการหย่าและการไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รับมรดก
โจทก์ฟ้องว่าสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไปใช้จ่ายหาเลี้ยงในครอบครัวเมื่อสามีตายจำเลยเป็นผู้รับมรดกจึงขอให้จำเลยรับผิด
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในหนี้ของคู่สมรส และการไม่มีอำนาจฟ้องผู้รับมรดกที่หย่าแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไปใช้จ่ายหาเลี้ยงในครอบครัวเมื่อสามีตายจำเลยเป็นผู้รับมรดกจึงขอให้จำเลยรับผิด
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตาม ป.พ.พ.ม.1482 (1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชอบร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่นโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตาม ป.พ.พ.ม.1482 (1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชอบร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่นโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการบังคับแก่ลูกหนี้ก่อนแล้วจึงบังคับแก่ผู้ค้ำประกัน
++พิพากษาของศาลมีคำบังคับ++ไว้ว่าให้จำเลยที่ 1 ++ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถจะใช้ได้ก็ให้จำเลยที่ 2 ใช้แทนจนครบดังนี้เมื่อโจทก์มิได้บังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 และไม่ได้แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และกองมฤดกของจำเลยที่ 1 ไม่สามารถชำระหนี้ได้ โจทก์บังคับเอา+จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้++การบังคับมิได้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล