คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 138

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6235/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ขาดจำนวนน้อย ก็ไม่ถือเป็นการผิดสัญญาหากเจตนาดีและมีการชำระหนี้ครบถ้วนในภายหลัง
จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์เป็นงวดๆตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมตลอดมาโดยวางเงินต่อศาลจึงถึงงวดสุดท้ายจำเลยก็ได้ชำระเงินภายในกำหนดเวลาจำเลยจึงหาได้กำหนดเวลาจำเลยจึงหาได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่เพียงแต่งวดสุดท้ายชำระหนี้ขาดไป40,000บาทซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนหนี้ทั้งหมด2,150,000บาทแล้วนับว่าเป็นส่วนน้อยมากและเกิดขึ้นเพราะความเผอเรออีกทั้งเมื่อจำเลยทราบเหตุก็ได้นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อให้โจทก์รับไปทันทีแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะบิดพลิ้วในการชำระหนี้ให้แก่โจทก์และต่อมาโจทก์ก็ขอรับเงินดังกล่าวไม่มีเจตนาที่จะบิดพลิ้วในการชำระหนี้ให้แก่โจทก์และต่อมาโจทก์ก็ขอรับเงินดังกล่าวไปโดยมิได้อิดเอื้อนจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดอันจะเป็นเหตุให้โจทก์บังคับคดีได้เต็มตามฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าคดีสืบพยานและคำแถลงที่ไม่ครบถ้วน
คู่ความตกลงท้ากันว่า โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน แต่ขอให้พระภิกษุ ส.มาแถลงต่อศาลว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่ หากพระภิกษุ ส.แถลงต่อศาลเช่นใด คู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุ ส.แถลงต่อศาลเพียงว่า พระภิกษุ ส.เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายโจทก์กับจำเลย แต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่ และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่ พระภิกษุ ส.ไม่ทราบ คำแถลงพระภิกษุ ส.ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าคดีสืบพยานไม่สมบูรณ์ ศาลต้องดำเนินการสืบพยานต่อไป
คู่ความตกลงท้ากันว่า โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน แต่ขอให้พระภิกษุ ส. มาแถลงต่อศาลว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่ หากพระภิกษุส. แถลงต่อศาลเช่นใด คู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุ ส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายกับโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่ และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่ พระภิกษุ ส.ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าคดีสืบพยานและผลของการแถลงไม่ครบถ้วน ศาลต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ขอให้พระภิกษุส.มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่หากพระภิกษุส.แถลงต่อศาลเช่นใดคู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่พระภิกษุส.ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าคดีสืบพยานและผลของการแถลงไม่ครบถ้วน ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิพากษาตามรูปคดี
คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ขอให้พระภิกษุส. มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่หากพระภิกษุส. แถลงต่อศาลเช่นใดคู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายกับโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่พระภิกษุส. ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมในที่ดิน: การจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินของจำเลยเอง ไม่กระทบสิทธิภารจำยอมของผู้อื่น
โจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความโดยจำเลยจะไปดำเนินการจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 1915 และ 23121 ตามเนื้อที่ดินทั้งหมดในโฉนดให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 16281 ของโจทก์ ศาลพิพากษาตามยอม การที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 1915และ 23121 ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 23115 ถึง 23120 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียวนั้น จำเลยชอบที่จะทำได้ และการจดทะเบียนภารจำยอมดังกล่าวก็มิใช่เป็นการจำหน่ายหรือทำให้ภารจำยอมของโจทก์ตกไปในบังคับแห่งสิทธิอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องลดลงไปหรือเสื่อมความสะดวกแก่การใช้แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินของจำเลยเอง ไม่กระทบสิทธิภารจำยอมของผู้อื่น
โจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความโดยจำเลยจะไปดำเนินการจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่1915และ23121ตามเนื้อที่ดินทั้งหมดในโฉนดให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่16281ของโจทก์ศาลพิพากษาตามยอมการที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่1915และ23121ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่23115ถึง23120ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียวนั้นจำเลยชอบที่จะทำได้และการจดทะเบียนภารจำยอมดังกล่าวก็มิใช่เป็นการจำหน่ายหรือทำให้ภารจำยอมของโจทก์ตกไปในบังคับแห่งสิทธิอื่นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องลดลงไปหรือเสื่อมความสะดวกแก่การใช้แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินของตนเองไม่กระทบสิทธิภารจำยอมเดิมของผู้อื่น
โจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความโดยจำเลยจะไปดำเนินการจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่1915และ23121ตามเนื้อที่ดินทั้งหมดในโฉนดให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่16281ของโจทก์ศาลพิพากษาตามยอมการที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่1915และ23121ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่23115ถึง23120ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียวนั้นจำเลยชอบที่จะทำได้และการจดทะเบียนภารจำยอมดังกล่าวก็มิใช่เป็นการจำหน่ายหรือทำให้ภารจำยอมของโจทก์ตกไปในบังคับแห่งสิทธิอื่นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องลดลงไปหรือเสื่อมความสะดวกแก่การใช้แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5597/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่: หนังสือแจ้งให้วางเงินไม่ใช่หนังสือให้รับโอนสิทธิ
แม้ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ขอและจำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ซึ่งมีผลทำให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุดก็ตาม แต่การที่จำเลยยื่นคำร้องในภายหลังต่อมาว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ และเหตุที่จำเลยไม่ได้มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องขอให้ออกหมายบังคับคดีของโจทก์ เพราะจำเลยจำวันนัดคลาดเคลื่อนไป ขอให้ไต่สวนคำร้องขอให้ออกหมายบังคับคดีของโจทก์และมีคำสั่งยกหมายบังคับคดี พร้อมกับจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน ตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวเท่ากับเป็นกรณีที่จำเลยกล่าวอ้างว่าศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติป.วิ.พ. ลักษณะ 2 การบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเพราะเหตุที่จำเลยมิได้ปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งต้องด้วยมาตรา 296 วรรคแรกที่ให้อำนาจแก่ศาลที่จะมีคำสั่งให้ยกหรือแก้ไขหมายบังคับคดีนั้นเสียได้
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า โจทก์จะดำเนินการให้จำเลยได้รับสิทธิการเช่าห้องเลขที่ 191 จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงในอาคารห้องเลขที่ดังกล่าวหรือผู้ที่ได้รับสิทธิการเช่าช่วงหรือจากโจทก์ หากสามารถโอนสิทธิการเช่าได้เมื่อใดภายในก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2538 จำเลยยอมชำระเงินส่วนที่เหลือ690,000 บาท ทั้งหมดในคราวเดียว แต่ให้หักชำระจากเงินที่ชำระไว้เดือนละ5,000 บาท นับแต่วันทำสัญญานี้ออกเสียก่อน แก่โจทก์ภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือให้ทำการรับโอนสิทธิ การชำระเงินจำนวนดังกล่าวจำเลยต้องนำมาวางต่อศาล ผิดนัดในข้อนี้ ยอมให้บังคับคดีและจำเลยจะต้องออกจากห้องพิพาท และขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากห้องพิพาททันที แต่ตามหนังสือบอกกล่าวของทนายโจทก์ถึงจำเลยระบุให้จำเลยนำเงินไปวางต่อศาลฝ่ายเดียวภายใน 2 เดือน โดยไม่ระบุว่าฝ่ายโจทก์จะโอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเมื่อใดเพียงแต่กล่าวว่าหลังจากจำเลยวางเงินต่อศาลครบถ้วนแล้ว โจทก์ก็จะได้เร่งดำเนินการให้จำเลยรับโอนสิทธิการเช่าเท่านั้น จึงมิใช่หนังสือให้ทำการรับโอนสิทธิดังโจทก์อ้าง แม้จำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวและมิได้นำเงินมาวางศาลจนล่วงพ้น 2 เดือน นับแต่วันรับ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4856/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายผลการตรวจลายมือชื่อ: ศาลต้องปฏิบัติตามข้อตกลง หากผลตรวจเป็นไปตามที่ตกลงไว้
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไม่เป็นไปตามข้อตกลง ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นไปตามข้อตกลงและพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไม่ชอบเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(3)โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ การที่ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นโดยใช้ถ้อยคำว่าน่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการให้ความเห็นในลักษณะเป็นคำยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว โจทก์ต้องแพ้คดีตามคำท้า
of 103