คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 138

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5441/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการขายฝาก: การพิจารณาว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ตามสัญญาขายฝากหรือไม่
คู่ความตกลงท้ากันว่า บ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้องหรือไม่ หากคดีรับฟังได้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามฟ้อง หากคดีรับฟังไม่ได้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี เมื่อตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยขายฝากบ้านเลขที่ 86/1จำนวน 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ในโฉนดอีกหลังหนึ่งที่พิพาทอยู่ในที่งอกชายตลิ่ง ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำท้าของคู่ความนั้น จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายฝากบ้านพิพาทซึ่งไม่มีเลขบ้านให้โจทก์ด้วยหรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ 86/1 แล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทจึงไม่ตรงตามคำท้า เป็นการมิชอบ เมื่อตามหนังสือสัญญาขายฝากระบุว่าจำเลยได้ขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 และขายพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินมีบ้านเลขที่86/1 ซึ่งแสดงชัดเจนว่าขายฝากที่ดินและบ้านเลขที่ 86/1 ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ขายฝากเท่านั้น ฉะนั้นบ้านหลังอื่นที่มิได้ปลูกอยู่ในที่ดินที่ขายฝากจำเลยมิได้ขายฝากให้ด้วย คดีจึงรับฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5441/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การวินิจฉัยว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ตามสัญญาหรือไม่ มีผลต่อการตัดสินคดี
คู่ความตกลงท้ากันว่า บ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้องหรือไม่ หากคดีรับฟังได้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามฟ้อง หากคดีรับฟังไม่ได้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี เมื่อตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยขายฝากบ้านเลขที่ 86/1 จำนวน 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ในโฉนดอีกหลังหนึ่งที่พิพาทอยู่ในที่งอกชายตลิ่ง ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำท้าของคู่ความนั้น จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายฝากบ้านพิพาทซึ่งไม่มีเลขบ้านให้โจทก์ด้วยหรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ 86/1แล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทจึงไม่ตรงตามคำท้าเป็นการมิชอบ เมื่อตามหนังสือสัญญาขายฝากระบุว่าจำเลยได้ขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 และขายพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินมีบ้านเลขที่ 86/1 ซึ่งแสดงชัดเจนว่าขายฝากที่ดินและบ้านเลขที่86/1 ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ขายฝากเท่านั้น ฉะนั้นบ้านหลังอื่นที่มิได้ปลูกอยู่ในที่ดินที่ขายฝากจำเลยมิได้ขายฝากให้ด้วย คดีจึงรับฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผลความเห็นผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักฐาน และการเสียค่าอ้างเอกสารหลังมีคำพิพากษา
โจทก์อ้างสัญญายืมข้าวเปลือกเป็นพยาน ต่อมาคู่ความท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อจำเลยในเอกสารดังกล่าวโดยให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยอาศัยผลจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว ดังนี้ การที่ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสารจึงเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า ไม่มีผลทำให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเสียไป เมื่อได้ความว่าโจทก์เสียค่าอ้างเอกสารดังกล่าวแล้ว แม้จะเสียภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผลการตรวจลายมือชื่อผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะในคดี และการรับฟังค่าอ้างเอกสารที่ชำระภายหลัง
โจทก์อ้างสัญญายืมข้าวเปลือกเป็นพยาน ต่อมาคู่ความท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูสจน์ลายมือชื่อจำเลยในเอกสารดังกล่าวโดยให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยอาศัยผลจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว ดังนี้ การที่ไม่่ได้เสียค่าอ้างเอกสารจึงเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า ไม่มีผลทำให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเสียไป เมื่อได้ความว่าโจทก์เสียค่าอ้างเอกสารดังกล่าวแล้ว แม้จะเสียภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าของผู้เชี่ยวชาญไม่ครบถ้วน ทำให้ศาลมิอาจพิพากษาตามคำท้าได้
คู่ความท้ากัน 2 ประการ แต่หนังสือของศาลชั้นต้นคงขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์ปัญหาประการแรกว่า ตัวเลข 2 ได้เขียนขึ้นในคราวเดียวกัน หรือเขียนเติมขึ้นในภายหลังเท่านั้นปัญหาประการที่สองที่ว่าตัวเลข 2 เขียนด้วยหมึกจากปากกาคนละด้ามกันหรือไม่ ศาลชั้นต้นไม่ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ จึงยังไม่เป็นไปตามคำท้าที่จะถือว่าโจทก์แพ้คดีได้ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความให้ครบถ้วนเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าของผู้เชี่ยวชาญไม่สมบูรณ์ ศาลต้องดำเนินการตามคำท้าให้ครบถ้วน
คู่ความท้ากัน 2 ประการ แต่หนังสือของศาลชั้นต้นคงขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์ปัญหาประการแรกว่า ตัวเลข 2 ได้เขียนขึ้นในคราว-เดียวกัน หรือเขียนเติมขึ้นในภายหลังเท่านั้น ปัญหาประการที่สองที่ว่าตัวเลข 2เขียนด้วยหมึกจากปากกาคนละด้ามกันหรือไม่ ศาลชั้นต้นไม่ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ จึงยังไม่เป็นไปตามคำท้าที่จะถือว่าโจทก์แพ้คดีได้ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความให้ครบถ้วน เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณี ผู้มีฐานะบริวารย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินของโจทก์ ศาลพิพากษาตามยอมและ ส. บุตรของจำเลยยอมรับว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาท จำเลยเป็นผู้ดูแลบ้านพิพาทแทน ส. และยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังนี้ ส. อยู่ในฐานะวงศ์ญาติและบริวารของจำเลย ผู้ร้องอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะผู้อาศัยสิทธิของ ส. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีที่ ส. เป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ร้องย่อมอยู่ในฐานะบริวารของจำเลยเช่นเดียวกัน จึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและหมายบังคับคดีในคดีนี้ ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาถึงเหตุที่เพิ่งยกประเด็นเรื่องโจทก์ให้ผู้ร้องเช่าที่ดินต่อจากจำเลย และ ส.ไม่ได้มอบอำนาจให้จำเลยดูแลบ้านพิพาทและฟ้องคดีแทนขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์นั้น เป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2656/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ, สัญญาประนีประนอมยอมความ, การบังคับคดี, ทายาท, ฟ้องซ้ำที่ไม่เป็นฟ้อง
โจทก์ที่ 1 แต่ผู้เดียวเคยฟ้องจำเลยขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท แล้วโจทก์ที่ 1 และจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2จึงมาฟ้องจำเลยขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นคดีนี้อีกคดีโจทก์ที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำแต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีก่อน โจทก์ที่ 1เคยขอบังคับคดีโดยขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยถูกจับตามหมายจับได้ขอประกันตัวต่อศาลและหลบหนีไปจนพ้นกำหนดการบังคับคดี แสดงถึงความไม่สุจริตของจำเลยจำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้เรื่องฟ้องซ้ำไว้ในคำให้การ จึงไม่มีประเด็นและเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย ย.ทายาทผู้รับมรดกของห.ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินพิพาทได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีที่ศาลพิพากษาตามยอมดังกล่าวข้างต้น แต่ย.และโจทก์ที่ 2(ผู้จัดการมรดกนายห.) มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวคำพิพากษาตามยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ที่ 2 ฟ้องโจทก์ที่ 2 คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าตรวจลายมือชื่อและการงดการส่งเอกสารตรวจพิสูจน์ก่อนถึงกำหนด
ในวันนัดสืบพยานโจทก์คู่ความตกลงท้ากันว่า ขอให้ส่งหนังสือสัญญาซื้อขายไปตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือชื่อในช่องผู้ขายเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ ส.หรือไม่ หากเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงฝ่ายจำเลยยอมแพ้ ถ้าหากไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงโจทก์ยอมแพ้ ทั้งสองฝ่ายจะออกค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง หากฝ่ายใดไม่ยินยอมออกค่าใช้จ่ายให้ถือว่าฝ่ายนั้นยอมแพ้โดยไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นไปตามที่คู่ความท้ากันและมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยนำเงินค่าตรวจพิสูจน์มาวางต่อศาลภายในวันที่ 21 ธันวาคม 2532 หากไม่นำมา ศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นยอมแพ้ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่คู่ความท้ากัน ครั้นถึงกำหนดจำเลยได้นำเงินค่าตรวจพิสูจน์มาวางต่อศาลชั้นต้นเพียงฝ่ายเดียว ดังนี้ แม้ว่าโจทก์จะไม่ได้นำเงินค่าตรวจพิสูจน์มาวางศาลภายในกำหนดก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์เพราะยังอยู่ในระหว่างรวบรวมเอกสาร ทั้งยังไม่ทราบค่าตรวจพิสูจน์ว่าเป็นจำนวนเท่าใด การที่โจทก์ยังไม่ได้วางเงินค่าตรวจพิสูจน์ต่อศาลชั้นต้นจึงมิใช่ข้อที่บ่งชี้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงโดยผิดเงื่อนไขตามคำท้าแต่เป็นกรณีที่ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะต้องวางเงินค่าตรวจพิสูจน์ การที่ศาลชั้นต้นด่วนงดการส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์และวินิจฉัยว่าโจทก์แพ้คดีตามคำท้านั้นจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าให้แพ้ชนะคดี: ศาลต้องรอเอกสารครบถ้วนก่อนวินิจฉัยผิดสัญญา
ในวันนัดสืบพยานโจทก์คู่ความตกลงท้ากันว่า ขอให้ส่งหนังสือสัญญาซื้อขายไปตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือชื่อในช่องผู้ขายเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ ส. หรือไม่ หากเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงฝ่ายจำเลยยอมแพ้ ถ้าหากไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงโจทก์ยอมแพ้ ทั้งสองฝ่ายจะออกค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง หากฝ่ายใดไม่ยินยอมออกค่าใช้จ่ายให้ถือว่าฝ่ายนั้นยอมแพ้โดยไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ และศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นไปตามที่คู่ความท้ากันและมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยนำเงินค่าตรวจพิสูจน์มาวางต่อศาลภายในวันที่ 21 ธันวาคม 2532 หากไม่นำมาศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นยอมแพ้ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่คู่ความท้ากันครั้นถึงกำหนดจำเลยได้นำเงินค่าตรวจพิสูจน์มาวางต่อศาลชั้นต้นเพียงฝ่ายเดียว ดังนี้ ในวันดังกล่าวศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ ทั้งยังไม่ทราบค่าตรวจพิสูจน์ว่าเป็นจำนวนเท่าใดการที่โจทก์ยังไม่ได้วางเงินค่าตรวจพิสูจน์ต่อศาลชั้นต้นจึงมิใช่ข้อที่บ่งชี้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงโดยผิดเงื่อนไขตามคำท้าแต่เป็นกรณีที่ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะต้องวางเงินค่าตรวจพิสูจน์การที่ศาลชั้นต้นด่วนงดการส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์และวินิจฉัยว่าโจทก์แพ้คดีคำท้านั้นจึงไม่ชอบ
of 103