คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 138

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำผ่านทนาย และขอบเขตการอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอม
ทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามอำนาจที่จำเลยมอบไว้ให้ในใบแต่งทนายความ สัญญาประนีประนอมยอมความย่อมมีผลผูกมัดจำเลย จำเลยจะอุทธรณ์ว่าทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยก่อนและมิได้แจ้งผลของคดีให้จำเลยทราบไม่ได้เพราะเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เข้าเหตุใดเหตุหนึ่งตามข้อยกเว้นของมาตรา 138 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งระบุว่าจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันทำยอม โดยมิได้ระบุจำนวนเงินตามฟ้องว่าเป็นเงินเท่าใดนั้น ไม่ใช่ข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนจำเลยจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเท่าใดนั้นเมื่อมีข้อโต้เถียงกันขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทนายทำตามอำนาจ และขอบเขตการบังคับคดี
ทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามอำนาจที่จำเลยมอบไว้ให้ในใบแต่งทนายความสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมมีผลผูกมัดจำเลยจำเลยจะอุทธรณ์ว่าทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยก่อนและมิได้้แจ้งผลของคดีให้จำเลยทราบไม่ได้เพราะเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เข้าเหตุใดเหตุหนึ่งตามข้อยกเว้นของมาตรา138วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งระบุว่าจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องภายในกำหนด1ปีนับแต่วันทำยอมโดยมิได้ระบุจำนวนเงินตามฟ้องว่าเป็นเงินเท่าใดนั้นไม่ใช่ข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายส่วนจำเลยจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเท่าใดนั้นเมื่อมีข้อโต้เถียงกันขึ้นก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3706-3707/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาประนีประนอมยอมความ: คู่สัญญาฟ้องได้ แม้บุคคลภายนอกยังไม่แสดงเจตนา
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่ามิได้ผิดสัญญาและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ก่อนสืบพยานคู่ความท้ากันให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยาน เพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ดังนี้ ปัญหาที่ว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่จึงเป็นปัญหาที่คู่ความสละแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นตามคำท้าไปได้โดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงให้เป็นยุติว่าจำเลยผิดสัญญาหรือไม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้โดยมีข้อผูกพันจำเลยว่า จำเลยจะทำสัญญาให้ผู้มีชื่อเช่าตึกแถวและจำเลยจะต้องก่อสร้างตึกแถวเพื่อให้ผู้มีชื่อได้เช่า จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงต่าง ๆ ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลย มิใช่เรื่องของบุคคลภายนอกกับโจทก์หรือจำเลย ดังนั้น แม้บุคคลภายนอกจะยังมิได้แสดงเจตนาต่อจำเลย ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาดังกล่าว ก็มิใช่ข้อที่จำเลยจะอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3706-3707/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาประนีประนอม: โจทก์มีสิทธิฟ้องแม้บุคคลภายนอกยังไม่แสดงเจตนา
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้ แก่โจทก์ จำเลยให้การว่ามิได้ผิดสัญญาและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ก่อนสืบพยานคู่ความท้ากันให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยาน เพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ดังนี้ ปัญหาที่ว่า จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่จึงเป็นปัญหา ที่คู่ความสละแล้วศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดประเด็น ตามคำท้าไปได้โดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงให้เป็นยุติว่าจำเลย ผิดสัญญาหรือไม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้โดยมีข้อผูกพันจำเลยว่า จำเลยจะทำสัญญาให้ผู้มีชื่อเช่าตึกแถวและจำเลยจะต้องก่อสร้างตึกแถวเพื่อให้ผู้มีชื่อได้เช่า จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้อง ปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆใน สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลย มิใช่เรื่องของบุคคลภายนอกกับโจทก์หรือจำเลย ดังนั้น แม้บุคคลภายนอกจะยังมิได้แสดงเจตนาต่อจำเลย ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาดังกล่าวก็มิใช่ข้อที่จำเลยจะอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับหนี้ตามยอม และผลกระทบต่ออำนาจฟ้องในการเพิกถอนสัญญา
ทายาททำหนังสือรับภาระหนี้สินของเจ้ามรดกต่อเจ้าหนี้แล้วไม่ชำระเจ้าหนี้ฟ้องขอให้บังคับตามหนังสือนี้แล้วทำยอมกัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดโจทก์ซึ่งได้รับ แต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาลจะมาฟ้องขอเพิกถอนหนังสือรับภาระหนี้สินนั้นไม่ได้หนี้ตามหนังสือนี้ได้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิขึ้นใหม่ตามที่แสดงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่มีหนี้เดิมเหลืออยู่ที่โจทก์จะขอให้เพิกถอนได้
เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลมีอำนาจสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับหนี้ตามยอมและการไม่มีอำนาจฟ้องหลังสัญญาประนีประนอม
ทายาททำหนังสือรับภาระหนี้สินของเจ้ามรดกต่อเจ้าหนี้แล้วไม่ชำระเจ้าหนี้ฟ้องขอให้บังคับตามหนังสือนี้แล้วทำยอมกัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดโจทก์ซึ่งได้รับ แต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาลจะมาฟ้องขอเพิกถอน หนังสือรับภาระหนี้สินนั้นไม่ได้หนี้ตามหนังสือนี้ได้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิขึ้นใหม่ตามที่แสดงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่มีหนี้เดิมเหลืออยู่ที่โจทก์จะขอให้เพิกถอนได้
เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลมีอำนาจสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าพิพาทเนื้อที่ดินไม่เป็นผลเมื่อเนื้อที่ดินจริงต่างจากที่ตกลงมาก ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นข้อพิพาท
โจทก์ จำเลย ท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินของแต่ละฝ่ายไว้ แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดตามที่เป็นจริงถ้าฝ่ายใดเกินอีกฝ่ายหนึ่งขาดฝ่ายที่เกินยอมแพ้ แต่ปรากฏจากการรังวัดว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึงเกือบหนึ่งในห้า เห็นได้ว่า เนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้ง เพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้า ศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้ คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไป ชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าพิพาทเนื้อที่ดินไม่เป็นไปตามข้อตกลง ศาลไม่สามารถวินิจฉัยตามคำท้าได้ ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาตามประเด็นข้อพิพาท
โจทก์จำเลยท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินของแต่ละฝ่ายไว้ แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดตามที่เป็นจริงถ้าฝ่ายใดเกินอีกฝ่ายหนึ่งขาดฝ่ายที่เกินยอมแพ้แต่ปรากฏจากการรังวัดว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึงเกือบหนึ่งในห้าเห็นได้ว่าเนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้งเพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้าศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไปชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ขัดประกาศคุ้มครองแรงงาน แม้โจทก์สละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีผลเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อโจทก์ทำ สัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมรับเงินช่วยเหลือจากจำเลย ไปจำนวนหนึ่งแล้ว โดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรจากจำเลยอีก จึงมีผลเป็นว่า โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าชดเชย หรือโจทก์ยอมสละข้อหานี้ โดยโจทก์ ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลบังคับเอากับจำเลยอีกต่อไป สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงหาขัดต่อ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน อันตกเป็นโมฆะแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับค่าชดเชย: การสละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยโดยการรับเงินช่วยเหลือ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีผลเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อโจทก์ทำ สัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมรับเงินช่วยเหลือจากจำเลย ไปจำนวนหนึ่งแล้วโดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรจากจำเลยอีกจึงมีผลเป็นว่า โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าชดเชยหรือโจทก์ยอมสละข้อหานี้ โดยโจทก์ ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลบังคับเอากับจำเลยอีกต่อไป สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงหาขัดต่อ ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานอันตกเป็นโมฆะแต่อย่างใดไม่
of 103