พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนต่างด้าวได้ที่ดินโดยไม่ชอบตามกฎหมาย ยังมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนด
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินให้โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวศาลพิพากษาตามยอม แม้โจทก์จะถือหรือใช้สิทธิในที่ดินที่ได้มาอย่างเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ได้ และต้องจำหน่ายที่ดินนั้นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 94 ก็ตาม โจทก์ก็ยังมีสิทธิได้รับผลตามมาตรา 94 อยู่คำพิพากษาตามยอมจึงหาฝ่าฝืนหรือขัดต่อมาตรา 86 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988-2993/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อตกลงตัดสินคดีหลังได้ หากผลเป็นไปตามที่ตกลง จำเลยชนะโดยไม่ต้องสืบพยาน
การที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าข้อเท็จจริงในคดีก่อนเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้และตกลงท้ากันว่า ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยก็ชนะคดีทุกประเด็นนั้นเป็นเรื่องขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดีหาใช่ถือเอาผลคำวินิจฉัยในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งเป็นข้อแพ้ชนะไม่ ฉะนั้น เมื่อคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไว้แน่นอน และที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย เป็นการพิพากษานอกประเด็น ผลก็คือโจทก์แพ้คดีโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จึงตรงตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมชนะคดีโดยไม่จำต้องสืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988-2993/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนมีผลผูกพันคดีหลังตามข้อตกลงท้าทาย หากผลเป็นไปตามที่ตกลง
การที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าข้อเท็จจริงในคดีก่อนเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้และตกลงท้ากันว่า ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยก็ชนะคดีทุกประเด็นนั้นเป็นเรื่องขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดีหาใช่ถือเอาผลคำวินิจฉัยในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งเป็นข้อแพ้ชนะไม่ ฉะนั้น เมื่อคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไว้แน่นอน และที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย เป็นการพิพากษานอกประเด็น ผลก็คือโจทก์แพ้คดีโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จึงตรงตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมชนะคดีโดยไม่จำต้องสืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องเป็นเหตุแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา มิใช่เรื่องลายเซ็นปลอม หรือคำพิพากษาตามยอม
การที่คู่ความจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 นั้น ต้องเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายนั้นแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่าลายเซ็นในใบแต่งทนายความของตนเป็นลายเซ็นปลอม สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทนายจำเลยทำไปจึงตกเป็นโมฆะนั้นไม่ใช่เรื่องจำเลยแพ้คดี เพราะขาดนัดพิจารณาจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่
การขอเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง บังคับอยู่ในตัวว่าข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบต้องยื่นก่อนพิพากษา การที่จำเลยขอเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะกระทำไม่ได้นั้นมิใช่การขอเพิกถอนการพิจารณา จะถือว่าเป็นการขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ได้
การขอเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง บังคับอยู่ในตัวว่าข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบต้องยื่นก่อนพิพากษา การที่จำเลยขอเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะกระทำไม่ได้นั้นมิใช่การขอเพิกถอนการพิจารณา จะถือว่าเป็นการขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องเป็นเหตุแพ้คดีเพราะขาดนัดเท่านั้น การอ้างลายเซ็นปลอมไม่ถือเป็นเหตุ
การที่คู่ความจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 นั้น ต้องเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายนั้นแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่าลายเซ็นในใบแต่งทนายความของตนเป็นลายเซ็นปลอม สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทนายจำเลยทำไปจึงตกเป็นโมฆะนั้นไม่ใช่เรื่องจำเลยแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณาจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่
การขอเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง บังคับอยู่ในตัวว่าข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบต้องยื่นก่อนพิพากษา การที่จำเลยขอเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะกระทำไม่ได้นั้นมิใช่การขอเพิกถอนการพิจารณา จะถือว่าเป็นการขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ได้
การขอเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง บังคับอยู่ในตัวว่าข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบต้องยื่นก่อนพิพากษา การที่จำเลยขอเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะกระทำไม่ได้นั้นมิใช่การขอเพิกถอนการพิจารณา จะถือว่าเป็นการขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัด การซื้อขายหุ้น การพิสูจน์ราคาหุ้น และภาระการพิสูจน์ของโจทก์
ตามคำให้การของจำเลย จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิที่จะนำใบหุ้นที่ซื้อในวันอื่นส่งมอบให้โจทก์แทนได้ ในชั้นชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และจำเลยจัดซื้อหุ้นให้โจทก์ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 จริงหรือไม่ ต่อมาได้เพิ่มประเด็นพิพาทอีกข้อหนึ่งว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใดหรือไม่และก่อนมีการสืบพยาน ศาลชั้นต้นได้จดรายงานกระบวนพิจารณาว่า คู่ความมีประเด็นโต้เถียงกันเพียงว่าหุ้นตามใบหุ้นและเลขที่ตามหนังสือที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ไปรับใบหุ้นนั้น จำเลยได้มีการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521หรือไม่ โดยโจทก์ว่าไม่มีการซื้อในวันดังกล่าว จำเลยว่ามีการซื้อในวันดังกล่าวจริง คดีหาได้มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยมีสิทธิจะนำใบหุ้นที่ซื้อในวันอื่นส่งมอบให้โจทก์แทนได้หรือไม่แต่อย่างใด ดังนั้นในชั้นอุทธรณ์ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่จำเป็นต้องส่งมอบใบหุ้นที่ซื้อในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 โดยมอบใบหุ้นที่ซื้อในวันอื่นให้โจทก์แทนได้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์ตั้งประเด็นและวินิจฉัยให้ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
ในประเด็นที่โต้เถียงกันตามที่ศาลชั้นต้นได้จดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา.โจทก์จำเลยมิได้ตกลงท้ากันให้เป็นข้อแพ้ชนะกันในคดี และยังมีประเด็นในข้ออื่นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยต่อไปอีก ศาลจึงพิพากษาคดีให้ผู้ที่เป็นฝ่ายแพ้ในประเด็นดังกล่าวเป็นผู้แพ้คดีหาได้ไม่
โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่การชำระหนี้ไม่ถูกต้องหรือผิดนัดตามสัญญาตัวแทน โจทก์เพียงแต่ฟ้องให้จำเลยคืนเงินค่าหุ้นที่จำเลยคิดเกินไปเท่านั้นโจทก์จึงถือเอาราคาหุ้นในวันที่จำเลยส่งมอบหุ้นให้โจทก์มาเป็นหลักคำนวณว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นเกินไปหาได้ไม่
แม้จำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ได้มีการซื้อในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 แต่ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ตามฟ้องที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธนั้นภาระ การพิสูจน์ในข้อนี้ย่อมตกอยู่แก่โจทก์ โดยโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์นั้นได้มีการซื้อในวันที่เท่าใดแน่ และมีราคาซื้อขายกันเท่าใด เพื่อที่ศาลจะได้นำมาเป็นหลักในการวินิจฉัยว่าจำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์คิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจริงหรือไม่และเป็นหลักในการคำนวณว่าได้มีการคิดเงินค่าหุ้นเกินไปเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใดหรือไม่อย่างไรทั้งนี้ เพราะราคาหุ้นแต่ละวันมีการขึ้นลงไม่แน่นอนเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยมอบให้โจทก์นั้นเป็นหุ้นที่ซื้อในวันที่เท่าใด และในวันนั้นมีราคาซื้อขายกันเท่าใด ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจึงรับฟังไม่ได้
ในประเด็นที่โต้เถียงกันตามที่ศาลชั้นต้นได้จดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา.โจทก์จำเลยมิได้ตกลงท้ากันให้เป็นข้อแพ้ชนะกันในคดี และยังมีประเด็นในข้ออื่นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยต่อไปอีก ศาลจึงพิพากษาคดีให้ผู้ที่เป็นฝ่ายแพ้ในประเด็นดังกล่าวเป็นผู้แพ้คดีหาได้ไม่
โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่การชำระหนี้ไม่ถูกต้องหรือผิดนัดตามสัญญาตัวแทน โจทก์เพียงแต่ฟ้องให้จำเลยคืนเงินค่าหุ้นที่จำเลยคิดเกินไปเท่านั้นโจทก์จึงถือเอาราคาหุ้นในวันที่จำเลยส่งมอบหุ้นให้โจทก์มาเป็นหลักคำนวณว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นเกินไปหาได้ไม่
แม้จำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ได้มีการซื้อในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 แต่ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ตามฟ้องที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธนั้นภาระ การพิสูจน์ในข้อนี้ย่อมตกอยู่แก่โจทก์ โดยโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์นั้นได้มีการซื้อในวันที่เท่าใดแน่ และมีราคาซื้อขายกันเท่าใด เพื่อที่ศาลจะได้นำมาเป็นหลักในการวินิจฉัยว่าจำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์คิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจริงหรือไม่และเป็นหลักในการคำนวณว่าได้มีการคิดเงินค่าหุ้นเกินไปเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใดหรือไม่อย่างไรทั้งนี้ เพราะราคาหุ้นแต่ละวันมีการขึ้นลงไม่แน่นอนเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยมอบให้โจทก์นั้นเป็นหุ้นที่ซื้อในวันที่เท่าใด และในวันนั้นมีราคาซื้อขายกันเท่าใด ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจึงรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัด การวินิจฉัยเกินขอบเขต และภาระการพิสูจน์ของโจทก์ในการซื้อขายหลักทรัพย์
ตามคำให้การของจำเลย จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิที่จะนำใบหุ้นที่ซื้อในวันอื่นส่งมอบให้โจทก์แทนได้ ในชั้นชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และจำเลยจัดซื้อหุ้นให้โจทก์ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 จริงหรือไม่ ต่อมาได้เพิ่มประเด็นพิพาทอีกข้อหนึ่งว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใดหรือไม่และก่อนมีการสืบพยาน ศาลชั้นต้นได้จดรายงานกระบวนพิจารณาว่า คู่ความมีประเด็นโต้เถียงกันเพียงว่าหุ้นตามใบหุ้นและเลขที่ตามหนังสือที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ไปรับใบหุ้นนั้น จำเลยได้มีการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 หรือไม่ โดยโจทก์ว่าไม่มีการซื้อในวันดังกล่าว จำเลยว่ามีการซื้อในวันดังกล่าวจริง คดีหาได้มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยมีสิทธิจะนำใบหุ้นที่ซื้อในวันอื่นส่งมอบให้โจทก์แทนได้หรือไม่แต่อย่างใด ดังนั้นในชั้นอุทธรณ์ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่จำเป็นต้องส่งมอบใบหุ้นที่ซื้อในวันที่ 27 พฤศจิกายน2521 โดยมอบใบหุ้นที่ซื้อในวันอื่นให้โจทก์แทนได้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์ตั้งประเด็นและวินิจฉัยให้ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
ในประเด็นที่โต้เถียงกันตามที่ศาลชั้นต้นได้จดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา.โจทก์จำเลยมิได้ตกลงท้ากันให้เป็นข้อแพ้ชนะกันในคดี และยังมีประเด็นในข้ออื่นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยต่อไปอีก ศาลจึงพิพากษาคดีให้ผู้ที่เป็นฝ่ายแพ้ในประเด็นดังกล่าวเป็นผู้แพ้คดีหาได้ไม่
โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่การชำระหนี้ไม่ถูกต้องหรือผิดนัดตามสัญญาตัวแทน โจทก์เพียงแต่ฟ้องให้จำเลยคืนเงินค่าหุ้นที่จำเลยคิดเกินไปเท่านั้นโจทก์จึงถือเอาราคาหุ้นในวันที่จำเลยส่งมอบหุ้นให้โจทก์มาเป็นหลักคำนวณว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นเกินไปหาได้ไม่
แม้จำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ได้มีการซื้อในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 แต่ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ตามฟ้องที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธนั้น ภาระการพิสูจน์ในข้อนี้ย่อมตกอยู่แก่โจทก์ โดยโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์นั้นได้มีการซื้อในวันที่เท่าใดแน่ และมีราคาซื้อขายกันเท่าใด เพื่อที่ศาลจะได้นำมาเป็นหลักในการวินิจฉัยว่าจำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์คิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจริงหรือไม่ และเป็นหลักในการคำนวณว่าได้มีการคิดเงินค่าหุ้นเกินไปเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใดหรือไม่อย่างไรทั้งนี้ เพราะราคาหุ้นแต่ละวันมีการขึ้นลงไม่แน่นอนเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยมอบให้โจทก์นั้นเป็นหุ้นที่ซื้อในวันที่เท่าใด และในวันนั้นมีราคาซื้อขายกันเท่าใด ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจึงรับฟังไม่ได้
ในประเด็นที่โต้เถียงกันตามที่ศาลชั้นต้นได้จดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา.โจทก์จำเลยมิได้ตกลงท้ากันให้เป็นข้อแพ้ชนะกันในคดี และยังมีประเด็นในข้ออื่นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยต่อไปอีก ศาลจึงพิพากษาคดีให้ผู้ที่เป็นฝ่ายแพ้ในประเด็นดังกล่าวเป็นผู้แพ้คดีหาได้ไม่
โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่การชำระหนี้ไม่ถูกต้องหรือผิดนัดตามสัญญาตัวแทน โจทก์เพียงแต่ฟ้องให้จำเลยคืนเงินค่าหุ้นที่จำเลยคิดเกินไปเท่านั้นโจทก์จึงถือเอาราคาหุ้นในวันที่จำเลยส่งมอบหุ้นให้โจทก์มาเป็นหลักคำนวณว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นเกินไปหาได้ไม่
แม้จำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ได้มีการซื้อในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521 แต่ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ตามฟ้องที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธนั้น ภาระการพิสูจน์ในข้อนี้ย่อมตกอยู่แก่โจทก์ โดยโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าหุ้นที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์นั้นได้มีการซื้อในวันที่เท่าใดแน่ และมีราคาซื้อขายกันเท่าใด เพื่อที่ศาลจะได้นำมาเป็นหลักในการวินิจฉัยว่าจำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์คิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจริงหรือไม่ และเป็นหลักในการคำนวณว่าได้มีการคิดเงินค่าหุ้นเกินไปเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใดหรือไม่อย่างไรทั้งนี้ เพราะราคาหุ้นแต่ละวันมีการขึ้นลงไม่แน่นอนเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหุ้นที่จำเลยมอบให้โจทก์นั้นเป็นหุ้นที่ซื้อในวันที่เท่าใด และในวันนั้นมีราคาซื้อขายกันเท่าใด ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยคิดเงินค่าหุ้นจากโจทก์เกินไปจึงรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาประนีประนอม แม้ไม่ได้ระบุชัดก็รวมถึงส่วนควบของที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่า จำเลยยอมขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่ได้ระบุว่า ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างก็ตาม ก็ต้องหมายรวมถึงสิ่งปลูกสร้างด้วย เพราะสิ่งปลูกสร้างคือบ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินย่อมตกติดไปกับที่ดิน และโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อขอบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำกันไว้ อันแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ที่จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วย
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาตามยอมว่า การขายที่ดินดังกล่าวรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินด้วยนั้น แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดี โดยแปลว่าสัญญาประนีประนอมยอมความสนส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินที่ตกลงซื้อขายได้มุ่งหมายถึงสิ่งปลุกสร้างในที่ดินนั้นด้วยแล้วบังคับไปตามนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์ได้
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาตามยอมว่า การขายที่ดินดังกล่าวรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินด้วยนั้น แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดี โดยแปลว่าสัญญาประนีประนอมยอมความสนส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินที่ตกลงซื้อขายได้มุ่งหมายถึงสิ่งปลุกสร้างในที่ดินนั้นด้วยแล้วบังคับไปตามนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความซื้อขายที่ดินรวมสิ่งปลูกสร้าง แม้ไม่มีระบุชัดเจน ย่อมตกติดไปกับที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่าจำเลยยอมขายที่ดินพิพาทให้โจทก์แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่ได้ระบุว่าขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างก็ตามก็ต้องหมายรวมถึงสิ่งปลูกสร้างด้วยเพราะสิ่งปลูกสร้างคือบ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินย่อมตกติดไปกับที่ดินและโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อขอบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำกันไว้อันแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ที่จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วย
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาตามยอมว่าการขายที่ดินดังกล่าวรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินด้วยนั้นแปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีโดยแปลว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินที่ตกลงซื้อขายได้มุ่งหมายถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นด้วยแล้วบังคับคดีไปตามนั้นโจทก์มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์ได้
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาตามยอมว่าการขายที่ดินดังกล่าวรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินด้วยนั้นแปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีโดยแปลว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินที่ตกลงซื้อขายได้มุ่งหมายถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นด้วยแล้วบังคับคดีไปตามนั้นโจทก์มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การยืนยันข้อเท็จจริงและการไม่ฉ้อฉล
จำเลยอุทธรณ์ว่าถูกทนายโจทก์กับเสมียนศาลขู่ให้ลงลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลเป็นผู้จัดทำให้ แต่เมื่อผู้พิพากษาผู้พิจารณาตรวจรับอุทธรณ์ของจำเลย เรียกจำเลยกับ ส.เสมียนหน้าบัลลังก์ในคดีนี้มาสอบถามพร้อมกัน จำเลยก็แถลงยืนยันว่า ส. มิได้พูดขู่เข็ญให้จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญายอม จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ