คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 138

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเด็ดขาด: ความสำคัญผิดก่อนฟ้อง ไม่ใช่กลฉ้อฉล
คู่ความยอมความและศาลพิพากษาตามยอม โจทก์อุทธรณ์อ้างว่าถูกจำเลยฉ้อฉล แต่ตามข้ออุทธรณ์เป็นการอ้างความสำคัญผิดซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนฟ้อง เพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์ คำพิพากษาตามยอมจึงเสร็จเด็ดขาดต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 ไม่มีประโยชน์ที่จะให้โจทก์นำสืบตามข้อกล่าวอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความคดีล้มละลาย ศาลต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก่อนพิพากษาล้มละลาย
คู่ความยอมความกันชำระหนี้ และว่าถ้าผิดนัดให้ศาลพิพากษาให้ล้มละลายตามฟ้อง ดังนี้ แม้จำเลยผิดนัด ศาลก็พิพากษาให้ล้มละลายทันทีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทดแทนซ้ำซ้อนจากนายจ้างและกองทุนเงินทดแทน สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ขัดกฎหมาย
ท.ลูกจ้างโจทก์ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติงานให้โจทก์ โจทก์ได้จ่ายเงินทดแทนและค่าทำศพให้แก่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นภริยาของ ท.แล้ว ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง ข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหาย โจทก์และจำเลยที่ 3 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ยอมให้จำเลยที่ 3 ขอรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้ โดยโจทก์จะไม่เกี่ยวข้องโต้แย้ง จำเลยที่ 3 จึงยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน ดังนี้ ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามนายจ้างจ่ายเงินทดแทนหรือห้ามลูกจ้างรับเงินทดแทนเกินกว่าจำเลยที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ การที่จำเลยที่ 3 ได้รับเงินทดแทนจากโจทก์แล้ว แต่โจทก์ยังทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 3 ยื่นขอรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้อีก สัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจึงหาเป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ แม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนฯ ข้อ 15 วรรคสอง กำหนดให้ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทนภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้มีสิทธ์ทราบว่าลูกจ้างถึงแก่ความตายและจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดแล้ว ก็หาเป็นการห้ามสำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายเงินแก่จำเลยที่ 3 ไม่ และแม้การจ่ายเงินดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายเพราะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนเพิ่มขึ้น แต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์ทำลงโดยสมัครใจและบังคับได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องให้ห้ามกรมแรงงานและผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายเงินทดแทนแก่จำเลยที่ 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทดแทนซ้ำซ้อนจากนายจ้างและกองทุนเงินทดแทนหลังประนีประนอมยอมความ ย่อมไม่ขัดกฎหมาย
ท. ลูกจ้างโจทก์ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติงานให้โจทก์โจทก์ได้จ่ายเงินทดแทนและค่าทำศพให้แก่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นภริยาของ ท. แล้ว ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง ข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหาย โจทก์และจำเลยที่ 3 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ยอมให้จำเลยที่ 3 ขอรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้ โดยโจทก์จะไม่เกี่ยวข้องโต้แย้งจำเลยที่ 3 จึงยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน ดังนี้ ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามนายจ้างจ่ายเงินทดแทนหรือห้ามลูกจ้างรับเงินทดแทนเกินกว่าจำนวนที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ การที่จำเลยที่ 3ได้รับเงินทดแทนจากโจทก์แล้ว แต่โจทก์ยังทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 3ยื่นขอรับเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้อีกสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจึงหาเป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ แม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนฯ ข้อ 15 วรรคสองกำหนดให้ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทนภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้มีสิทธิทราบว่าลูกจ้างถึงแก่ความตายและจำเลยที่ 3ยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดแล้ว ก็หาเป็นการห้ามสำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายเงินแก่จำเลยที่ 3 ไม่ และแม้การจ่ายเงินดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายเพราะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนเพิ่มขึ้น แต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์ทำลงโดยสมัครใจและบังคับได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องให้ห้ามกรมแรงงานและผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายเงินทดแทนแก่จำเลยที่ 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ต้องรอรับคำให้การ หากทนายความทั้งสองฝ่ายตกลง
เมื่อทนายโจทก์ทนายจำเลยแถลงร่วมกันว่าคดีตกลงกันได้แล้วขอให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็ไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งรับคำให้การและคำแถลงจำเลยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดีจะต้องพิจารณาต่อไปชอบที่ศาลจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเลิกคดีโดยมีเงื่อนไข: การประกาศข้อความในหนังสือพิมพ์เป็นเงื่อนไขในการถอนฟ้อง ไม่ใช่ข้อตกลงให้เลิกคดี
คู่ความตกลงกันว่า ให้ฝ่ายจำเลยจัดการนำข้อความตามที่กำหนดไปประกาศลงในหนังสือพิมพ์ โจทก์แถลงว่า เมื่อจำเลยลงประกาศในหนังสือพิมพ์ครบกำหนดแล้ว โจทก์จะขอถอนฟ้องศาลชั้นต้นออกคำสั่งให้จำเลยนำข้อความตามที่ตกลงกันไปประกาศหนังสือพิมพ์โดยเสียค่าใช้จ่ายเอง แปลความหมายได้ว่า โจทก์ประสงค์จะเลิกคดีด้วยการถอนฟ้องโดยมีเงื่อนไขให้ฝ่ายจำเลยลงประกาศในหนังสือพิมพ์เสียก่อน การประกาศหนังสือพิมพ์เป็นเงื่อนไขในการถอนฟ้องเท่านั้น ไม่ใช่ลักษณะข้อตกลงโดยมิได้มีการถอนฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โดยไม่ลงประกาศข้อความในหนังสือพิมพ์ ย่อมมีผลว่าโจทก์ไม่ผูกพันที่จะต้องถอนฟ้อง ซึ่งโจทก์ก็ไม่ถอนฟ้องเท่ากับว่าคู่ความเลิกคดีกันไม่ได้ศาลชั้นต้นต้องทำการพิจารณาต่อไปเสมือนกับว่าไม่มีข้อตกลงใด ๆ กันมาก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเลิกคดีโดยมีเงื่อนไข: การประกาศข้อความในหนังสือพิมพ์เป็นเงื่อนไขให้ถอนฟ้อง ไม่ใช่ข้อตกลงผูกพัน
คู่ความตกลงกันว่า ให้ฝ่ายจำเลยจัดการนำข้อความตามที่กำหนดไปประกาศลงในหนังสือพิมพ์ โจทก์แถลงว่า เมื่อจำเลยลงประกาศในหนังสือพิมพ์ครบกำหนดแล้ว โจทก์จะขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นออกคำสั่งให้จำเลยนำข้อความตามที่ตกลงกันไปประกาศหนังสือพิมพ์โดยเสียค่าใช้จ่ายเอง แปลความหมายได้ว่า โจทก์ประสงค์จะเลิกคดีด้วยการถอนฟ้องโดยมีเงื่อนไขให้ฝ่ายจำเลยลงประกาศในหนังสือพิมพ์เสียก่อน การประกาศหนังสือพิมพ์เป็นเงื่อนไขในการถอนฟ้องเท่านั้น ไม่ใช่ลักษณะข้อตกลงโดยมิได้มีการถอนฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โดยไม่ลงประกาศข้อความในหนังสือพิมพ์ ย่อมมีผลว่าโจทก์ไม่ผูกพันที่จะต้องถอนฟ้อง ซึ่งโจทก์ก็ไม่ถอนฟ้องเท่ากับว่าคู่ความเลิกคดีกันไม่ได้ ศาลชั้นต้นต้องทำการพิจารณาต่อไปเสมือนกับว่าไม่มีข้อตกลงใดๆ กันมาก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินพิพาท: แผนที่ที่ไม่ตรงกันระหว่างคู่ความไม่อาจใช้เป็นหลักฐานวินิจฉัยได้
คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดปูโฉนดที่ดินพิพาททั้งแปลงและให้ตรวจสอบด้วยว่ามีโรงสีและบ้านปลูกอยู่ในโฉนดด้วยหรือไม่เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินมิได้ทำการปูโฉนดตามที่คู่ความได้ท้ากันไว้คงให้คู่ความแต่ละฝ่ายนำชี้แนวเขตโฉนดซึ่งไม่ตรงกันตามแผนที่พิพาทย่อมไม่อาจรู้แนวเขตโฉนดได้แน่นอนจึงไม่อาจนำแผนที่พิพาทมาเป็นหลักฐานในการวินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความได้ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อฉลในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ดิน: การระบุเนื้อที่ประมาณการและการเข้าดูที่ดินก่อนทำสัญญา
ที่ดินที่จำเลยตกลงยกให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญแต่มีการระบุเขตติดต่อของที่ดินไว้ทั้งสี่ด้านและทั้งโจทก์และจำเลยก็ได้ไปดูที่ดินจนเป็นที่พอใจแล้วนอกจากนี้การที่สัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่าที่ดินมีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ก็แสดงว่าจำเลยก็ไม่ทราบจำนวนเนื้อที่แน่นอนดังนั้นแม้จะปรากฏว่าที่ดินมีเนื้อที่เพียง 7 ไร่ ก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อฉลโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายการรังวัด: ผลผูกพันตามสัญญาและการยุติข้อพิพาท
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนอยู่ ไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังฟ้องคู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินสอบเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ ถ้าปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังกล่าว หรือแต่บางส่วน จำเลยยอมแพ้ถ้าสอบแล้วปรากฏว่าเรือนที่จำเลยอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดสอบเขตของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดส่งแผนที่มายังศาลปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานรังวัดสอบเขตเกินไปจากเนื้อที่ในโฉนด 54 ตารางวา กรณีเป็นที่สงสัยว่าเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินส่วนที่เกินจะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่ เพราะที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้า ข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้านั้นแล้ว
of 103