พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความในคดีชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา แม้มีละเมิดก่อนหน้า สัญญาเป็นหลักพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่า ก. บุตรจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ จำเลยตกลงทำบันทึกประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ยอมชดใช้ค่าเสียหายแทน ก. ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 15,000 บาทชำระในวันนั้น 3,000 บาท คงค้างอีก 12,000 บาท ซึ่งจำเลยยังไม่ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับ ในวันชี้สองสถานโจทก์แถลงรับว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากถูกทำละเมิดมากว่า 1 ปี และรู้ตัวผู้ทำละเมิดมากว่า 1 ปี ดังนี้แม้เดิมบุตรจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วต่อมาจำเลยเข้าทำสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แทนบุตรก็ตามแต่มูลคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่เรื่องละเมิด หากเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ จึงนำเอาบทบัญญัติเรื่องอายุความอันเกิดแต่มูลละเมิดมาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา แม้มีละเมิดก่อนหน้า ไม่ใช้บทบัญญัติอายุความละเมิด
โจทก์ฟ้องว่า ก.บุตรจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ จำเลยตกลงทำบันทึกประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ยอมชดใช้ค่าเสียหายแทน ก.ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 15,000 บาท ชำระในวันนั้น 3,000 บาท คงค้างอีก 12,000 บาท ซึ่งจำเลยยังไม่ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับ ในวันชี้สองสถาน โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากถูกละเมิดมากว่า 1 ปี และรู้ตัวผู้ทำละเมิดมากว่า 1 ปี ดังนี้ แม้เดิมบุตรจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วต่อมาจำเลยเข้าทำสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แทนบุตรก็ตาม แต่มูลคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่เรื่องละเมิด หากเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ จึงนำเอาบทบัญญัติเรื่องอายุความอันเกิดแต่มูลละเมิดมาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2523/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งขังลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องมีคำร้องและไต่สวน การบังคับตามสัญญาประนีประนอมเมื่อมีการขายทรัพย์สิน
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษาหลังจากที่มีคำสั่งนัดพร้อม จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้ขายที่ดินที่ส่วนของจำเลยให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว หากโจทก์จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมอย่างใด ก็ชอบที่จะดำเนินการกับจำเลยในทางอื่น ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยแบ่งที่ดินของจำเลยไว้เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยได้ขายที่ดินที่ส่วนของจำเลยให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว หากโจทก์จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมอย่างใด ก็ชอบที่จะดำเนินการกับจำเลยในทางอื่น ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยแบ่งที่ดินของจำเลยไว้เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2523/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาตามยอม และขอบเขตอำนาจศาลในการบังคับสัญญาประนีประนอม
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษาหลังจากที่มีคำสั่งนัดพร้อม จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้ขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วหากโจทก์จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมอย่างใด ก็ชอบที่จะดำเนินการกับจำเลยในทางอื่น ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยแบ่งที่ดินของจำเลยไว้เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยได้ขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วหากโจทก์จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมอย่างใด ก็ชอบที่จะดำเนินการกับจำเลยในทางอื่น ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยแบ่งที่ดินของจำเลยไว้เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเด็ดขาด ศาลไม่สามารถวินิจฉัยข้อเท็จจริงเดิมที่เคย争กันได้
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีศาลชั้นต้นพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ตามข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(1)(2) และ (3)คดีจึงถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องที่จำเลยอ้างอันเป็นข้อเท็จจริง ในประเด็นแห่งคดีที่ศาลได้พิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว และวินิจฉัยคดีใหม่อีกย่อมไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความซื้อขายที่ดินพร้อมอาคาร: ศาลฎีกาวางหลักงดบังคับคดีหากที่ดินยังไม่ปลอดจำนองและอาคารชำรุด
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมขายที่ดินพร้อมอาคารพิพาทให้โจทก์โดยปลอดจำนอง ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังมิได้ทำที่ดินและอาคารพิพาทให้ปลอดจำนองตามสัญญาและโจทก์ก็อ้างว่าอาคารพิพาทชำรุดบกพร่อง ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์ชำระค่าที่ดิน และอาคารพิพาทตามคำขอของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบ และเมื่ออาคารพิพาทยังไม่ปลอดจำนอง จึงมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีไว้ก่อน(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญายอมความที่ยังไม่ปลอดจำนองและอาคารชำรุด ศาลฎีกาพิพากษางดการบังคับคดี
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมขายที่ดินพร้อมอาคารพิพาทให้โจทก์โดยปลอดจำนอง ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังมิได้ทำที่ดินและอาคารพิพาทให้ปลอดจำนองตามสัญญาและโจทก์อ้างว่าอาคารพิพาทชำรุดบกพร่อง ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์ขำระค่าที่ดินและอาคารพิพาทตามคำขอของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบและเมื่ออาคารพิพาทยังไม่ปลอดจำนอง จึงมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีไว้ก่อน
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2521)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประมูลเช่าที่ดินกับการบังคับคดี และสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่าฝ่ายที่ประมูลเช่าทำนาพิพาทได้จะต้องนำเงินค่าเช่ามาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดหากผิดนัดฝ่ายนั้นย่อมแพ้คดีนั้น เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณา หาใช่เป็นการตกลงกันในประเด็นของคดีที่คู่ความยังพิพาทกันอยู่ไม่ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดไม่วางเงินค่าเช่านาโจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีในเงินค่าเช่านั้นได้ต่อไปศาลจะนำข้อตกลงดังกล่าวนี้มาอ้างวินิจฉัยเป็นข้อแพ้ชนะในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนทำสัญญาประกันภัยแทนตัวการ การรับผิดตามสัญญาประกันภัยค้ำจุน
รถยนต์ที่ บ.เอาไปประกันภัยค้ำจุนกับจำเลยที่ 2 เป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 โดย บ.เป็นหุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 ในสัญญาประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไว้จริงจึงน่าเชื่อว่า บ.เป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประกันภัยแทนจำเลยที่ 1 โดยไม่เปิดเผยชื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 1 เอารถยนต์ไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการมิได้เปิดเผยชื่อกลับแสดงตนให้ปรากฏและรับเอาสัญญาประกันภัยซึ่ง บ.ตัวแทนได้ไว้แทนตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806
โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยานว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยค้ำจุนหรือไม่ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงในคำให้การของจำเลยที่ 1 มาวินิจฉัย ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยความรับผิดตามสัญญาประกันภัยที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากันหาใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่สละแล้วไม่
โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยานว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยค้ำจุนหรือไม่ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงในคำให้การของจำเลยที่ 1 มาวินิจฉัย ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยความรับผิดตามสัญญาประกันภัยที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากันหาใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่สละแล้วไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยค้ำจุน: ตัวแทนทำสัญญาแทนตัวการ และความรับผิดตามสัญญา
รถยนต์ที่ บ.เอาไปประกันภัยค้ำจุนกับจำเลยที่ 2 เป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 โดย บ.เป็นหุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 ในสัญญาประกันภัยก็ลงที่อยู่ของ บ.ที่เดียวกับที่ตั้งของห้างจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 2 รับว่าได้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไว้จริง จึงน่าเชื่อว่า บ.เป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประกันภัยแทนจำเลยที่ 1 โดยไม่เปิดเผยชื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการ ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 1 เอารถยนต์ไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการมิได้เปิดเผยชื่อกลับแสดงตนให้ปรากฏและรับเอาสัญญาประกันภัยซึ่ง บ.ตัวแทนได้ทำไว้แทนตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806
โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยานว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยค้ำจุนหรือไม่ ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงในคำให้การของจำเลยที่ 1 มาวินิจฉัย ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยความรับผิดตามสัญญาประกันภัยที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากัน หาใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่สละแล้วไม่
โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยานว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยค้ำจุนหรือไม่ ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงในคำให้การของจำเลยที่ 1 มาวินิจฉัย ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยความรับผิดตามสัญญาประกันภัยที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ท้ากัน หาใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่สละแล้วไม่