พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงปูโฉนดเป็นข้อแพ้ชนะ ศาลต้องวินิจฉัยตามผลการปูโฉนด หากไม่ชัดเจน วินิจฉัยนอกประเด็นไม่ได้
ในวันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยตกลงกันต่างไม่ขอสืบพยานบุคคลโดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินปูโฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยและให้ศาลชี้ขาดตัดสินไปตามผลแห่งการปูโฉนดคือถ้าที่ดินพิพาทที่ฝ่ายหนึ่งหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใดก็ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น ดังนี้ ข้อตกลงที่คู่ความท้าเป็นข้อแพ้ชนะกันก็คือ ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการปูโฉนดของทั้งสองฝ่ายและให้ศาลพิพากษาไปตามผลของการปูโฉนด คือที่ดินพิพาทอยู่ในโฉนดของฝ่ายใดก็ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น แต่ตามแผนที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินทำส่งให้ศาลนั้นไม่ปรากฏว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใด จึงยังถือไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการปูโฉนดแล้วดังที่โจทก์จำเลยตกลงท้ากันศาลจึงยังไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามข้อท้าของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยถือเอาข้อเท็จจริงอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อท้าของคู่ความมาวินิจฉัยนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงปูโฉนดเป็นข้อแพ้ชนะ ศาลต้องวินิจฉัยตามผลการรังวัด หากผลไม่ชัดเจน ศาลไม่อาจวินิจฉัยตามข้อตกลงได้
ในวันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยตกลงกันต่างไม่ขอสืบพยานบุคคล โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินปูโฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยและให้ศาลชี้ขาดตัดสินไปตามผลแห่งการปูโฉนดคือถ้าที่ดินพิพาทที่ฝ่ายหนึ่งหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใดก็ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น ดังนี้ ข้อตกลงที่คู่ความท้าเป็นข้อแพ้ชนะกันก็คือให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการปูโฉนดของทั้งสองฝ่ายและให้ศาลพิพากษาไปตามผลของการปูโฉนด คือที่ดินพิพาทอยู่ในโฉนดของฝ่ายใดก็ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น แต่ตามแผนที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินทำส่งให้ศาลนั้นไม่ปรากฏว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใด จึงยังถือไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการปูโฉนดแล้วดังที่โจทก์จำเลยตกลงท้ากัน ศาลจึงยังไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามข้อท้าของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยถือเอาข้อเท็จจริงอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อท้าของคู่ความมาวินิจฉัยนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกความและการพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในคำท้าคดี ศาลฎีกายกคำพิพากษาเดิมเพื่อพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติม
โจทก์มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1และทายาทอื่นต่างยื่นคำร้องขอรับมรดกความ การตั้งผู้รับมรดกความแทนผู้มรณะนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43บัญญัติให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและเหตุสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป หากศาลอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้ารับมรดกความ ก็เท่ากับให้จำเลยที่ 1เข้าล้มคดีของโจทก์ตามชอบใจ ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทายาทอื่นเข้ารับมรดกความแทนโจทก์ จึงเป็นการชอบแล้ว
การแปลคำท้าของคู่ความ
การแปลคำท้าของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกความแทนผู้มรณะ คำท้าพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือ และผลของการพิสูจน์ต่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
โจทก์มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1และทายาทอื่นต่างยื่นคำร้องขอรับมรดกความ การตั้งผู้รับมรดกความแทนผู้มรณะนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43บัญญัติให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและเหตุสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป หากศาลอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้ารับมรดกความ ก็เท่ากับให้จำเลยที่ 1 เข้าล้มคดีของโจทก์ตามชอบใจ ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทายาทอื่นเข้ารับมรดกความแทนโจทก์ จึงเป็นการชอบแล้ว
การแปลคำท้าของคู่ความ
การแปลคำท้าของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ศาลชี้ขาดที่พิพาท: ไม่เป็นประนีประนอม & ผูกพันตามคำชี้ขาด
การที่คู่ความตกลงกันให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาท แล้วให้ศาลชี้ขาดตามที่เห็นสมควรโดยคู่ความยินยอมตามที่ศาลชี้ขาดนั้นหาใช่เป็นการตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 ไม่ เพราะศาลยังต้องชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีอีกว่าที่พิพาทควรจะเป็นของใครเพียงใด คดีจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 แต่เมื่อศาลตรวจดูที่พิพาทแล้ว เห็นว่า ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นของฝ่ายใด จึงพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทออกเป็นสองส่วน ให้โจทก์จำเลยได้ฝ่ายละส่วน โจทก์จะอุทธรณ์ว่าที่พิพาทมีลักษณะเหมือนของโจทก์ ควรให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่ เพราะเท่ากับไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของศาลตามที่ตกลงไว้นั่นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเป็นไปโดยมิชอบ ศาลสูงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ศาลชี้ขาดข้อพิพาทที่ดินและการไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาด
การที่คู่ความตกลงกันให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาท แล้วให้ศาลชี้ขาดตามที่เห็นสมควรโดยคู่ความยินยอมตามที่ศาลชี้ขาดนั้นหาใช่เป็นการตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 ไม่ เพราะศาลยังต้องชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีอีกว่าที่พิพาทควรจะเป็นของใครเพียงใด คดีจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138 แต่เมื่อศาลตรวจดูที่พิพาทแล้ว เห็นว่า ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นของฝ่ายใด จึงพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทออกเป็นสองส่วนให้โจทก์จำเลยได้ฝ่ายละส่วน โจทก์จะอุทธรณ์ว่าที่พิพาทมีลักษณะเหมือนของโจทก์ ควรให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่ เพราะเท่ากับไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของศาลตามที่ตกลงไว้นั่นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเป็นไปโดยมิชอบ ศาลสูงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหลังทำสัญญาไม่ถือเป็นการผิดสัญญา หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่จำเลยอ้าง
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ทำกันในศาลมีใจความสำคัญว่า โจทก์ยอมให้ที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยจำเลยรับจะส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ปีละ 3 เกวียน หากผิดสัญญาไม่ปฏิบัติก็ให้ที่พิพาทกลับเป็นของโจทก์ ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ดังกล่าวนี้ มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลจะบังคับให้จำเลยปฏิบัติได้ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยจะปฏิบัติต่อกันเองตามความสมัครใจ จึงอาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความได้ เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาส่งข้าวเปลือกให้ไม่ครบ จำเลยต่อสู้ว่าได้ตกลงกับโจทก์ใหม่และปฏิบัติตามข้อตกลงใหม่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่จำเลยต่อสู้จริง จำเลยก็มิใช่ฝ่ายผิดสัญญา กรณีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป จะพิพากษาให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การตกลงเปลี่ยนแปลงสัญญาและการพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ทำกันในศาลมีใจความสำคัญว่า โจทก์ยอมให้ที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยจำเลยรับจะส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ปีละ 3 เกวียน หากผิดสัญญาไม่ปฏิบัติ ก็ให้ที่พิพาทกลับเป็นของโจทก์ ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ดังกล่าวนี้ มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลจะบังคับให้จำเลยปฏิบัติได้ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยจะปฏิบัติต่อกันเองตามความสมัครใจ จึงอาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความได้ เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาส่งข้าวเปลือกให้ไม่ครบ จำเลยต่อสู้ว่าได้ตกลงกับโจทก์ใหม่และปฏิบัติตามข้อตกลงใหม่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่จำเลยต่อสู้จริง จำเลยก็มิใช่ฝ่ายผิดสัญญากรณีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป จะพิพากษาให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงนอกศาลเกี่ยวกับการโอนมรดกและการตรวจสอบทรัพย์สิน ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คู่ความตกลงกันว่า จำเลยยินดีโอนห้องแถวพร้อมกับที่ดิน2 ห้องที่เหลือตามพินัยกรรมดังโจทก์ฟ้องให้โจทก์ ในเมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปสำรวจแล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินแยกออกมาว่าห้องทั้งสองอยู่ที่ใด ถ้าหากเจ้าพนักงานที่ดินตรวจแล้วว่าที่ดินและห้องแถวตามพินัยกรรมไม่มีอยู่เลย โจทก์ก็ยินดีถอนฟ้องแต่ถ้าปรากฏว่ามีเหลืออยู่เป็นจำนวนมากกว่า 2 ห้อง โจทก์ยอมรับเพียง 2 ห้อง จำเลยยินดีโอนให้โจทก์ การตรวจสอบนี้ให้ถือเอาพินัยกรรมตามฟ้องและตราจองเลขที่ 5 เป็นหลัก ดังนี้เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ตรวจสอบแล้วได้ความว่าห้องแถวดังกล่าวอยู่ในตราจองเลขที่ 2172 โดยเจ้าพนักงานที่ดินได้ตรวจสอบรูปแผนที่ในพินัยกรรมแล้ว แสดงว่าที่ดินพร้อมด้วยห้องแถวที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามพินัยกรรม คือ ที่ดินตราจองเลขที่ดังกล่าว จำเลยต้องโอนให้โจทก์ตามข้อตกลง และเมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินตรวจพบแล้วก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องตรวจสอบที่ดินมรดกรายนี้ทั้งหมดต่อไปอีก
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 และไม่เป็นการที่ศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งด้วย
ปัญหาเรื่องข้อตกลงขัดต่อมาตรา 138 หรือไม่ และศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
วันนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2 มิได้ไปศาลตามนัด แต่ศาลได้สืบพยานไปโดยมิได้มีการสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณานั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนไม่ได้
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 และไม่เป็นการที่ศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งด้วย
ปัญหาเรื่องข้อตกลงขัดต่อมาตรา 138 หรือไม่ และศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
วันนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2 มิได้ไปศาลตามนัด แต่ศาลได้สืบพยานไปโดยมิได้มีการสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณานั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงตรวจสอบที่ดินมรดกก่อนโอน การปฏิบัติตามข้อตกลงและผลกระทบต่อการฟ้องร้อง
คู่ความตกลงกันว่า จำเลยยินดีโอนห้องแถวพร้อมกับที่ดิน 2 ห้องที่เหลือตามพินัยกรรมดังโจทก์ฟ้องให้โจทก์ ในเมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปสำรวจแล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินแยกออกมาว่าห้องทั้งสองอยู่ที่ใด ถ้าหากเจ้าพนักงานที่ดินตรวจแล้วว่าที่ดินและห้องแถวตามพินัยกรรมไม่มีอยู่เลย โจทก์ก็ยินดีถอนฟ้องแต่ถ้าปรากฏว่ามีเหลืออยู่เป็นจำนวนมากกว่า 2 ห้อง โจทก์ยอมรับเพียง 2 ห้อง จำเลยยินดีโอนให้โจทก์ การตรวจสอบนี้ให้ถือเอาพินัยกรรมตามฟ้องและตราจองเลขที่ 5 เป็นหลัก ดังนี้เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ตรวจสอบแล้วได้ความว่าห้องแถวดังกล่าวอยู่ในตราจองเลขที่ 2172 โดยเจ้าพนักงานที่ดินได้ตรวจสอบรูปแผนที่ในพินัยกรรมแล้ว แสดงว่าที่ดินพร้อมด้วยห้องแถวที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามพินัยกรรม คือ ที่ดินตราจองเลขที่ดังกล่าว จำเลยต้องโอนให้โจทก์ตามข้อตกลง และเมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินตรวจพบแล้วก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องตรวจสอบที่ดินมรดกรายนี้ทั้งหมดต่อไปอีก
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 และไม่เป็นการที่ศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งด้วย
ปัญหาเรื่องข้อตกลงขัดต่อ มาตรา 138 หรือไม่ และศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
วันนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2 มิได้ไปศาลตามนัด แต่ศาลได้สืบพยานไปโดยมิได้มี การสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณานั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนไม่ได้
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 และไม่เป็นการที่ศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งด้วย
ปัญหาเรื่องข้อตกลงขัดต่อ มาตรา 138 หรือไม่ และศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
วันนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2 มิได้ไปศาลตามนัด แต่ศาลได้สืบพยานไปโดยมิได้มี การสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณานั้น เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนไม่ได้