พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมสัญญาเช่าที่ดินโดยผู้ไม่มีอำนาจ ผลผูกพันต่อวัดและผลของการจดทะเบียน
ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่า พระภิกษุมงคลผู้รักษาแทนเจ้าอาวาสวัดน้อยนอกโจทก์ ได้เอาที่ดินวัดและที่ธรณีสงฆ์วัดน้อยนอกไปให้จำเลยเช่าแล้วมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย ที่ศาลในระหว่างพิจารณาคดีแพ่งแดงที่ 95/2510 แต่พระภิกษุมงคลไม่มีอำนาจทำสัญญายอมได้ เพราะทางการถอดถอนจากผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวันน้อยนอกเสียแล้ว และทั้ง ๆ ที่พระภิกษุมงคลได้ทราบถึงการที่ตนถูกถอดถอนไม่ให้มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังได้บังอาจไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทให้กับจำเลย ณ หอทะเบียนที่ดินอีกด้วย จำเลยก็รู้ดีถึงการที่พระภิกษุมงคลไม่มีอำนาจ โจทก์จึงถือว่านิติกรรมดังกล่าวไม่ผูกผันโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยก็ยังโต้เถียงอยู่ว่า พระภิกษุมงคลได้กระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายมีผลผูกพันวัดโจทก์อยู่ จึงชอบที่ศาลจะให้โจทก์จำเลยนำพยานหลักฐานมาสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาไปตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมสัญญาเช่าที่ดินโดยผู้ไม่มีอำนาจ ผลผูกพันต่อวัด และการเพิกถอนนิติกรรม
ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่า พระภิกษุมงคลผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดน้อยนอกโจทก์ ได้เอาที่ดินวัดและที่ธรณีสงฆ์วัดน้อยนอกไปให้จำเลยเช่าแล้วมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ศาลในระหว่างพิจารณาคดีแพ่งแดงที่ 95/2510 แต่พระภิกษุมงคลไม่มีอำนาจทำสัญญายอมได้เพราะทางการถอดถอนจากผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดน้อยนอกเสียแล้วและทั้ง ๆ ที่พระภิกษุมงคลได้ทราบถึงการที่ตนถูกถอดถอนไม่ให้มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังได้บังอาจไปจดทะเบียนการเช่าที่พิพาทให้กับจำเลย ณ หอทะเบียนที่ดินอีกด้วย จำเลยก็รู้ดีถึงการที่พระภิกษุมงคลไม่มีอำนาจ โจทก์จึงถือว่านิติกรรมดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยก็ยังโต้เถียงอยู่ว่า พระภิกษุมงคลได้กระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายมีผลผูกพันวัดโจทก์อยู่ จึงชอบที่ศาลจะให้โจทก์จำเลยนำพยานหลักฐานมาสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาไปตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องเขตที่ดินและสิทธิในผลผลิต แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลผลิตที่เก็บไป ยังไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดไปตามสัญญาประนีประนอมและคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยจำเลยจะโต้เถียงว่าต้องแบ่งแนวเขตเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากคำพิพากษาตามยอมหาได้ไม่
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเสียหายผลมะม่วงหลังมีคำพิพากษาเรื่องเขตแดน ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดไปตามสัญญาประนีประนอมและคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยจำเลยจะโต้เถียงว่าต้องแบ่งแนวเขตเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากคำพิพากษาตามยอมหาได้ไม่
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องตรงตามความประสงค์คู่ความ หากไม่ตรง ศาลไม่ถือเป็นข้อพิสูจน์
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอคนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอคนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องเป็นไปตามที่คู่ความตกลง หากไม่ตรงตามข้อตกลง ศาลยังไม่สามารถพิพากษาคดีได้
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อตกลงสัญญาประนีประนอมยอมความและการไม่ติดใจในประเด็นที่เคยกล่าวอ้าง
จำเลยยื่นคำร้องว่าห้องที่โจทก์จะจัดให้จำเลยเช่าตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีความกว้างเพียง 2.20 เมตรผิดไปจากข้อตกลง โจทก์จึงยื่นคำคัดค้านและว่าห้องที่จำเลยอ้างมิใช่ห้องที่จะจัดให้จำเลยเช่า โจทก์จะจัดให้จำเลยได้ตึกแถว 2 ชั้นที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ 1 ห้องมีความกว้าง 3.50 เมตรตามข้อตกลงคู่ความแถลงว่า กรณีอาจตกลงกันได้ แล้วคู่ความได้ยื่นคำแถลงร่วมกันว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าตึกแถว 2 ชั้น 1 ห้องกว้างไม่น้อยกว่า3.50 เมตรลึกประมาณ 9 เมตร ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ตรวจตึกแถวที่โจทก์จะให้จำเลยเช่า ปรากฏว่าด้านหลังมีความกว้างเพียง 3 เมตร และไม่ถูกต้องตามแบบแปลน ห้องชั้นล่างไม่มีช่องระบายอากาศ ไม่มีประตู ไม่มีท่อระบายน้ำ ดังนี้ เห็นว่าจำเลยตั้งประเด็นตามคำร้องฉบับนี้ขึ้น 5 ประการ คือ ความกว้างของตึกด้านหลัง การก่อสร้างผิดแบบแปลน ห้องชั้นล่างไม่มีช่องระบายอากาศ ไม่มีประตู ไม่มีท่อระบายน้ำ โจทก์แถลงรับว่ายังไม่ได้ทำช่องระบายอากาศ เพราะติดอาคารโรงแรม ถ้าจำเลยมีความประสงค์ก็จะทำให้ ส่วนประตูกับท่อระบายน้ำมีแล้ว จำเลยแถลงขอเวลาไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งจะแถลงในนัดต่อไป ต่อมาคู่ความแถลงตกลงกันให้สถาปนิกแก้ไขให้มีช่องลมหรือหน้าต่างเฉพาะห้องชั้นที่สองดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยติดใจในประเด็นที่ว่า จะให้สถาปนิกแก้ไข ให้มีช่องลมหรือหน้าต่างเฉพาะห้องชั้นที่สองเท่านั้น ส่วนประเด็นที่จำเลยอ้างว่าด้านหลังห้องมีความกว้างเพียง 3 เมตรก็ดีการก่อสร้างไม่ถูกแบบแปลนก็ดี จำเลยไม่ติดใจต่อไปแล้วจำเลยจะกลับยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกหาได้ไม่
ข้อที่ว่า จนบัดนี้เป็นเวลาเกิน 1 ปีตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยยังไม่ได้รับมอบห้องแถวดังที่ตกลงไว้นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำร้องที่อ้างว่า โจทก์ปฏิบัติผิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ข้อที่ว่า จนบัดนี้เป็นเวลาเกิน 1 ปีตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยยังไม่ได้รับมอบห้องแถวดังที่ตกลงไว้นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำร้องที่อ้างว่า โจทก์ปฏิบัติผิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสัญญาประนีประนอมยอมความ การแก้ไขข้อบกพร่องของห้องเช่า และประเด็นนอกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องว่าห้องที่โจทก์จะจัดให้จำเลยเช่าตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีความกว้างเพียง 2.20 เมตรผิดไปจากข้อตกลง โจทก์จึงยื่นคำคัดค้านและว่าห้องที่จำเลยอ้างมิใช่ห้องที่จะจัดให้จำเลยเช่า โจทก์จะจัดให้จำเลยได้ตึกแถว2 ชั้นที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ 1 ห้องมีความกว้าง 3.50 เมตรตามข้อตกลงคู่ความแถลงว่า กรณีอาจตกลงกันได้ แล้วคู่ความได้ยื่นคำแถลงร่วมกันว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าตึกแถว 2 ชั้น 1 ห้องกว้างไม่น้อยกว่า3.50 เมตรลึกประมาณ 9 เมตร ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ตรวจตึกแถวที่โจทก์จะให้จำเลยเช่า ปรากฏว่าด้านหลังมีความกว้างเพียง 3 เมตร และไม่ถูกต้องตามแบบแปลน ห้องชั้นล่างไม่มีช่องระบายอากาศ ไม่มีประตู ไม่มีท่อระบายน้ำ ดังนี้ เห็นว่าจำเลยตั้งประเด็นตามคำร้องฉบับนี้ขึ้น 5 ประการ คือ ความกว้างของตึกด้านหลัง การก่อสร้างผิดแบบแปลน ห้องชั้นล่างไม่มีช่องระบายอากาศ ไม่มีประตู ไม่มีท่อระบายน้ำ โจทก์แถลงรับว่ายังไม่ได้ทำช่องระบายอากาศ เพราะติดอาคารโรงแรม ถ้าจำเลยมีความประสงค์ก็จะทำให้ ส่วนประตูกับท่อระบายน้ำมีแล้ว จำเลยแถลงขอเวลาไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งจะแถลงในนัดต่อไป ต่อมาคู่ความแถลงตกลงกันให้สถาปนิกแก้ไขให้มีช่องลมหรือหน้าต่างเฉพาะห้องชั้นที่สองดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยติดใจในประเด็นที่ว่า จะให้สถาปนิกแก้ไขให้มีช่องลมหรือหน้าต่างเฉพาะห้องชั้นที่สองเท่านั้น ส่วนประเด็นที่จำเลยอ้างว่าด้านหลังห้องมีความกว้างเพียง 3 เมตรก็ดีการก่อสร้างไม่ถูกแบบแปลนก็ดี จำเลยไม่ติดใจต่อไปแล้วจำเลยจะกลับยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกหาได้ไม่
ข้อที่ว่า จนบัดนี้เป็นเวลาเกิน 1 ปีตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยยังไม่ได้รับมอบห้องแถวดังที่ตกลงไว้นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำร้องที่อ้างว่า โจทก์ปฏิบัติผิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ข้อที่ว่า จนบัดนี้เป็นเวลาเกิน 1 ปีตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยยังไม่ได้รับมอบห้องแถวดังที่ตกลงไว้นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำร้องที่อ้างว่า โจทก์ปฏิบัติผิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลมีอำนาจเฉพาะแก้ไขข้อผิดพลาดในคำพิพากษาเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 ให้อำนาจศาลเพิ่มเติม แก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงในคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลกระทำเช่นนั้นในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว
คำขอของคู่ความในชั้นฎีกาในเรื่องที่มิได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยบังคับให้ไม่ได้
คำขอของคู่ความในชั้นฎีกาในเรื่องที่มิได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยบังคับให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลมีอำนาจเฉพาะแก้ไขข้อผิดพลาดในคำพิพากษาเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ให้อำนาจศาลเพิ่มเติมแก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงในคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลกระทำเช่นนั้นในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว
คำขอของคู่ความในชั้นฎีกาในเรื่องที่มิได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยบังคับให้ไม่ได้
คำขอของคู่ความในชั้นฎีกาในเรื่องที่มิได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยบังคับให้ไม่ได้