คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 138

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังการรับรองบุตรชอบด้วยกฎหมาย: สิทธิในการกำหนดที่อยู่ของบุตรเป็นของผู้ใช้อำนาจปกครอง
(1) เมื่อคู่ความรับกันว่า ศาลได้พิพากษาในอีกคดีหนึ่งถึงที่สุดแล้วว่าบุตรเป็นของบิดา แล้วต่างไม่สืบพยาน เป็นแต่ขอให้ศาลวินิจฉัยต่อไปตามท้องสำนวนคดีนี้ที่มีมาในประเด็นว่า โจทก์มีอำนาจตามกฎหมายเรียกบุตรคืนจากจำเลย (หมายถึงบิดา) หรือไม่ หาใช่เป็นการท้ากันแต่เพียงว่า ถ้ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์จำเลย ซึ่งทำให้ฟ้องคดีต่อศาลได้แล้ว ก็ให้โจทก์ชนะคดีไม่ยาก แต่ขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามท้องสำนวนว่าจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยส่งเด็กชายสุรินทร์หรือไม่ ทำให้จำเลยมีนิติสัมพันธ์ต้องส่งเด็กชายสุรินทร์แก่โจทก์หรือไม่ (2) เมื่อคดีที่รับกันนั้นฟังได้ว่าบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองซึ่งมาตรา1537 บัญญัติว่าอำนาจนี้อยู่แก่บิดา และให้ผู้ใช้อำนาจนี้มีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตร แต่โจทก์หามีสิทธิเช่นว่านี้ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกเด็กชายสุรินทร์จากจำเลย จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ไม่มีหน้าที่ต้องส่งเด็กชายสุรินทร์แก่โจทก์โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดีตามข้อตกลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าพยานผู้เชี่ยวชาญลายมือชื่อ: ศาลรับฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญเป็นเหตุแพ้ชนะได้
1. เมื่อคู่ความท้ากันให้ส่งสัญญากู้เงินที่พิพาทไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายเซ็นในช่องผู้กู้เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารซึ่งโจทก์จำเลยรับกัน ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าได้ให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ 2. และเมื่อคู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นคนๆเดียวกัน จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆเดียวกัน โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้ระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและศาลได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือไม่
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลระงับสิทธิในสัญญาก่อนหน้า สิทธิและหน้าที่จึงอยู่ภายใต้สัญญาใหม่ การบังคับคดีจึงทำไม่ได้หากไม่มีฟ้องใหม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างจำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาและทิ้งงาน จำเลยต้องจ้างคนอื่นแทน ให้โจทก์ใช้เงินที่ต้องจ้างเกินไป ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยสละสิทธิ ที่อ้างมาในฟ้องและในฟ้องแย้งทั้งสิ้นให้โจทก์จำเลยมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมาซึ่งทำกันใหม่พร้อมสัญญาประนีประนอมยอมความ
ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมมิได้ให้คู่ความฝ่ายใดแพ้คดีหรือชนะคดี ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีเกิดขึ้นสัญญาจ้างเหมารายใหม่จึงมิใช่อยู่ในข่ายบังคับคดีที่ศาลพิพากษา คู่ความฝ่ายใดจะอ้างว่าตนเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพราะเหตุผิดสัญญารายใหม่ให้มีการบังคับคดีในคดีนี้ โดยไม่มีการฟ้องร้องเสนอคดีต่อศาลเป็นคดีใหม่หาได้ไม่
และในกรณีดังกล่าวข้างต้นนี้ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้ศาลสั่งหรือพิพากษาล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายหนึ่งหมดสิทธิเรียกร้องดังที่ระบุไว้ในสัญญารายใหม่เมื่อมีกรณีผิดสัญญาเกิดขึ้นนั้น โดยฝ่ายนั้นยังไม่ทันใช้สิทธิเรียกร้องเลย ก็หาอาจทำได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลระงับสิทธิเดิม สัญญาใหม่ต้องบังคับตามเงื่อนไขของสัญญาใหม่เท่านั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง จำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาและทิ้งงาน จำเลยต้องจ้างคนอื่นแทน ให้โจทก์ใช้เงินที่ต้องจ้างเกินไป ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยสละสิทธิที่อ้างมาในฟ้องและในฟ้องแย้งทั้งสิ้น ให้โจทก์จำเลยมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมาซึ่งทำกันใหม่พร้อมสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมมิได้ให้คู่ความฝ่ายใดแพ้คดีหรือชนะคดี ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีเกิดขึ้น สัญญาจ้างเหมารายใหม่จึงมิใช่อยู่ใน+บังคับคดีที่ศาลพิพากษา คู่ความฝ่ายใดจะอ้างว่าตนเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพราะเหตุผิดสัญญารายใหม่ให้มีการบังคับคดีให้คดีนี้โดยไม่มีการฟ้องร้องเสนอคดีต่อศาลเป็นคดีใหม่หาได้ไม่
และในกรณีดังกล่าวข้างต้นนี้ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้ศาลสั่งหรือพิพากษาล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายหนึ่งหมดสิทธิเรียกร้องดังที่ระบุไว้ในสัญญารายใหม่เมื่อมีกรณีผิดสัญญาเกิดขึ้นนั้นโดยฝ่ายนั้นยังไม่ทันใช้สิทธิเรียกร้องเลย ก็อาจทำได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งเงินในบัญชี สัญญาตกเป็นโมฆะเมื่อเงินไม่มี และไม่ผูกพันทรัพย์สินอื่น
สัญญายอมความที่จำเลยตกลงแบ่งเงินของเจ้ามรดกในธนาคารให้โจทก์โดยเฉพาะนั้น เมื่อเงินไม่มีอยู่ในธนาคารโดยไม่ใช่ความผิดของจำเลยแล้ว สัญญาแบ่งเงินนั้นก็ไม่มีผลผูกพันทรัพย์อื่นของจำเลย ฉะนั้น โจทก์จะขอให้ยึดทรัพย์จำเลยมาใช้เงินตามสัญญานั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับตามยอม ความเป็นประเด็นใหม่นอกสัญญา และการสิ้นสิทธิเรียกร้อง
โจทก์จำเลยทำยอมในศาลโดยจำเลยให้สิทธิโจทก์ที่จะตรวจตราดูการที่จำเลยดำเนินงานประจำปีฉลองรูปปั้นเขียนและจำเลยจะทำบัญชีรับจ่ายสำหรับงานดังกล่าว พร้อมหลักฐานกับเงินสุทธิมายื่นต่อศาลเพื่อให้โจทก์ตรวจดูได้ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอม และจำเลยก็ได้ปฏิบัติตามข้อความในสัญญายอมแล้วนั้น ต่อมาโจทก์จะอ้างว่าได้ตรวจตราแล้วจำเลยบริหารงานไม่ชอบ และบัญชีก็ผิดพลาด ขอให้ศาลไต่สวนนั้น ศาลย่อมไม่ไต่สวนให้ เพราะเป็นประเด็นใหม่ มิได้ระบุหรือขยายความไว้ในสัญญายอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับตามยอม: การตรวจสอบบัญชีและการกล่าวอ้างเรื่องการบริหารงานที่ไม่ชอบธรรมเป็นประเด็นใหม่นอกเหนือจากสัญญายอม
โจทก์จำเลยทำยอมในศาลโดยจำเลยให้สิทธิโจทก์ที่จะตรวจตราดูการที่จำเลยดำเนินงานประจำปีฉลองรูปปั้นเซียนและจำเลยจะทำบัญชีรับจ่ายสำหรับงานดังกล่าว พร้อมหลักฐานกับเงินสุทธิมายื่นต่อศาลเพื่อให้โจทก์ตรวจดูได้ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอม และจำเลยก็ได้ปฏิบัติตามข้อความในสัญญายอมแล้วนั้น ต่อมาโจทก์จะอ้างว่าได้ตรวจตราแล้วจำเลยบริหารงานไม่ชอบ และบัญชีก็ผิดพลาด ขอให้ศาลไต่สวนนั้น ศาลย่อมไม่ไต่สวนให้ เพราะเป็นประเด็นใหม่ มิได้ระบุหรือขยายความไว้ในสัญญายอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ขอให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แล้วต่อมาจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอมโดยหาได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะเลิกบริษัทดังฟ้องไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194, 1236 (4) โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 อยู่ด้วย ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีปลดเปลื้องความเสียหายโดยขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ในอันที่จะให้บริษัทจำเลยที่ 1 คงมีอยู่ต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องปลดเปลื้องความเสียหาย
จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ขอให้เลิกบริษัทจำเลยที่1 จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แล้วต่อมาจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอมโดยหาได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะเลิกบริษัทดังฟ้องไม่ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194,1236(4) โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 อยู่ด้วย ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีปลดเปลื้องความเสียหาย โดยขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1ในอันที่จะให้บริษัทจำเลยที่ 1 คงมีอยู่ต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินสมรสหลังยอมความในคดีร้องขัดทรัพย์ ศาลยืนตามสิทธิการจัดการสินสมรส
ในกรณีที่ภริยาจำเลยร้องขัดทรัพย์แล้วทำยอมความในศาลกับโจทก์ให้ขายทรัพย์ที่ยึดเอาเงินครึ่งหนึ่งให้ผู้ร้องรับไป อีกครึ่งหนึ่งชำระหนี้โจทก์ เหลือก็คืนจำเลยนั้น หากปรากฏว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ยินยอมให้ขายชำระหนี้โจทก์ได้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาเรื่องจำเลยและผุ้ร้องจะมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดอย่งไร คงมีปัญหาอยู่ที่ว่า ฝ่ายใดจะมีสิทธิรับทรัพย์ส่วนของผู้ร้องตามยอมคืนไปเท่าใด และฝ่ายใดจะเป็นผู้ดำเนินคดีแก่ฝ่ายใดเท่านั้น จำเลยจะร้องอ้างว่าไม่ได้อนุญาตให้ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์และทำยอมจึงขอบอกล้างเสียนั้นย่อมไม่ได้ เพราะไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับกรณีร้องขัดทรัพย์นี้ ชอบที่จำเลยและผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
of 103