คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 138

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,028 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องการครอบครองที่ดินร่วมกันและมรดก ศาลยกฟ้องการขับไล่ แต่เปิดโอกาสให้ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน
คู่ควางตกลงท้ากันว่า มีประเด็นข้อเดียวคือ ข้อที่ว่าที่พิพาทนี้ฝ่ายใดอาศัยอยู่จากอีกฝ่ายกันแน่ ถ้าศาลชี้ขาดว่าโจทก์อาศัยจำเลย โจทก์ก็แพ้ถ้าจำเลยอาศัยโจทก์ จำเลยก็แพ้ ประเด็นนอกนั้นต่างไม่สืบแต่ทางพิจารณาจะฟังว่าฝ่ายใดอาศัยฝ่ายหนึ่งดังที่ต่างอ้างและต่างท้ากันหาได้ไม่ คงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และจำเลยด้วยกัน และต่างก็ครอบครองที่รายนี้มาด้วยกัน ดังนี้ โจทก์จะบังคับขับไล่จำเลยโดยถือว่าเป็นของโจทก์ทั้งหมดหาได้ไม่ ทั้งคดีของโจทก์ก็มิได้ตั้งประเด็นในเรื่องขอแบ่งแต่อย่างใด จึงยังไม่สมควรแบ่งให้ ต้องยกฟ้องแต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความในอันจะฟ้องร้องขอแบ่งกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทมรดกและการครอบครองร่วมกัน ศาลไม่สามารถบังคับขับไล่ได้หากไม่มีการแบ่งมรดก
คู่ความตกลงท้ากันว่า มีประเด็นข้อเดียวคือ ข้อที่ว่าที่พิพาทนี้ฝ่ายใดอาศัยอยู่จากอีกฝ่ายกันแน่ถ้าศาลชี้ขาดว่าโจทก์อาศัยจำเลย โจทก์ก็แพ้ ถ้าจำเลยอาศัยโจทก์ จำเลยก็แพ้ ประเด็นนอกนั้นต่างไม่สืบแต่ทางพิจารณาจะฟังว่าฝ่ายใดอาศัยฝ่ายหนึ่งดังที่ต่างอ้างและต่างท้ากันหาได้ไม่ คงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และจำเลยด้วยกัน และต่างก็ครอบครองที่รายนี้มาด้วยกัน ดังนี้ โจทก์จะบังคับขับไล่จำเลยโดยถือว่าเป็นของโจทก์ทั้งหมดหาได้ไม่ ทั้งคดีของโจทก์ก็มิได้ตั้งประเด็นในเรื่องขอแบ่งแต่อย่างใดจึงยังไม่สมควรแบ่งให้ ต้องยกฟ้องแต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความในอันจะฟ้องร้องขอแบ่งกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหลังประนีประนอม และสัญญาประนีประนอมสมรสที่ไม่ผิดกฎหมาย
โจทก์เคยถูกจำเลยฟ้องเรียกค่าเสียหายโจทก์ได้ให้การต่อสู้และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยบ้างในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามยอมนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้วแต่หาได้จัดการให้เป็นไปตามสัญญายอมความกันไม่ ดังนี้โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยใหม่ ตามที่ได้เคยฟ้องแย้งไว้นั้นไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จะไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอนั้นหาเป็นการผิดกฎหมาย และเป็นโมฆะไม่เพราะคู่กรณีอาจไปจดทะเบียนสมรสได้ตามที่ยอมความกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำตามสัญญาประนีประนอม: การฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำหลังจากทำสัญญายอมความแล้วถือเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยถูกจำเลยฟ้องเรียกค่าเสียหาย โจทก์ก็ได้ให้การต่อสู้และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยบ้างในที่สุดได้ทำสัญญาประณีประนอมยอมความกัน และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามยอมนั้นจนคดีถึงที่สุดแล้วแต่หาได้จัดการให้เป็นไปตามสัญญายอมความกันไม่ ดังนี้ โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยใหม่ ตามที่ได้เคยฟ้องแย้งไว้นั้นไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
ทำสัญญาประณีประนอมยอมความว่า จะไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอนั้นหาเป็นการผิดกฎหมาย และเป็นโมฆะไม่เพราะคู่กรณีอาจไปจดทะเบียนสมรสได้ตามที่ยอมความกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหลังศาลสั่งไม่บังคับตามยอม โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่ใช่ฟ้องใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยขอไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน แล้วตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมให้โจทก์ไถ่ถอนได้ภายในกำหนด 2 เดือน ศาลพิพากษาตามยอม ครั้นครบกำหนดแล้ว โจทก์ไม่นำเงินไปขอไถ่ถอน เพิ่งจะเอาเงินไปขอไถ่ถอนภายหลัง จำเลยจึงไม่ยอมให้ไถ่ถอน โจทก์ไปร้องต่อศาลศาลสั่งไม่บังคับให้ แต่โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาล กลับนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ถอนที่ดินแปลงนี้อีก ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหลังศาลสั่งไม่บังคับตามสัญญาประณีประนอม การฟ้องร้องต้องดำเนินตามคำสั่งศาลเดิม
โจทก์ฟ้องจำเลยขอไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน แล้วตกลงทำสัญญาประณีประนอมยอมความยอมให้โจทก์ไถ่ถอนได้ภายในกำหนด 2 เดือน ศาลพิพากษาตามยอมครั้นครบกำหนดแล้วโจทก์ไม่นำเงินไปขอไถ่ถอน เพิ่งจะเอาเงินไปขอไถ่ถอนภายหลังจำเลยจึงไม่ยอมให้ไถ่ถอนโจทก์ไปร้องต่อศาล ๆ สั่งไม่บังคับให้ แต่โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาล กลับนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ถอนที่ดินแปลงนี้อีก ดังนี้ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้มีการตกลงเช่ากับเจ้าของทรัพย์สินใหม่
การที่จำเลยถูกผู้เช่าเดิมเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ให้ออกจากห้องพิพาทจนได้ทำสัญญายอมความกันต่อศาลว่าจะออกจากห้องไปภายในกำหนดแล้วกลับปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่ากับโจทก์ และตกลงจะให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไปซึ่งโจทก์ได้คัดค้านอยู่ ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิจะคงอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เพียงแต่เป็นเหตุพอที่ศาลยังไม่ควรจะจับกุมกักขังจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้มีการตกลงเช่าใหม่กับเจ้าของทรัพย์สิน
การที่จำเลยถูกผู้เช่าเดิมเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ให้ออกจากห้องพิพาทจนได้ทำสัญญายอมความกันต่อศาลว่าจะออกจากห้องไปภายในกำหนดแล้วกลับปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่ากับโจทก์ และตกลงจะให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไป ซึ่งโจทก์ได้คัดค้านอยู่ ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิจะคงอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เพียงแต่เป็นเหตุพอที่ศาลยังไม่ควรจะจับกุมกักขังจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมออกจากที่เช่าเป็นสาระสำคัญของสัญญายอมความ หากไม่ยินยอม สัญญาเป็นโมฆะ
การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าเคหะทำยอมกันว่า ผู้เช่ายอมออกไปภายในกำหนดวันแน่นอน ฝ่ายผู้ให้เช่ายอมจะชำระเงินให้หนึ่งหมื่นบาท และยอมให้ผู้เช่ารื้อสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าทำไว้ไป แต่แล้วผู้เช่ากลับไม่ยอมออกไป จนศาลต้องมีหมายจับมาขัง จึงยอมออกไปและเป็นเวลาล่วงเลยมาถึง 1 ปี 4 เดือน นับจากวันยอม ดังนี้ ถือว่าผู้เช่าและบริวารมิได้ออกจากที่เช่าไปโดยความยินยอม หรือสมัครใจ ผู้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติตามยอมมิได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามสัญญายอมความต้องเป็นไปโดยความยินยอมของผู้เช่า หากไม่ยินยอม สัญญาดังกล่าวไม่มีผลผูกพัน
การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าเคหะทำยอมกันว่า ผู้เช่ายอมออกไปภายในกำหนดวันแน่นอน ฝ่ายผู้ให้เช่ายอมจะชำระเงินให้หนึ่งหมื่นบาทและยอมให้ผู้เช่ารื้อสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าทำไว้ไป แต่แล้วผู้เช่ากลับไม่ยอมออกไป จนต้องศาลมีหมายจับมาขัง จึงยอมออกไปและเป็นเวลาล่วงเลยมา ถึง 1 ปี 4 เดือน นับจากวันยอม ดังนี้ ถือว่าผู้เช่าและบริวารมิได้ออกจากที่เช่าไปโดยความยินยอม หรือสมัครใจ ผู้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติศาลยอมมิได้
of 103