พบผลลัพธ์ทั้งหมด 176 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อละเมิดจากสายโทรเลขขาด และข้อยกเว้นความรับผิดของเจ้าของทรัพย์
กรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 2 ไม่ตรวจตราดูแลในการขึงสายโทรเลขซึ่งอยู่เหนือสายไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงสายโทรเลขจึงขาดลงมาพาดสายไฟฟ้าตรงที่ไม่มียางหุ้มเพราะสายไฟฟ้านี้ใช้มานานจนยางที่หุ้มผุเปื่อยขาดโดยไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง จนเป็นเหตุให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหลออกได้ ปลายสายโทรเลขที่ขาดนั้นทอดไปตกยังพื้นดินที่ถนน กระแสไฟฟ้าจึงแล่นตามสายโทรเลขนั้นดูดกระบือของโจทก์ที่เดินมาถูกสายโทรเลขถึงแก่ความตายแม้ตามปกติสายโทรเลขจะมีกระแสไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายแก่บุคคลและสัตว์ แต่เห็นได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์เสียหายอันเป็นการละเมิด ไม่ใช่เป็นเหตุสุดวิสัย แม้จะมีข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 2 กับการไฟฟ้าฯ จำเลยที่ 1 ว่าในการขึงสายไฟฟ้าที่ผ่านสายโทรเลขให้ขึงอยู่สูงต่ำกว่ากันแค่ไหนจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 2หลุดพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แต่เมื่อได้ความว่าตรงจุดที่สายโทรเลขพาดกับสายไฟฟ้าซึ่งกระแสไฟฟ้ารั่วไหลได้นั้นเป็นสายไฟฟ้าที่อยู่ภายในช่วงที่ต่อจากหม้อวัดไฟเข้าไปยังบ้านของน. ผู้ขอใช้ไฟ จึงถือไม่ได้ว่าสายไฟฟ้าซึ่งเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพนั้นอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรค 2 จำเลยที่ 1 จึงหาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อความเสียหายจากเครื่องจักรอันตราย: เหตุสุดวิสัยและการพิสูจน์
เมื่อจำเลยรับว่าในคืนเกิดเหตุจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักร แล้วไฟฟ้าเดินลัดวงจรเป็นเหตุให้ไฟไหม้โรงงานของจำเลย แล้วลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบอีกว่าเหตุที่ไฟไหม้โรงงานของจำเลยเนื่องมาจากจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักรในคืนนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า โรงงานของจำเลยใช้เครื่องจักรที่เดินด้วยกำลังไฟฟ้า และไฟไหม้เนื่องจากไฟฟ้าเดินลัดวงจรขณะที่ใช้เครื่องจักรพ่นสีโต๊ะจักรอยู่ ดังนี้ ไฟฟ้าซึ่งใช้เดินเครื่องจักรเป็นทรัพย์อันเกิดอันตรายได้โดยสภาพ ซึ่งจำเลยผู้มีไว้ในความครอบครองจะต้องรับผิดชอบเพื่อความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 เมื่อจำเลยไม่ได้นำสืบว่าการที่ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายแต่อย่างไร จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากเครื่องจักรอันตราย: เหตุสุดวิสัยและการพิสูจน์ความผิด
เมื่อจำเลยรับว่าในคืนเกิดเหตุจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักรแล้วไฟฟ้าเดินลัดวงจรเป็นเหตุให้ไฟไหม้โรงงานของจำเลยแล้วลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบอีกว่าเหตุที่ไฟไหม้โรงงานของจำเลยเนื่องมาจากจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักรในคืนนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า โรงงานของจำเลยใช้เครื่องจักรที่เดินด้วยกำลังไฟฟ้า และไฟไหม้เนื่องจากไฟฟ้าเดินลัดวงจรขณะที่ใช้เครื่องจักรพ่นสีโต๊ะจักรอยู่ ดังนี้ ไฟฟ้าซึ่งใช้เดินเครื่องจักรเป็นทรัพย์อันเกิดอันตรายได้โดยสภาพซึ่งจำเลยผู้มีไว้ในความครอบครองจะต้องรับผิดชอบเพื่อความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 เมื่อจำเลยไม่ได้นำสืบว่าการที่ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายแต่อย่างไร จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากทรัพย์อันตราย การพิสูจน์เหตุสุดวิสัย และขอบเขตความเสียหาย
ลูกจ้างของจำเลยนำเรือของจำเลยไปบรรทุกน้ำมันเบนซินจากคลังน้ำมันตามที่จำเลยใช้ เมื่อถ่ายน้ำมันเสร็จแล้วลูกจ้างของจำเลยได้แก้เชือกผูกเรือและติดเครื่องยนต์เพื่อจะนำเรือออกจากท่า จึงได้เกิดไฟไหม้ เมื่อน้ำมันเบนซินอยู่ในความครอบครองของลูกจ้างจำเลยและน้ำมันเบนซินเป็นทรัพย์อันเกิดอันตรายได้โดยสภาพ กรณีจึงปรับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่น้ำมันเบนซินเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนี้เกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์เองแต่พยานที่จำเลยนำสืบได้ความแต่เพียงว่า เมื่อลูกจ้างของจำเลยแก้เชือกผูกเรือและติดเครื่องยนต์เรือได้ 5-10 นาที ก็เกิดการระเบิดและไฟได้ไหม้ เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในความเสียหายจากทรัพย์อันตราย: น้ำมันเบนซิน และการพิสูจน์เหตุสุดวิสัย
ลูกจ้างของจำเลยนำเรือของจำเลยไปบรรทุกน้ำมันเบนซินจากคลังน้ำมันตามที่จำเลยใช้ เมื่อถ่ายน้ำมันเสร็จแล้วลูกจ้างของจำเลยได้แก้เชือกผูกเรือและติดเครื่องยนต์เพื่อจะนำเรือออกจากท่า จึงได้เกิดไฟไหม้ เมื่อน้ำมันเบนซินอยู่ในความครอบครองของลูกจ้างจำเลยและน้ำมันเบนซินเป็นทรัพย์อันเกิดอันตรายได้โดยสภาพ กรณีจึงปรับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่น้ำมันเบนซินเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนี้เกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์เองแต่พยานที่จำเลยนำสืบได้ความแต่เพียงว่า เมื่อลูกจ้างของจำเลยแก้เชือกผูกเรือและติดเครื่องยนต์เรือได้ 5 - 10 นาที ก็เกิดการระเบิดและไฟได้ไหม้ เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631-1634/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง แม้ลูกจ้างฝ่าฝืนระเบียบ
เช้าวันเกิดเหตุ จำเลยขับรถไปติดอ่างล้างมือที่สำนักงานของนายจ้าง ตามคำสั่งของหัวหน้างาน เมื่อติดเสร็จแล้ว
จำเลยขออนุญาตหัวหน้างานไปช่วยญาติแต่งงานหัวหน้างานให้จำเลยเอารถไปเก็บเสียก่อน จำเลยไม่ปฏิบัติตามกลับเอารถไปช่วยงานแต่งงาน ขากลับได้เกิดชนกับรถอื่นขึ้นโดยประมาท เช่นนี้ ยังถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างอยู่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 722/2508)
จำเลยขออนุญาตหัวหน้างานไปช่วยญาติแต่งงานหัวหน้างานให้จำเลยเอารถไปเก็บเสียก่อน จำเลยไม่ปฏิบัติตามกลับเอารถไปช่วยงานแต่งงาน ขากลับได้เกิดชนกับรถอื่นขึ้นโดยประมาท เช่นนี้ ยังถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างอยู่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 722/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของการไฟฟ้าต่ออันตรายจากสายไฟฟ้าในที่ดินส่วนบุคคล
สายไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ ช. เป็นสายไฟฟ้าภายในช่วงที่ต่อจากหม้อวัดไฟเข้าไปยังบ้านของ จ. ผู้ขอใช้ไฟ และอยู่ในเขตที่ดินของ จ. และทางเดินที่ ช. เดินไปก็มิใช่ทางสาธารณะเพราะเป็นทางเดินตามคันสวนในที่ดินส่วนบุคคลที่เจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามกีดกันมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดใช้เดินผ่านไปมาในที่ของตนดังนั้น จึงถือไม่ได้ว่าสายไฟฟ้าซึ่งเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพนั้นอยู่ในความครอบครองของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสองจำเลย (การไฟฟ้านครหลวง) จึงไม่ต้องรับผิดสำหรับการตายของ ช.เนื่องจากถูกกระแสไฟฟ้าดูด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของการไฟฟ้าฯ ต่ออันตรายจากสายไฟฟ้าในที่ดินส่วนบุคคล
สายไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ ช. เป็นสายไฟฟ้าภายในช่วงที่ต่อจากหม้อวัดไฟเข้าไปยังบ้านของ จ. ผู้ขอใช้ไฟ และอยู่ในเขตที่ดินของ จ. และทางเดินที่ ช. เดินไปก็มิใช่ทางสาธารณะเพราะเป็นทางเดินตามคันสวนในที่ดินส่วนบุคคลที่เจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามกีดกันมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดใช้เดินผ่านไปมาในที่ของตนดังนั้น จึงถือไม่ได้ว่าสายไฟฟ้าซึ่งเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพนั้นอยู่ในความครอบครองของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง จำเลย (การไฟฟ้านครหลวง) จึงไม่ต้องรับผิดสำหรับการตายของ ช. เนื่องจากถูกกระแสไฟฟ้าดูด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054-1055/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อในการบังคับเรือ การไม่ชะลอความเร็วและแก้ไขสถานการณ์เมื่อใกล้สะพาน ถือเป็นละเมิด
จำเลยนำเรือรบแล่นตามแม่น้ำจะผ่านสะพานพระพุทธยอดฟัง เห็นแต่ไกลว่าสะพานยังไม่เปิด จำเลยควรจะชลอความเร็วแล้วเดินหน้าถอยหลังจนกว่าสะพานเปิด แต่ก็ไม่ทำ กลับให้หยุดเดินเครื่องปล่อยให้เรือลอยไปตามกระแสน้ำใกล้สะพานจึงทิ้งสมอจอดเรือเรือก็กลับลำเอาท้ายเรือไปปะทะเรือ สะพานและรั้วของราษฎรซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเสียหาย ถ้าน้ำไหลและลมพัดอย่างปกติตามฤดูกาลเท่านั้นแล้ว จำเลยจะอ้างไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยวและลมก็พัดแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054-1055/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของผู้บังคับการเรือ การควบคุมเรือในแม่น้ำ การละเลยการแต่งลำเรือเพื่อความปลอดภัย
จำเลยนำเรือรบแล่นตามแม่น้ำจะผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าเห็นแต่ไกลว่าสะพานยังไม่เปิด จำเลยควรจะชะลอความเร็วแล้วเดินหน้าถอยหลังจนกว่าสะพานเปิด แต่ก็ไม่ทำ กลับให้หยุดเดินเครื่องปล่อยให้เรือลอยไปตามกระแสน้ำใกล้สะพานจึงให้ทิ้งสมอจอดเรือเรือก็กลับลำเอาท้ายเรือไปปะทะเรือสะพานและรั้วของราษฎรซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเสียหาย ถ้าน้ำไหลและลมพัดอย่างปกติตามฤดูกาลเท่านั้นแล้วจำเลยจะอ้างไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยวและลมก็พัดแรง