พบผลลัพธ์ทั้งหมด 176 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบเมื่อจำเลยรับข้อเท็จจริง: ความรับผิดทางละเมิดและหลักการ ป.พ.พ. มาตรา 437
แม้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.84 จะบังคับให้ฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใด ๆ เป็นฝ่ายนำสืบก็ดี แต่เมื่อจำเลยรับแล้วว่า รถยนต์ที่จำเลยควบคุมมาชนรถจักรยานสามล้อโจทก์เช่นนี้ หน้าที่นำสืบปลดเปลื้องความรับผิดย่อมตกแก่จำเลย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 437.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับการชน ความรับผิดในการพิสูจน์เปลี่ยนเป็นของจำเลยตามกฎหมาย
แม้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 จะบังคับให้ฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใดๆ เป็นฝ่ายนำสืบก็ดีแต่เมื่อจำเลยรับแล้วว่า รถยนต์ที่จำเลยควบคุมมาชนรถจักรยานสามล้อโจทก์เช่นนี้หน้าที่นำสืบปลดเปลื้องความรับผิดย่อมตกแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากการใช้รถของราชการโดยมิได้รับอนุญาต และการขาดเจตนาจ้าง
การที่พลตำรวจเอารถของกรมตำรวจขับไปโดยพลการมิได้ขออนุญาตจากผู้ครอบครองรักษารถไปชนรถโจทก์เสียหาย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ขับรถไปชนรถโจทก์นั้นได้กระทำไปในทางที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 กรมตำรวจก็ไม่ต้องรับผิด และตามพฤติการณ์เช่นว่านี้ พลตำรวจเป็นผู้ครอบครองรถในขณะเกิดเหตุกรมตำรวจมิได้ครอบครองอันจะต้องรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 (เข้าที่ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ครอบครองเรือเมื่อเกิดความเสียหายจากการกระทำของผู้อื่น
นายท้ายเรือยสต์ของจำเลยได้ขับเรือไปขนเรือยนต์ของโจทก์ที่จอดอยู่เสียหาย จำเลยผู้ครอบครองเรือนั้นยอมต้องรับผิด เพื่อการเสียหายนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ครอบครองเรือเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากผู้ขับขี่
นายท้ายเรือยนต์ของจำเลยได้ขับเรือไปชนเรือยนต์ของโจทก์ที่จอดอยู่เสียหาย จำเลยผู้ครอบครองเรือนั้นย่อมต้องรับผิด เพื่อการเสียหายนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามสัญญายอมความต้องเป็นไปโดยความยินยอมของผู้เช่า หากไม่ยินยอม สัญญาดังกล่าวไม่มีผลผูกพัน
การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าเคหะทำยอมกันว่า ผู้เช่ายอมออกไปภายในกำหนดวันแน่นอน ฝ่ายผู้ให้เช่ายอมจะชำระเงินให้หนึ่งหมื่นบาทและยอมให้ผู้เช่ารื้อสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าทำไว้ไป แต่แล้วผู้เช่ากลับไม่ยอมออกไป จนต้องศาลมีหมายจับมาขัง จึงยอมออกไปและเป็นเวลาล่วงเลยมา ถึง 1 ปี 4 เดือน นับจากวันยอม ดังนี้ ถือว่าผู้เช่าและบริวารมิได้ออกจากที่เช่าไปโดยความยินยอม หรือสมัครใจ ผู้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติศาลยอมมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของสัมปทานไฟฟ้าต่อความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อ
กระแสไฟฟ้าถือว่าเป็นของที่เกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หากเกิดความเสียหายขึ้นแก่ผู้ใดเพราะกระแสไฟฟ้านั้น โดยเจ้าของผู้จำหน่ายไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายเองแล้ว เจ้าของผู้จำหน่ายกระแสไฟฟ้านั้นต้องรับผิดโดยมิต้องคำนึงถึงว่าเจ้าของผู้จำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบในคดีเรือชน และการทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลฎีกาชี้ขาดประเด็นการนำสืบและการดำเนินการทางกฎหมาย
ในเรื่องเรือใบกับเรือกลไฟชนกัน เมื่อเจ้าของเรือใบมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย เป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือกลไฟจะต้องนำสืบก่อนในข้อที่จะไม่ต้องรับผิด ส่วนจำนวนค่าเสียหายเป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือใบจะต้องนำสืบก่อน
ในเรื่องเรือชนกัน เมื่อศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบก่อนหลังผิดไป และคู่ความได้นำสืบไปตามนั้นแล้ว แม้ฎีกาของคู่ความที่คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ศาลฎีกาก็ไม่ย้อนสำนวนให้สืบพยานกันใหม่
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ไปนำเจ้าพนักงานส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วันไป 4 วันนับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้นยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
ในเรื่องเรือชนกัน เมื่อศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบก่อนหลังผิดไป และคู่ความได้นำสืบไปตามนั้นแล้ว แม้ฎีกาของคู่ความที่คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ศาลฎีกาก็ไม่ย้อนสำนวนให้สืบพยานกันใหม่
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ไปนำเจ้าพนักงานส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วันไป 4 วันนับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้นยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชนยานพาหนะด้วยเครื่องจักรกล: หลักธรรมดาในการนำสืบ
ยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลโดนกันเสียหายไม่ตกอยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 437 ในกรณีเช่นนี้การนำสืบต้องตกอยู่ในหลักธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชนกันของยานพาหนะกล: หลักทั่วไปใช้บังคับเมื่อคู่กรณีต่างใช้เครื่องจักรกล
ยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักร์กลโดนกันเสียหายไม่ตกอยู่ในบังคับแห่ง ม. 437 ในกรณีเช่นนี้การนำสืบต้องตกอยู่ในหลักธรรมดา