คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 437

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 176 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อความเสียหายจากยานพาหนะ และการประเมินความประมาทของผู้ขับและผู้เสียหาย
ขณะเกิดเหตุ ป. ลูกจ้างของจำเลยทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางของจำเลยชนผู้ตายซึ่งกำลังเดินข้ามถนน อันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลย และได้ครอบครอง ควบคุมดูแลยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกล จึงเป็นกรณีอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 ดังนั้น จึงต้องฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้นร่วมกับ ป. เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
แม้การที่ผู้ตายไม่ข้ามถนนในทางข้ามซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุอันถือได้ว่าผู้ตายมีส่วนประมาทด้วยก็ตาม แต่ ป.มีส่วนประมาทมากกว่าเพราะเหตุที่ชนผู้ตายเนื่องจาก ป. ขับรถไม่ชะลอความเร็วในขณะใกล้ถึงทางแยกเป็นสำคัญ การที่ผู้ตายมีส่วนประมาทก่อให้เกิดความเสียหาย ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์มากน้อยเพียงใดก็ได้ โดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างจากการกระทำของลูกจ้างในการขับรถโดยประมาท และการประเมินค่าสินไหมทดแทน
ขณะเกิดเหตุ ป. ลูกจ้างของจำเลยทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางของจำเลยชนผู้ตายซึ่งกำลังเดินข้ามถนนอันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลย และได้ครอบครอง ควบคุมดูแลยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกล จึงเป็นกรณีอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 ดังนั้น จึงต้องฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้นร่วมกับ ป. เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง แม้การที่ผู้ตายไม่ข้ามถนนในทางข้ามซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุอันถือได้ว่าผู้ตายมีส่วนประมาทด้วยก็ตาม แต่ ป.มีส่วนประมาทมากกว่าเพราะเหตุที่ชนผู้ตายเนื่องจาก ป. ขับรถไม่ชะลอความเร็วในขณะใกล้ถึงทางแยกเป็นสำคัญ การที่ผู้ตายมีส่วนประมาทก่อให้เกิดความเสียหาย ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์มากน้อยเพียงใดก็ได้ โดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในละเมิดจากยานพาหนะ จำเลยที่ 2 ต้องครอบครอง/ควบคุมยานพาหนะขณะเกิดเหตุจึงจะร่วมรับผิด
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของตน เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุในขณะเกิดเหตุ คดีคงได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวชนเสาหินกันโค้งและรางระบาย น้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย โดยรถยนต์เป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้เช่าซื้อมา ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อยานพาหนะและการรับผิดในละเมิด: ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะขณะเกิดเหตุ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันที่เกิดเหตุชนหลักเสาหินกันโค้ง และรางระบายน้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย รถยนต์บรรทุกดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 เช่าซื้อมาจากบริษัท ค. ซึ่งตามป.พ.พ. มาตรา 572 จำเลยที่ 2 คงมีสิทธิที่จะครอบครองใช้ประโยชน์รถยนต์คันดังกล่าวระหว่างเช่าซื้อเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์ในขณะเกิดเหตุตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 437 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของการไฟฟ้าทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะของบุตร
สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินจะต้องต่อลงดินทุก ๆ ระยะ 200 เมตรและปลายสายจะต้องต่อลงดินด้วย เพื่อให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์จริง ๆกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านเข้าไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุสายไฟฟ้าที่พาด เสา ไฟฟ้าทั้ง 22 ต้น เป็นระยะทางถึง 840 เมตรมีสายดินต่อลงดินเพียงแห่งเดียวคือที่เสาไฟฟ้าต้นที่ 22 จึงไม่ทำให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์ กระแสไฟฟ้าย่อมไหลผ่านเข้าไปได้ การที่สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินพาด ระหว่างเสาไฟฟ้าต้นที่ 17 กับต้นที่ 18ปักอยู่ในสวนของผู้ตายได้ขาดตกลงมาในท้องร่อง ซึ่งมีน้ำขัง ผู้ตายไปเปิดน้ำเข้าสวนถูกกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตาย จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ทำการพาด สายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ขณะผู้ตายยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตร การที่จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะ จึงขอเรียกค่าขาดไร้อุปการะของบุตรโจทก์เช่นนี้ มีความหมายพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนนั่นเอง แต่เพราะเหตุที่บุตรโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ยังฟ้องคดีเองไม่ได้ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องทั้งในนามตนเองและในนามบุตรทั้งสามโดยปริยาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากการติดตั้งสายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะ
สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินจะต้องต่อลงดินทุก ๆ ระยะ 200 เมตรและปลายสายจะต้องต่อลงดินด้วย เพื่อให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์จริง ๆกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านเข้าไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุสายไฟฟ้าที่พาด เสา ไฟฟ้าทั้ง 22 ต้น เป็นระยะทางถึง 840 เมตรมีสายดินต่อลงดินเพียงแห่งเดียวคือที่เสาไฟฟ้าต้นที่ 22 จึงไม่ทำให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์ กระแสไฟฟ้าย่อมไหลผ่านเข้าไปได้ การที่สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินพาด ระหว่างเสาไฟฟ้าต้นที่ 17 กับต้นที่ 18ปักอยู่ในสวนของผู้ตายได้ขาดตกลงมาในท้องร่อง ซึ่งมีน้ำขัง ผู้ตายไปเปิดน้ำเข้าสวนถูกกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตาย จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ทำการพาด สายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ขณะผู้ตายยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตร การที่จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะ จึงขอเรียกค่าขาดไร้อุปการะของบุตรโจทก์เช่นนี้ มีความหมายพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนนั่นเอง แต่เพราะเหตุที่บุตรโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ยังฟ้องคดีเองไม่ได้ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องทั้งในนามตนเองและในนามบุตรทั้งสามโดยปริยาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการติดตั้งสายไฟฟ้าทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะของบุตร
สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินจะต้องต่อลงดินทุกระยะ 200 เมตรและปลายสายจะต้องต่อลงดินด้วย เพื่อให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านเข้าไม่ได้ ขณะเกิดเหตุสายไฟฟ้าที่พาดเสาไฟฟ้าทั้ง 22 ต้น เป็นระยะทางถึง 840 เมตร มีสายดินต่อลงดินเพียงแห่งเดียวคือที่เสาไฟฟ้าต้นที่ 22 จึงไม่ทำให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์ กระแสไฟฟ้าย่อมไหลผ่านเข้าไปได้ การที่สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินพาดระหว่างเสาไฟฟ้าต้นที่ 17 กับต้นที่ 18 ที่ปักอยู่ในสวนของผู้ตายได้ขาดตกลงมาในท้องร่องซึ่งมีน้ำขัง ผู้ตายไปเปิดน้ำเข้าสวนถูกกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ทำการพาดสายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีบุตรด้วยกัน 3 คน ขณะผู้ตายยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตรการที่จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะ จึงขอเรียกค่าขาดไร้อุปการะของบุตรโจทก์ เช่นนี้ มีความหมายพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนแต่บุตรโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ยังฟ้องคดีเองไม่ได้ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องทั้งในนามตนเองและในนามบุตรทั้งสามโดยปริยาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เทศบาลประมาทเลินเล่อปล่อยปละละเลยดูแลรักษาสระน้ำพุ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ความตาย ผู้ตายมีส่วนผิด
จำเลยเป็นเทศบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาสระน้ำพุและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำน้ำพุให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัย การที่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่จัดหาอุปกรณ์มาปิดบังหรือเก็บซ่อนสายไฟฟ้าที่ต่อจากมอเตอร์ มายังเครื่องปั๊มน้ำมันซึ่งมีสภาพเก่าไว้ให้มิดชิด แต่กลับปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง ทั้งจำเลยทราบแล้วว่าในวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ มีผู้มาเล่นน้ำบริเวณน้ำพุกันมากรวมทั้งเอาน้ำในสระดังกล่าวสาด รด กัน ทำให้บริเวณรอบ ๆ น้ำพุเปียกน้ำ เป็นเหตุให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องทำน้ำพุลงไปในสระน้ำ ทำให้บุตรโจทก์ซึ่งลงไปเล่นน้ำในสระดังกล่าวถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายเช่นนี้ ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย
สระน้ำพุดังกล่าวจำเลยสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม และเป็นที่พักผ่อนหย่อน ใจของประชาชน การที่ผู้ตายลงไปเล่นน้ำในสระน้ำพุดังกล่าว ซึ่งมิใช่สถานที่จัดให้ลงไปเล่นน้ำได้ เหตุที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นเพราะความผิดของผู้ตายประกอบอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เทศบาลประมาทเลินเล่อดูแลสระน้ำพุไฟฟ้าชำรุด ผู้ตายถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทน
จำเลยเป็นเทศบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาสระน้ำพุและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำน้ำพุให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัย การที่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่จัดหาอุปกรณ์มาปิดบังหรือเก็บซ่อนสายไฟฟ้าที่ต่อจากมอเตอร์ มายังเครื่องปั๊มน้ำมันซึ่งมีสภาพเก่าไว้ให้มิดชิด แต่กลับปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง ทั้งจำเลยทราบแล้วว่าในวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ มีผู้มาเล่นน้ำบริเวณน้ำพุกันมากรวมทั้งเอาน้ำในสระดังกล่าวสาดรด กัน ทำให้บริเวณรอบ ๆ น้ำพุเปียกน้ำ เป็นเหตุให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องทำน้ำพุลงไปในสระน้ำ ทำให้บุตรโจทก์ซึ่งลงไปเล่นน้ำในสระดังกล่าวถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายเช่นนี้ ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย สระน้ำพุดังกล่าวจำเลยสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม และเป็นที่พักผ่อนหย่อน ใจของประชาชน การที่ผู้ตายลงไปเล่นน้ำในสระน้ำพุดังกล่าว ซึ่งมิใช่สถานที่จัดให้ลงไปเล่นน้ำได้ เหตุที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นเพราะความผิดของผู้ตายประกอบอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379-2380/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย และความรับผิดของนายจ้าง/ผู้รับประกันภัยในคดีละเมิด
จำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาที่แน่นอน การส่งหมายแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาจึงต้องแจ้งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดที่หน้าศาลจึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 4 ไม่ทราบวันนัด ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ให้ถือว่าจำเลยที่ 4 ได้ทราบคำพิพากษานั้นเสียได้ โดยให้ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาและให้ถือว่าได้ฟังคำพิพากษาในวันนัดพร้อมเพื่อพิจารณา คำร้องขอให้แจ้งวันนัดและพิพากษาใหม่ของจำเลยที่ 4 ได้.
ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลเช่นเดียวกับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ความเสียหายมิได้เกิดจากยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลของจำเลยที่ 3 แต่ฝ่ายเดียว จึงนำบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 437 อันว่าด้วยหน้าที่นำสืบมาใช้บังคับไม่ได้.
of 18