พบผลลัพธ์ทั้งหมด 213 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเงินค่าสินค้า: ตัวแทนรับเงินแทนโจทก์ เงินตกเป็นของโจทก์ทันที โจทก์มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยรับเงินค่าสินค้าไว้ในฐานะตัวแทนของโจทก์ร่วมผู้ขายเงินนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว ผู้ซื้อสินค้าเมื่อได้ชำระหนี้ค่าสินค้าแล้วหาใช่เป็นเจ้าของเงินนั้นต่อไปไม่ เมื่อจำเลยครอบครองเงินของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่ส่งมอบโดยนำเข้าฝากในบัญชีธนาคารของโจทก์ร่วมตามหน้าที่ อันเป็นความผิดฐานยักยอกโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ พนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องและโจทก์ร่วมย่อมขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาเป็นสิทธิเฉพาะตัว โจทก์ร่วมแก้ไขฎีกาของโจทก์ไม่ได้
สิทธิในการยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216 เป็นสิทธิเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละฝ่าย โจทก์ร่วมจะทำเป็นคำร้องขอถือเอาฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาของโจทก์ร่วมและขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาเป็นสิทธิเฉพาะตัว โจทก์ร่วมแก้ไขฎีกาโจทก์ไม่ได้
สิทธิในการยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216 เป็นสิทธิเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละฝ่าย โจทก์ร่วมจะทำเป็นคำร้องขอถือเอาฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาของโจทก์ร่วมและขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสร่วมลงทุน การขายหุ้นโดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเป็นการฝ่าฝืน
มาตรา 24 และ 26 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 เป็นบทบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ ที่ประสงค์จะเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้มิใช่เป็นเรื่องให้สิทธิธนาคารพาณิชย์ ที่จะเลือกปฏิบัติ การที่ธนาคารจำเลยขายหุ้นที่เพิ่มทุนโดยมิได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนทราบและมีโอกาสเข้าซื้อหุ้น จึงมีความผิดตามมาตรา 26
โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาโดยตรงจากการที่จำเลยไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนซื้อหุ้นที่ออกในการเพิ่มทุน โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้
โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาโดยตรงจากการที่จำเลยไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนซื้อหุ้นที่ออกในการเพิ่มทุน โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ต้องออกหนังสือชี้ชวนเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสซื้อหุ้น มิฉะนั้นมีความผิดตามกฎหมาย
มาตรา 24 และ 26 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 เป็นบทบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ ที่ประสงค์จะเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้มิใช่เป็นเรื่องให้สิทธิธนาคารพาณิชย์ ที่จะเลือกปฏิบัติ การที่ธนาคารจำเลยขายหุ้นที่เพิ่มทุนโดยมิได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนทราบและมีโอกาสเข้าซื้อหุ้น จึงมีความผิดตามมาตรา 26 โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาโดยตรงจากการที่จำเลยไม่ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนซื้อหุ้นที่ออกในการเพิ่มทุน โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734-1735/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วม: การพิสูจน์ความเสียหายและการจัดการแทนผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และบรรยายต่อมาว่าจนบัดนี้ผู้เสียหายอาจถึง แก่ความตายไปแล้ว กับที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายเป็นตาย ร้ายดีอย่างไร โดย ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูก ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ยืนยันว่าผู้เสียหายถึง แก่ความตายไปแล้วจริง จึงมิใช่กรณีที่ผู้เสียหายถูก ทำร้ายถึง ตาย หรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)แม้ผู้ร้องจะเป็นมารดาของผู้เสียหาย ก็ไม่อาจเข้ามาจัดการแทนผู้เสียหายโดย การขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาของผู้เสียหายที่ยื่นเป็นโจทก์ร่วม กรณีมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เฉพาะแต่โจทก์เท่านั้นที่อุทธรณ์ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ด้วย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ร่วมไม่มีข้อที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ฎีกาจำกัดเฉพาะผู้ที่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมไม่อุทธรณ์จึงหมดสิทธิ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เฉพาะแต่โจทก์เท่านั้นที่อุทธรณ์ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ด้วย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ร่วมไม่มีข้อที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ร่วม: ผลของการไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,267,91 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามมาตรา 137 ให้ยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 267 โจทก์อุทธรณ์ ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ สิทธิอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมในข้อหาตามมาตรา 267 จึงยุติ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อหาตามมาตรา 267 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายต่อไปอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ฎีกาจำกัดในข้อหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,267,91 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 137 ให้ยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 267 โจทก์อุทธรณ์ ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์สิทธิอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมในข้อหาตามมาตรา 267 จึงยุติ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อหาตามมาตรา 267 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายต่อไปอีกได้.