พบผลลัพธ์ทั้งหมด 191 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473-1474/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกของทายาทโดยไม่ต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือตามมาตรา 1381 และอำนาจศาลในการบังคับแบ่งทรัพย์มรดก
จ.บุตรอาศัยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของบิดามารดาครั้นบิดาตาย ที่ดินแปลงนั้นในส่วนที่เป็นสินสมรส ของบิดาก็เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทซึ่งมี จ.รวมอยู่ด้วย การที่จ. อยู่ในที่ดินมรดกนับแต่นั้นมา ได้ชื่อว่าเป็นการอยู่การครอบครองของทายาท ในทรัพย์มรดกซึ่งยังมิได้แบ่งกันตามมาตรา 1748 แล้ว โดยไม่ต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา 1381
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ทายาทของเจ้ามรดกมีโจทก์จำเลยกับคนอื่น รวม 11 คนเป็นทายาท คำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์มรดกให้โจทก์ตามส่วน หากขัดข้องก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้น ให้จำเลยใช้เงินแก่โจกท์ ทั้ง 4 คน ๆ ละ 17,433.33 บาท ดังนี้ ศาลมีอำนาจพิพากษาให้เอาที่ดินและบ้านอันเป็นมรดกมาแบ่งให้แก่โจทก์ตามส่วน และว่าถ้าแบ่งไม่ตกลงก็ให้ประมูลกันเอง หรือขายทอดตลาดทรัพย์ที่จะต้องแบ่ง
(โดยมิได้พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ก็ได้)
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ทายาทของเจ้ามรดกมีโจทก์จำเลยกับคนอื่น รวม 11 คนเป็นทายาท คำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์มรดกให้โจทก์ตามส่วน หากขัดข้องก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้น ให้จำเลยใช้เงินแก่โจกท์ ทั้ง 4 คน ๆ ละ 17,433.33 บาท ดังนี้ ศาลมีอำนาจพิพากษาให้เอาที่ดินและบ้านอันเป็นมรดกมาแบ่งให้แก่โจทก์ตามส่วน และว่าถ้าแบ่งไม่ตกลงก็ให้ประมูลกันเอง หรือขายทอดตลาดทรัพย์ที่จะต้องแบ่ง
(โดยมิได้พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ก็ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานอกประเด็น: การเปลี่ยนแปลงฐานแห่งคดีหลังศาลวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องคดีตั้งประเด็นว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกทรัพย์พิพาทจากบิดามารดา โจทก์มอบให้บิดาปกครองแทน บิดาโอนให้จำเลย จึงถือว่าบิดาและจำเลยปกครองแทนโจทก์ เมื่อบิดาตาย จำเลยไม่ส่งทรัพย์พิพาทคืน จึงฟ้องเรียกจากจำเลย ดังนี้ เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของบิดา บิดายกให้จำเลยแล้ว โจทก์จะฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกมรดกของบิดาจากจำเลยด้วย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เป็นฎีกานอกประเด็น โดยโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาแต่ต้นว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของบิดาโจทก์ และโจทก์เป็นผู้รับมรดกของบิดาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในมรดก การครอบครองแทนกัน และอายุความมรดก
โจทก์อยู่กับมารดาที่เรือนมารดาในที่พิพาท ก่อนมารดาตาย มารดาตายที่พิพาทตกเป็นมรดกของมารดา โจทก์ก็ยังคงอยู่ที่เรือนมารดาอีกหลายเดือนนับแต่มารดาตาย แล้วเรือนมารดาก็ถูกรื้อถวายวัด โจทก์จึงมาอยู่ที่เรือนจำเลยในที่พิพาทอีกหลายเดือน รวมเวลาที่โจทก์อยู่ในที่พิพาทหลังจากมารดาตายได้ราวปีเศษ โจทก์จึงไปอยู่ที่จังหวัดอื่น นับว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมากับจำเลยด้วยกันในตอนแรก โจทก์กับจำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมา การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทต่อมาถือได้ว่าครอบครองที่พิพาทไว้แทนในฐานะเจ้าของร่วม แม้โจทก์มาฟ้องขอให้แบ่งมรดกที่พิพาทภายหลังมารดาตายแล้ว 18 ปี คดีก็ไม่ขาดอายุความ
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องจำเลยคนเดียว ขอให้แบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองคนคนละ 1 ใน 3 ส่วน แต่ปรากฏว่าคดีสำหรับโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความมรดกแล้ว โจทก์ที่ 2 คงมีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลยเพียง 2 คน ดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 2 ส่วนไม่ได้ เพราะเกินคำขอ คงพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 3 ส่วน ตามคำขอ
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องจำเลยคนเดียว ขอให้แบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองคนคนละ 1 ใน 3 ส่วน แต่ปรากฏว่าคดีสำหรับโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความมรดกแล้ว โจทก์ที่ 2 คงมีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลยเพียง 2 คน ดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 2 ส่วนไม่ได้ เพราะเกินคำขอ คงพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 3 ส่วน ตามคำขอ
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมและครอบครองปรปักษ์: การครอบครองทรัพย์มรดกโดยเจ้าของร่วมและการคำนวณอายุความ
โจทก์อยู่กับมารดาที่เรือนมารดาในที่พิพาทก่อนมารดาตายมารดาตายที่พิพาทตกเป็นมรดกของมารดา โจทก์ก็ยังคงอยู่ที่เรือนมารดาอีกหลายเดือนนับแต่มารดาตาย แล้วเรือนมารดาก็ถูกรื้อถวายวัด โจทก์จึงมาอยู่ที่เรือนจำเลยในที่พิพาทอีกหลายเดือน รวมเวลาที่โจทก์อยู่ในที่พิพาทหลังจากมารดาตายได้ราวปีเศษ โจทก์จึงไปอยู่ที่จังหวัดอื่น นับว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมากับจำเลยด้วยกันในตอนแรก โจทก์กับจำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมา การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทต่อมาถือได้ว่าครอบครองที่พิพาทไว้แทนในฐานะเป็นเจ้าของร่วม แม้โจทก์มาฟ้องขอให้แบ่งมรดกที่พิพาทภายหลังมารดาตายแล้ว 18 ปี คดีก็ไม่ขาดอายุความ
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องจำเลยคนเดียว ขอให้แบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 1 ใน 3 ส่วน แต่ปรากฏว่าคดีสำหรับโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความมรดกแล้ว โจทก์ที่ 2 คงมีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลยเพียง 2 คนดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 2 ส่วน ไม่ได้เพราะเกินคำขอ คงพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 3 ส่วนตามคำขอ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505)
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องจำเลยคนเดียว ขอให้แบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 1 ใน 3 ส่วน แต่ปรากฏว่าคดีสำหรับโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความมรดกแล้ว โจทก์ที่ 2 คงมีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลยเพียง 2 คนดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 2 ส่วน ไม่ได้เพราะเกินคำขอ คงพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 3 ส่วนตามคำขอ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์นั้น
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฎว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์สิน
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย และผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของร่วมและการซื้อขายที่ดิน: การซื้อขายเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมไม่ผูกพันทรัพย์ทั้งหมด
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งมีชื่อเป็นผู้เสียอากรค่านาหรือเงินค่าบำรุงท้องที่นั้น ต้องถือว่าเสียในนามของเจ้าของร่วม
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่งแม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่งแม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีมรดก: การอ้างเหตุภายนอกที่มิได้ยกขึ้นในฟ้องเป็นเหตุให้คดีขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องคดีมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกโดยโจทก์มิได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้น
คดีโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์กล่าวมาในอุทธรณ์ว่าโจทก์อาศัยระยะเวลาที่พนักงานที่ดินอำเภอสั่งให้ไปฟ้อง คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างเอาข้อความนอกฟ้องนอกประเด็นมาอุทธรณ์รับพิจารณาไม่ได้
คดีโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์กล่าวมาในอุทธรณ์ว่าโจทก์อาศัยระยะเวลาที่พนักงานที่ดินอำเภอสั่งให้ไปฟ้อง คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างเอาข้อความนอกฟ้องนอกประเด็นมาอุทธรณ์รับพิจารณาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีมรดก: การอ้างเหตุจากคำสั่งหน่วยงานราชการนอกประเด็นฟ้องไม่อาจขยายอายุความได้
โจทก์ฟ้องคดีมรดกเกิน 1 ปี นับแต่ได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก โดยโจทก์มิได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้น คดีโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์กล่าวมาในอุทธรณ์ว่าโจทก์อาศัยระยะเวลาที่พนักงานที่ดินอำเภอสั่งให้ไปฟ้อง,คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างเอาข้อความนอกฟ้องนอกประเด็นมาอุทธรณ์รับพิจารณาไม่ได้.
โจทก์กล่าวมาในอุทธรณ์ว่าโจทก์อาศัยระยะเวลาที่พนักงานที่ดินอำเภอสั่งให้ไปฟ้อง,คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างเอาข้อความนอกฟ้องนอกประเด็นมาอุทธรณ์รับพิจารณาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินมรดกต่อเนื่องแม้หลังเจ้ามรดกเสียชีวิต ยืนยันสิทธิเจ้าของร่วมและสิทธิเรียกร้องแบ่งมรดก
ทายาทปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ดินมรดกตลอดมาจนเจ้ามรดกตายไปประมาณ 1 ปี จึงย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ยังคงรักษาโฉนดที่ดินมรดกนั้นไว้ ถือได้ว่าทายาทนั้นได้ครอบครองที่มรดกจนเกิดสิทธิทางรับมรดกเป็นเจ้าของร่วมปกครองร่วมกับทายาทอื่นมีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกนั้นได้ ไม่ขาดอายุความ