คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 290

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความ หากอ้างยันบุคคลภายนอกต้องเป็นมูลหนี้อันแท้จริง
การตกลงประนีประนอมยอมความต่อศาลเป็นสิทธิของคู่ความที่จะทำได้และย่อมมีผลผูกพันคู่ความที่ได้ตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น แต่จะนำมาอ้างหรือใช้ยันบุคคลภายนอกได้ก็แต่เฉพาะการประนีประนอมยอมความในมูลหนี้อันแท้จริงเท่านั้น เมื่อผู้ร้องนำสืบไม่ได้ว่า หนี้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยมีมูลหนี้อันแท้จริง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอ้างคำพิพากษาตามยอมระหว่างผู้ร้องกับจำเลยมายื่นคำขอเฉลี่ยหนี้โจทก์คดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการเฉลี่ยทรัพย์: สิทธิของเจ้าหนี้และกองมรดก
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินซึ่งมีชื่อภรรยาจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในฐานที่เป็นทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยและภรรยาในคดีอื่นและเป็นผู้รับจำนองที่ดินแปลงที่ถูกยึด ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ส่วนเงินที่เหลือผู้ร้องหาได้ใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้ของจำเลยยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ไม่ดังนั้น เมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ชอบที่ศาลจะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิ์ให้โจทก์ไปตามสิทธิที่โจทก์มีส่วนได้รับ ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือดังกล่าวทั้งหมดโดยอ้างว่าขอยึดไว้ในคดีอื่นแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้จากทรัพย์สินร่วม: สิทธิของเจ้าหนี้เฉพาะตัวและเจ้าหนี้บุริมสิทธิ
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาขายทอดตลาดในฐานที่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ส. ภริยาจำเลยซึ่งมีชื่อ ส.ถือกรรมสิทธิ์อยู่โดยกองมรดกของส. ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วมิได้ยื่นคำคัดค้านหรือขอใช้สิทธิอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่วนผู้ร้องเพียงแต่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตแล้ว สำหรับเงินส่วนที่เหลือผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยคดีนี้ มิได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ดังนั้น เมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ชอบที่จะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิให้ผู้ร้องแล้วให้แก่โจทก์ไปตามที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุว่าทรัพย์ที่ขายเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส. มิใช่ของจำเลยเงินส่วนที่เหลือต้องตกเป็นกองมรดกของ ส. ซึ่งผู้ร้องได้ขอยึดไว้ในคดีอื่นแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้จากทรัพย์สินร่วม โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อเจ้าหนี้รายอื่นมิได้ใช้สิทธิ
โจทก์นำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดในฐานที่เป็นทรัพย์สินของจำเลย โดยผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์สินดังกล่าวร่วมกับจำเลยมิได้ยื่นคำคัดค้านหรือขอใช้สิทธิอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. ส่วนผู้ร้องก็เพียงแต่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว สำหรับเงินส่วนที่เหลือผู้ร้องเจ้าหนี้ของจำเลยในคดีหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีนี้มิได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 290 ดังนั้นเมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ชอบที่จะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิแล้วให้แก่โจทก์ไปตามที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุว่าขอยึดไว้ในคดีอื่นหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6326/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้จำนองร่วม: การเฉลี่ยหนี้จากทรัพย์จำนองเมื่อมีเจ้าหนี้หลายราย
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในหนี้จำนอง มีสิทธิร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 และร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามมาตรา 290 ได้ด้วย การที่ผู้ร้องและโจทก์ในคดีนี้เป็นบุคคลคนเดียวกัน และเป็นผู้รับจำนองทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ในสัญญาจำนองฉบับเดียวกันบุริมสิทธิของผู้ร้องและโจทก์เป็นบุริมสิทธิที่จะบังคับและได้รับชำระหนี้ร่วมกันจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ได้เพียงไม่เกินวงเงินจำนอง จะขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิเต็มตามจำนวนหนี้หาได้ไม่ ส่วนหนี้ที่เหลือผู้ร้องคงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยได้อย่างเจ้าหนี้สามัญ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6093/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ไม่ถือเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา จึงไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามอายัดซ้ำ
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา254(1) มิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม ป.วิ.พ.มาตรา 290 บทบัญญัติใน ป.วิ.พ. ลักษณะ 2 แห่งภาค 4 ว่าด้วยการบังคับคดีมาตรา 259 ให้นำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวนั้น หารวมถึงบทบัญญัติมาตรา 290 นี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6093/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ไม่เป็นการอายัดซ้ำ แม้มีการอายัดทรัพย์สินภายหลัง
การยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเป็นวิธีการตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254(1) มิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 บทบัญญัติใน ป.วิ.พ.ลักษณะ 2 แห่งภาค 4 ว่าด้วยการบังคับคดีที่มาตรา 259 ให้นำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวนั้นหา รวมถึงบทบัญญัติมาตรา 290 ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6093/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ไม่ถือเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา จึงไม่อยู่ในข้อห้ามอายัดซ้ำ
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1) มิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290บทบัญญัติใน ป.วิ.พ. ลักษระ 2 แห่งภาค 4 ว่าด้วยการบังคับคดีมาตรา 259 ให้นำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวนั้น หารวมถึงบทบัญญัติมาตรา 290 นี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์บังคับคดี: เงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 และการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น
คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องบรรยายข้อสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแรก โดยย่อให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีเรื่องอื่น และขอให้ศาลอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่มีการออกหมายบังคับคดีนี้ สำหรับเงื่อนไขตามมาตรา 290 วรรคสี่ เป็นกำหนดเวลาที่ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาในทันทีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้ยื่นเข้ามาในกำหนดเวลาหรือไม่ ถ้ายื่นเกินกำหนดศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องจึงไม่ใช่ข้อที่ผู้ร้องต้องบรรยายมาในคำร้อง ตามคำร้องของผู้ร้องระบุว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่จำเลยไม่มีเงินจะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ พอแปลได้ว่า ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องอ้างในคำร้องแล้วว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 290 วรรคสองแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีบังคับคดี: การบรรยายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 และการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น
เงื่อนไขที่ระบุไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคสี่ เป็นกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องเข้ามาในทันทีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้ยื่นเข้ามาในกำหนดเวลาหรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อที่ผู้ร้องต้องบรรยายมาในคำร้อง ตามคำร้องบรรยายว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แต่จำเลยไม่มีเงินจะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ ซึ่งพอแปลได้ความว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องอ้างในคำร้องแล้วว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคสอง.
of 31