พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3241/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุริมสิทธิซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สิ้นผลหากไม่จดทะเบียนราคาและดอกเบี้ยค้างชำระ
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยจำเลยค้างชำระราคาที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึด โจทก์จึงเป็นผู้มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกลงทะเบียนเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน บุริมสิทธินั้นย่อมสิ้นผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 288 ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในที่ดินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายที่ดินนั้นได้ บทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจบุริมสิทธิตามกฎหมายเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องไม่ได้คัดค้านไว้ในชั้นอุทธรณ์ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3241/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุริมสิทธิซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สิ้นผลหากไม่จดทะเบียนราคาค้างชำระ เจ้าหนี้สามัญมีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์
โจทก์นำยึดที่ดินที่ขายให้จำเลย เพื่อนำมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์เป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยจำเลยค้างชำระราคาที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดโจทก์จึงเป็นผู้มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกลงทะเบียนเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน บุริมสิทธินั้นย่อมสิ้นผลตาม ป.พ.พ. มาตรา 288 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งย่อมขอเฉลี่ยเงินที่ขายที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3241/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้บุริมสิทธิซื้อขายที่ดินต้องจดทะเบียน หากไม่จดทะเบียนสิทธิบุริมสิทธิสิ้นผลตามกฎหมาย
โจทก์นำยึดที่ดินที่ขายให้จำเลย เพื่อนำมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์เป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยจำเลยค้างชำระราคาที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดโจทก์จึงเป็นผู้มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกลงทะเบียนเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน บุริมสิทธินั้นย่อมสิ้นผลตาม ป.พ.พ. มาตรา 288 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งย่อมขอเฉลี่ยเงินที่ขายที่ดินนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้จำนอง: คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จากเจ้าหนี้บุริมสิทธิที่ยื่นหลังการขายทอดตลาด
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นคดีนี้ กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าว ตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จำนอง: การบังคับจำนองและการเฉลี่ยทรัพย์
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นคดีนี้ กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าว ตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองและการเฉลี่ยทรัพย์: คำร้องของผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนอง เป็นคดีนี้กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิ์ในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าวตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินค่าหุ้นของสมาชิกสหกรณ์โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แม้ข้อบังคับสหกรณ์จะระบุเป็นทุน แต่สมาชิกยังมีสิทธิเรียกร้องคืนได้
ม. และ อ. ร่วมกันลงชื่อท้ายคำร้องในฐานะผู้แทนของผู้ร้องและร่วมกันลงชื่อแต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายความมีอำนาจอุทธรณ์ฎีกาและดำเนินกระบวนพิจารณาต่างๆ แทนผู้ร้องด้วยแม้ว่า ม. จะลงชื่อในฐานะผู้เรียงและพิมพ์คำร้องแต่ผู้เดียวเมื่อ ส. ยื่นฎีกาแทนผู้ร้องจึงถือว่าเป็นฎีกาของผู้ร้องหาใช่เป็นฎีกาของ ม. เป็นการส่วนตัวไม่
เงินค่าหุ้นแม้จะเป็นทุนสำรองของผู้ร้อง แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังมีสิทธิเรียกเอาคืนได้เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของผู้ร้องมิใช่กฎหมาย เป็นระเบียบภายในที่ใช้บังคับระหว่างผู้ร้องกับสมาชิก ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 2จึงชอบแล้ว.
เงินค่าหุ้นแม้จะเป็นทุนสำรองของผู้ร้อง แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังมีสิทธิเรียกเอาคืนได้เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของผู้ร้องมิใช่กฎหมาย เป็นระเบียบภายในที่ใช้บังคับระหว่างผู้ร้องกับสมาชิก ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 2จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินค่าหุ้นของสมาชิกสหกรณ์โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา: สิทธิของสมาชิก vs. สิทธิของเจ้าหนี้
ม. และ อ. ร่วมกันลงชื่อท้ายคำร้องในฐานะผู้แทนของผู้ร้องและร่วมกันลงชื่อแต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายความมีอำนาจอุทธรณ์ฎีกาและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนผู้ร้องด้วยแม้ว่า ม. จะลงชื่อในฐานะผู้เรียงและพิมพ์คำร้องแต่ผู้เดียวเมื่อ ส. ยื่นฎีกาแทนผู้ร้องจึงถือว่าเป็นฎีกาของผู้ร้องหาใช่เป็นฎีกาของ ม. เป็นการส่วนตัวไม่
เงินค่าหุ้นแม้จะเป็นทุนสำรองของผู้ร้อง แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังมีสิทธิเรียกเอาคืนได้เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของผู้ร้องมิใช่กฎหมาย เป็นระเบียบภายในที่ใช้บังคับระหว่างผู้ร้องกับสมาชิก ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว
เงินค่าหุ้นแม้จะเป็นทุนสำรองของผู้ร้อง แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังมีสิทธิเรียกเอาคืนได้เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของผู้ร้องมิใช่กฎหมาย เป็นระเบียบภายในที่ใช้บังคับระหว่างผู้ร้องกับสมาชิก ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5832/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์สินจากคำพิพากษาและการบังคับคดี: การอายัดทรัพย์สินก่อนพิพากษาและการอ้างบุริมสิทธิ
กำหนดระยะเวลาต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ที่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษารายอื่นยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งได้ยึดหรืออายัดมานั้นหมายความเฉพาะถึงการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีและโดยการร้องขอของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อการเคหะแห่งชาติได้ส่งเงินมาให้ศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษา กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 290 ที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจะต้องยื่นคำร้องภายในระยะเวลาดังกล่าว บุริมสิทธิในมูลจ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์นั้น กฎหมายให้มีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ที่ทำการงานขึ้น และอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องเป็นของลูกหนี้ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าจ้างก่อสร้างตามสัญญาจ้างทำของซึ่งโจทก์รับก่อสร้างช่วงงานจากจำเลย โดยจำเลยได้รับจ้างก่อสร้างให้การเคหะแห่งชาติอีกต่อหนึ่ง และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ทำการก่อสร้างก็เป็นของการเคหะแห่งชาติ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273และ 275 โจทก์จะอ้างบุริมสิทธิรับชำระหนี้จากเงินซึ่งการเคหะแห่งชาติส่งมาให้ศาลชั้นต้นเหนือผู้ร้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5832/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์สินจากคำพิพากษาและการอ้างบุริมสิทธิเหนือเงินที่ได้จากการอายัดชั่วคราว
กำหนดระยะเวลาต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ที่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษารายอื่นยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งได้ยึดหรืออายัดมานั้น หมายความเฉพาะถึงการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีและโดยการร้องขอของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อการเคหะแห่งชาติได้ส่งเงินมาให้ศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษา กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 290 ที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจะต้องยื่นคำร้องภายในระยะเวลาดังกล่าว
บุริมสิทธิในมูลจ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์นั้น กฎหมายให้มีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ที่ทำการงานขึ้นและอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องเป็นของลูกหนี้ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าจ้างก่อสร้างตามสัญญาจ้างทำของซึ่งโจทก์รับก่อสร้างช่วงงานจากจำเลย โดยจำเลยได้รับจ้างก่อสร้างให้การเคหะแห่งชาติอีกต่อหนึ่ง และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ทำการก่อสร้างก็เป็นของการเคหะแห่งชาติกรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์มีบุริมสิทธิเหนือ อสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273 และ 275 โจทก์จะอ้างบุริมสิทธิรับชำระหนี้จากเงินซึ่งการเคหะแห่งชาติส่งมาให้ศาลชั้นต้นเหนือผู้ร้องหาได้ไม่
บุริมสิทธิในมูลจ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์นั้น กฎหมายให้มีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ที่ทำการงานขึ้นและอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องเป็นของลูกหนี้ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าจ้างก่อสร้างตามสัญญาจ้างทำของซึ่งโจทก์รับก่อสร้างช่วงงานจากจำเลย โดยจำเลยได้รับจ้างก่อสร้างให้การเคหะแห่งชาติอีกต่อหนึ่ง และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ทำการก่อสร้างก็เป็นของการเคหะแห่งชาติกรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์มีบุริมสิทธิเหนือ อสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273 และ 275 โจทก์จะอ้างบุริมสิทธิรับชำระหนี้จากเงินซึ่งการเคหะแห่งชาติส่งมาให้ศาลชั้นต้นเหนือผู้ร้องหาได้ไม่