พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3339/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินซ้ำ: การยึดซ้ำที่ถูกห้าม และค่าธรรมเนียมการยึดที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินใดไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นแล้ว การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวซ้ำอีกและเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ทำการยึดให้ ย่อมเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ไม่มีผลเป็นการยึด เมื่อทรัพย์สินดังกล่าวได้ขายทอดตลาดไปในคดีอื่นแล้วการยึดซ้ำดังกล่าวถือไม่ได้ว่ามีกรณียึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายอันจะต้องเรียกค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2697/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองแยกจากหนี้ได้ เจ้าหนี้จำนองเลือกใช้สิทธิเรียกร้องเป็นเจ้าหนี้สามัญแล้ว สิทธิจำนองระงับ
การจำนองนั้นอาจแยกการจำนองกับหนี้ที่เอาทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันได้ เจ้าหนี้จำนองจะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างเจ้าหนี้สามัญโดยสละบุริมสิทธิหรือจะบังคับจำนองก็ได้ถ้าเลือกใช้สิทธิเรียกร้องอย่างเจ้าหนี้สามัญ และได้รับชำระหนี้ตามส่วนแล้ว สิทธิในฐานะผู้รับจำนองเหนือที่ดินที่จำนองก็ระงับสิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินในคดีล้มละลาย: เงินจากการขายทอดตลาดเพื่อชำระภาษีอากรที่นำส่งก่อน/หลังเริ่มการล้มละลาย
มาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายเป็นเรื่องการบังคับคดีตามคำสั่งหรือหมายบังคับคดีของศาลเท่านั้น จะขยายมาใช้แก่การยึดและขายทอดตลาดเพื่อให้ได้รับชำระค่าภาษีอากรค้างตามคำสั่งของข้าหลวงประจำจังหวัดหรือนายอำเภอตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 หาได้ไม่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีอำนาจเรียกให้ผู้ร้องส่งเงินที่ได้นำส่งชำระค่าภาษีไปแล้วก่อนวันที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลาย
จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2520 แต่เงินที่ได้จากการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยนั้น หัวหน้าเขตได้นำส่งชำระค่าภาษีไปแล้วส่วนหนึ่งก่อนวันที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่ในวันที่ 24 มิถุนายน2520 ่อันเป็นวันซึ่งถือว่าเป็นเวลาเริ่มต้นการล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 62 ไม่ใช่ทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตาม มาตรา 109(1)
ส่วนเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้นำส่งชำระค่าภาษีอากรนับแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2520 นั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 12ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อหักค่าธรรมเนียมกับค่าใช้จ่ายในการยึด และขายทอดตลาดแล้วในถือเป็นเงินชำระค่าภาษีอากรค้างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินในทันทีที่ขายทอดตลาดเสร็จจึงยังเป็นทรัพย์สินของจำเลยอยู่และถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1)เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเรียกให้ส่งไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้
จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2520 แต่เงินที่ได้จากการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยนั้น หัวหน้าเขตได้นำส่งชำระค่าภาษีไปแล้วส่วนหนึ่งก่อนวันที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่ในวันที่ 24 มิถุนายน2520 ่อันเป็นวันซึ่งถือว่าเป็นเวลาเริ่มต้นการล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 62 ไม่ใช่ทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตาม มาตรา 109(1)
ส่วนเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้นำส่งชำระค่าภาษีอากรนับแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2520 นั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 12ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อหักค่าธรรมเนียมกับค่าใช้จ่ายในการยึด และขายทอดตลาดแล้วในถือเป็นเงินชำระค่าภาษีอากรค้างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินในทันทีที่ขายทอดตลาดเสร็จจึงยังเป็นทรัพย์สินของจำเลยอยู่และถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1)เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเรียกให้ส่งไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321-323/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์-บังคับคดี: สิทธิโจทก์ผู้มีคำพิพากษา vs. สิทธิผู้ขออายัดชั่วคราว
คำสั่งใด ๆ ของศาลเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณา ศาลอาจเปลี่ยนแปลงได้
ผู้ร้องขออายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาในคดีเรื่องหนึ่งที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ การอายัดชั่วคราวนี้ไม่ห้ามโจทก์ในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะอายัดทรัพย์ของจำเลยนั้นเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาได้ เมื่อได้ส่งเงินตามที่อายัดมายังเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว การอายัดเสร็จสิ้น การอายัดชั่วคราวของผู้ร้องสิ้นผล ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในภายหลังไม่มีสิทธิโต้แย้งได้
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งยังไม่ถึงที่สุดไม่มีสิทธิร้องขอให้งดการบังคับคดีนี้
ผู้ร้องขออายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาในคดีเรื่องหนึ่งที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ การอายัดชั่วคราวนี้ไม่ห้ามโจทก์ในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะอายัดทรัพย์ของจำเลยนั้นเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาได้ เมื่อได้ส่งเงินตามที่อายัดมายังเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว การอายัดเสร็จสิ้น การอายัดชั่วคราวของผู้ร้องสิ้นผล ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในภายหลังไม่มีสิทธิโต้แย้งได้
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งยังไม่ถึงที่สุดไม่มีสิทธิร้องขอให้งดการบังคับคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยหนี้จากการบังคับคดี: เจ้าหนี้สามัญมิอาจเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิย้อนหลังได้
เติมโจทก์ขอให้บังคับคดีทำยึดและขายทอดตลาดที่ดินซึ่งจำเลยทั้งสองจำนองกับโจทก์เพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าเงินขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ตามาคำพิพากษาจึงขอให้ยึดที่ดินโฉนดที่ 9096 และ 9097 ซึ่งจำเลยที่ 1 จำนองไว้กับโจทก์เช่นกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้ครบถ้วน ปรากฏว่าตามสัญญาจำนองที่ดินทั้งสองโฉนดนั้นจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์รวมดอกเบี้ยด้วยเป็นเงิน 609,924.58 บาท ศาลชั้นต้นอนุญาต และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวได้เงิน 1,290,000 บาท เมื่อหักหนี้บุริมสิทธิให้โจทก์ก่อนแล้ว ยังมีเงินเหลือที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินที่เหลือนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษา ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ส่วนที่เกินบุริมสิทธิของโจทก์ คือขอเฉลี่ยเงินที่เหลือจากการชำระหนี้แก่โจทก์ โดยขอรับเฉลี่ยในฐานะเจ้าหนี้สามัญซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ร้องได้เข้าเฉลี่ยหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญ ดังนี้ ผู้ร้องจะมาอ้างขึ้นใหม่ว่าจะขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ หรือเจ้าหนี้จำนองอันดับ 2 ก่อนเจ้าหนี้สามัญในภายหลังอีกหาได้ไม่ ต้องฟังว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ในฐานะบุริมสิทธิ จะเฉลี่ยหนี้โดยหักหนี้บุริมสิทธิของโจทก์เงินที่เหลือเอาชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้อง และเมื่อมีเงินเหลือจากการชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้องแล้ว จึงนำไปเฉลี่ยเป็นหนี้สามัญระหว่างโจทก์กับผู้ร้องหาได้ไม่
ิ
ิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้บุริมสิทธิและเจ้าหนี้สามัญ การเปลี่ยนแปลงฐานะเจ้าหนี้หลังการยื่นคำร้อง
เดิมโจทก์ขอให้บังคับคดีนำยึดและขายทอดตลาดที่ดินซึ่งจำเลยทั้งสองจำนองกับโจทก์เพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าเงินขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา จึงขอให้ยึดที่ดินโฉนดที่ 9096 และ 9097 ซึ่งจำเลยที่ 1 จำนองไว้กับโจทก์เช่นกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้ครบถ้วน ปรากฏว่าตามสัญญาจำนองที่ดินทั้งสองโฉนดนั้นจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์รวมดอกเบี้ยด้วยเป็นเงิน 609,924.58 บาทศาลชั้นต้นอนุญาต และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวได้เงิน 1,290,000 บาท เมื่อหักหนี้บุริมสิทธิให้โจทก์ก่อนแล้ว ยังมีเงินเหลือที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินที่เหลือนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ส่วนที่เกินบุริมสิทธิของโจทก์คือขอเฉลี่ยเงินที่เหลือจากการชำระหนี้แก่โจทก์ โดยขอรับเฉลี่ยในฐานะเจ้าหนี้สามัญซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ร้องได้เข้าเฉลี่ยหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญ ดังนี้ ผู้ร้องจะมาอ้างขึ้นใหม่ว่าจะขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ หรือเจ้าหนี้จำนองอันดับ 2 ก่อนเจ้าหนี้สามัญในภายหลังอีกหาได้ไม่ ต้องฟังว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ในฐานะบุริมสิทธิ จะเฉลี่ยหนี้โดยหักหนี้บุริมสิทธิของโจทก์เงินที่เหลือเอาชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้อง และเมื่อมีเงินเหลือจากการชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้องแล้ว จึงนำไปเฉลี่ยเป็นหนี้สามัญระหว่างโจทก์กับผู้ร้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาการยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์: นับจากวันขายทอดตลาดครั้งสุดท้าย
ที่ว่าให้ยื่นคำขอเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 3 นั้นหมายถึงวันสิ้นสุดการขายทรัพย์ที่ยึดมาในคราวเดียวกันทั้งหมด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์หลังการขายทอดตลาด: กำหนดระยะเวลา 14 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2519 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2520 อันเป็นวันภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันขายทอดตลาดแล้ว ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสาม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์จากการบังคับคดีต้องยื่นภายใน 14 วันนับจากวันขายทอดตลาด มิฉะนั้นไม่มีสิทธิ
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2519ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2520 อันเป็นวันภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันขายทอดตลาดแล้วไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290วรรคสาม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2640/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยหนี้จากการบังคับคดียึดทรัพย์สิน: สิทธิเจ้าหนี้และค่าขึ้นศาล
การฎีกาในเรื่องคำขอเฉลี่ยหนี้ ชอบที่จะเรียกค่าขึ้นศาลจากผู้ฎีกาเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2521 มาตรา 4