พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7559/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเรียกร้องหนี้และการถอนการยึดทรัพย์ ทำให้หนี้ระงับ และไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยจากทรัพย์สินอีก
ตามคำแถลงที่ผู้ร้องยื่นต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้น ผู้ร้องแถลงว่าผู้ร้องตกลงกับจำเลยแล้วโดยจำเลยยอมชำระเงินให้ผู้ร้อง 100,000 บาท ผู้ร้องจึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไป และขอถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยโดยจำเลยได้นำค่าธรรมเนียมการถอนการยึดทรัพย์มาชำระแล้ว จึงถือได้ว่าผู้ร้องได้ตกลงรับชำระหนี้จากจำเลยเพียงจำนวน 100,000 บาท และสละสิทธิการบังคับคดีในคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว อันมีผลทำให้หนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวระงับแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธินำหนี้ในคดีดังกล่าวมาขอเฉลี่ยจากทรัพย์สินของจำเลยในคดีนี้อีก
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ความจริงผู้ร้องตกลงและขอถอนการยึดทรัพย์ในคดีอื่น ไม่ใช่คดีที่ผู้ร้องอ้างตามคำร้องขอเฉลี่ยนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ความจริงผู้ร้องตกลงและขอถอนการยึดทรัพย์ในคดีอื่น ไม่ใช่คดีที่ผู้ร้องอ้างตามคำร้องขอเฉลี่ยนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเพิกถอนการขายทอดตลาด: ผู้มีส่วนได้เสียต้องมีสิทธิที่จดทะเบียนหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์
ผู้ที่มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ได้จะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 280 แต่ตามคำร้องของผู้ร้องกล่าวอ้างสิทธิของผู้ร้องในการขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้เพียงว่า ผู้ร้องกำลังมีข้อพิพาทกับจำเลยคดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งในศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาแล้ว ดังนี้ ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว ผู้ร้องเป็นเพียงคู่ความที่ฟ้องร้องกันอยู่กับจำเลยอีกคดีหนึ่งต่างหาก ทั้งคำร้องก็ไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องกับจำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องอะไร ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าว แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้ขายทอดตลาดในคดีนี้ให้ผู้ร้องก็เป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นภายหลังผู้ร้องยื่นคำร้อง และเป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ทั้งข้ออ้างที่ผู้ร้องอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยก็เป็นการเรียกร้องสิทธิตามสัญญาจะซื้อขาย มิใช่เป็นการเรียกร้องสิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบตามมาตรา 280 (2) ผู้ร้องจึงหาใช่บุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบดังผู้ร้องฎีกาไม่ ส่วนที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นดังกล่าว ผู้ร้องก็ไม่ได้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์สินในคดีนี้ตามมาตรา 290 ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์คดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านการขายทอดตลาด: ผู้มีส่วนได้เสียต้องมีสิทธิที่จดทะเบียนหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์
ผู้มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ได้จะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 แต่ตามคำร้องของผู้ร้องกล่าวอ้างสิทธิของผู้ร้องในการขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้เพียงว่า ผู้ร้องกำลังมีข้อพิพาทกับจำเลยคดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งในศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาแล้วดังนี้ ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว ผู้ร้องเป็นเพียงคู่ความที่ฟ้องร้องกันอยู่กับจำเลยอีกคดีหนึ่งต่างหาก ทั้งคำร้องก็ไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องกับจำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องอะไร ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าว แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้ขายทอดตลาดในคดีนี้ให้ผู้ร้องก็เป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นภายหลังผู้ร้องยื่นคำร้องและเป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ทั้งข้ออ้างที่ผู้ร้องอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยก็เป็นการเรียกร้องสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายมิใช่เป็นการเรียกร้องสิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบตามมาตรา 280(2)ผู้ร้องจึงหาใช่บุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบดังผู้ร้องฎีกาไม่ ส่วนที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นดังกล่าว ผู้ร้องก็ไม่ได้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์สินในคดีนี้ตามมาตรา 290 ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์คดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์ของเจ้าหนี้: ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ ณ ขณะยื่นคำร้อง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ศาลจะอนุญาตให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ต่อเมื่อเจ้าหนี้ผู้นั้นไม่อาจเอาชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิงจากทรัพย์สินอื่น ๆของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยจะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ในขณะที่ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ เมื่อปรากฏว่าในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาในคดี จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษายังมีทรัพย์สินอย่างอื่นตามรายการทรัพย์เอกสารหมาย ร.2ถึง 40 ล้านบาท แม้ต่อมาภายหลังจากยื่นคำร้องแล้ว 1 เดือน จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่า ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระได้โดยสิ้นเชิงจากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5440/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ซ้ำโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นโมฆะ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นแล้ว การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวซ้ำอีกและเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ทำการยึดให้ ย่อมเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 ไม่มีผลเป็นการยึด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้เพราะเป็นการยึดซ้ำกับคดีอื่น จึงถือไม่ได้ว่า มีกรณียึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5 ข้อ 3 ท้าย ป.วิ.พ. จะเรียกค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจากโจทก์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4996/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในการเฉลี่ยทรัพย์ - ห้ามลูกหนี้โต้แย้งระหว่างเจ้าหนี้ด้วยกัน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290เป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ข้ออ้างที่ว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องสามารถบังคับชำระหนี้ได้เป็นข้ออ้างที่ใช้โต้แย้งระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะยกขึ้นโต้แย้งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3880/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์จากการบังคับคดีและการพิจารณาเรื่องกำหนดเวลาการยื่นคำร้อง
หลังจากผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2532 ขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยเงินที่ขายหรือจำหน่ายที่ดินของจำเลยแล้ว ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องอื่นรวมทั้งคำแถลงต่อศาลอีกหลายครั้ง และตามรายงานการเดินหมายของเจ้าหน้าที่ศาลลงวันที่28 มิถุนายน 2532 ก็ระบุว่าเจ้าหน้าที่ศาลได้นำหมายนัดไปส่งแก่จำเลยด้วย แต่ส่งไม่ได้ การที่ผู้ร้องยื่นคำแถลงเมื่อวันที่3 กรกฎาคม 2532 ว่า ยังส่งสำเนาคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ให้จำเลยไม่ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัดให้จำเลยอีกครั้งแสดงว่าผู้ร้องทราบดีว่าศาลกำหนดวันนัดพิจารณาคำร้องและผู้ร้องทราบวันนัดนั้นแล้วดังนั้น การที่ฝ่ายผู้ร้องไม่ไปศาลในวันนัดจึงเป็นการทราบคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ซึ่งเป็นการทิ้งคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) กรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยในคดีที่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำนองยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดนั้น มิใช่เป็นกรณีเฉลี่ยทรัพย์โดยตรงกับโจทก์เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองแต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่เหลือภายหลังที่ได้ชำระให้แก่โจทก์แล้ว ต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 มาบังคับใช้โดยอนุโลมเมื่อการขายทอดตลาดครั้งหลังที่โจทก์เป็นผู้ประมูลได้ ยังไม่มีการยกเลิกโดยคำสั่งใดต้องถือว่ามีการขายทอดตลาดแล้ว ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3499/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ไม่เป็นการสละสิทธิ ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องใหม่ได้
ตามคำร้องขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ครั้งก่อน ผู้ร้องแถลงว่าศาลนัดสืบพยานประเด็นผู้ร้องที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี แต่เมื่อถึงวันนัดทนายโจทก์และทนายผู้ร้องต่างก็ไปที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีปรากฏว่าศาลจังหวัดสุพรรณบุรีแจ้งว่า ศาลเจ้าของสำนวนไม่ได้ส่งประเด็นไป ไม่สามารถทำการสืบพยานประเด็นผู้ร้องได้ ผู้ร้องจึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีขอเฉลี่ยทรัพย์อีกต่อไป ขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ตามคำร้องดังกล่าวไม่มีข้อความชัดแจ้งหรืออาจแปลได้ว่าผู้ร้องสละสิทธิที่จะขอเฉลี่ยทรัพย์ในมูลกรณีเดียวกันนั้นอีกในภายหลัง การขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ครั้งก่อนย่อมไม่ทำให้อำนาจที่จะยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องหมดไป ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3499/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอเฉลี่ยทรัพย์ยังคงมีอยู่ แม้จะเคยขอถอนคำร้องไปก่อน หากไม่มีเจตนาสละสิทธิ
ตามคำร้องขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ครั้งก่อน ผู้ร้องแถลงว่าศาลนัดสืบพยานประเด็นผู้ร้องที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี แต่เมื่อถึงวันนัด ทนายโจทก์และทนายผู้ร้องต่างก็ไปที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีปรากฏว่าศาลจังหวัดสุพรรณบุรีแจ้งว่าศาลเจ้าของสำนวนไม่ได้ส่งประเด็นไปจึงไม่สามารถทำการสืบพยานประเด็นผู้ร้องได้ เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ ผู้ร้องจึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีขอเฉลี่ยทรัพย์อีกต่อไป จึงขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องเสีย ตามคำร้องดังกล่าวไม่มีข้อความชัดแจ้งหรืออาจแปลได้ว่าผู้ร้องสละสิทธิที่จะขอเฉลี่ยทรัพย์ในมูลกรณีเดียวกันนั้นอีกในภายหลัง การขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ครั้งก่อนย่อมไม่ทำให้อำนาจที่จะยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องหมดไป ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์จากการอายัดเงินก่อนคำพิพากษา: สิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นหลังการส่งมอบทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยสั่งอายัดเงินของจำเลยไปยังลูกหนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2529 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2530 ลูกหนี้ส่งเงินต่อศาลตามคำสั่งอายัดคำสั่งอายัดเงินชั่วคราวก่อนคำพิพากษายังคงมีผลต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) เมื่อโจทก์ได้ขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีถึงที่สุดแล้ว จึงมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามมาตรา 290 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2531 จึงเป็นการยื่นหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ ต้องห้ามตามมาตรา 290 วรรคห้าผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้