คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 80

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,460 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6421/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการใช้อาวุธปืนเกินกว่าเหตุในการจับกุมผู้กระทำผิดจราจร
สิบตำรวจโท ส. จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกขนาด .357ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของจำเลยยิงไปที่รถยนต์บรรทุกคันกระสุนปืนถูกที่ตัวถังรถบริเวณประตูด้านคนขับและประตูตู้ท้ายรถ ในขณะที่ผู้เสียหายนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ จุดที่กระสุนปืนถูกที่ประตูรถยนต์ที่ผู้เสียหายขับเป็นจุดที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับในระดับที่จะถูกร่างกายของผู้เสียหายพอดี แต่เนื่องจากกระสุนปืนทะลุไปถูกเหล็กกันกระแทกด้านข้าง จึงไม่ทะลุต่อไปไม่เช่นนั้นกระสุนคงจะถูกร่างกายของผู้เสียหายแน่นอน จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจย่อมรู้อยู่แก่ใจดีแล้วว่า อาวุธปืนพกขนาด .357 เป็นอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายร้ายแรงจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
สิบตำรวจโท ส. จำเลยเพียงแต่ต้องการจับกุมผู้เสียหายที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการจอดรถในที่ห้ามจอดซึ่งเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย (ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท) จำเลยหามีสิทธิที่จะใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นการใช้มาตรการในการจับกุมที่รุนแรงที่สุดไม่ หากผู้เสียหายไม่ยอมให้จับกุมและจะขับรถหลบหนีไป จำเลยก็เพียงแต่ใช้วิทยุแจ้งป้อมยามข้างหน้าที่คาดว่ารถของผู้เสียหายจะขับผ่านให้ช่วยสกัดจับหรือขับรถจักรยานยนต์ติดตามไปสกัดจับก็น่าจะทำได้ แต่การที่จำเลยนำอาวุธปืนมาใช้ในกรณีนี้นอกจากจะไม่มีสิทธิจะกระทำได้แล้วยังเป็นการกระทำที่เกินจำเป็นที่จะใช้ในการจับกุมอีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5904/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายยาเสพติดยังไม่สำเร็จเป็นความผิดพยายามจำหน่าย แม้มีการชำระเงินแล้ว
จำเลยทั้งสองตกลงจะขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ให้แก่ ส. ในราคา 150 บาท และรับเงินค่า เมทแอมเฟตามีนจาก ส. ไว้แล้ว แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังใช้ไขควงคลายน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟจำนวน 20 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ เพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ออกมามอบให้แก่ ส. ก็ถูกสิบตำรวจโท จ. กับพวกจับกุมเสียก่อน โดยขณะนั้นจำเลยทั้งสองยังมิได้แยกเมทแอมเฟตา-มีนจำนวน 1 เม็ด ออกจากหลอดกาแฟมาส่งมอบให้แก่ ส. การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยกับ ส. จึงยัง ไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด เท่านั้น และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาได้ด้วย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5904/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายยาเสพติดยังไม่สำเร็จ ถือเป็นความผิดพยายามจำหน่าย
ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยเพียงแต่ได้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจาก ส. และกำลังใช้ไขควงไขน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีน1 เม็ด จากจำนวน 20 เม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟซุกซ่อนอยู่ในฝาครอบไฟท้ายออกมาส่งมอบให้แก่ ส. จำเลยยังมิได้แยกเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด ออกจากหลอดกาแฟมาส่งมอบให้แก่ ส. การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยกับ ส. ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์จึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5840/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงอาวุธปืนเข้าใส่กุฏิโดยรู้มีคนอยู่ ย่อมเล็งเห็นผลถึงความตายได้ ถือเป็นความพยายามฆ่า
ตอนเช้าก่อนเกิดเหตุพระภิกษุ ว. กับพวกถูกจำเลยตำหนิว่าอยู่วัดแล้วจับกลุ่มคุยกันไม่ทำงานเดี๋ยวจะสาดกระสุนปืนใส่ไม่ให้เห็นหน้าญาติ แสดงว่าจำเลยไม่พอใจและมีความคิดจะทำอันตรายพระภิกษุ ว. กับพวกอยู่แล้ว เมื่อจำเลยเจตนาใช้อาวุธปืนยิงพระภิกษุ ว. จริง แม้จำเลยจะไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลให้พระภิกษุ ว. กับพวกถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย แต่ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่กุฏิของพระภิกษุ ว. ซึ่งอยู่ห่างเพียง 20 เมตร โดยจำเลยรู้ว่าขณะนั้นมีคนอยู่ในกุฏิดังกล่าว จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกคนในกุฏิถึงแก่ความตายได้ เมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5632/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: การยิงอาวุธปืนเข้าบ้านโดยเล็งเป้าหมายที่คาดว่าผู้เสียหายจะอยู่ แม้ไม่ถูกตัว
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงมีประสิทธิภาพในการทำลายสูงยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย โดยรู้อยู่ว่าผู้เสียหายอยู่ในบ้าน หากกระสุนปืนถูกผู้เสียหายอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตของผู้เสียหายได้ ทั้งวิถีกระสุนปืนที่จำเลยจ้องยิงไปนั้นเป้าหมายอยู่บริเวณเก้าอี้ที่ผู้เสียหายนั่งดูเครื่องรับโทรทัศน์อยู่ในขณะที่จำเลยพบเห็นผู้เสียหายในครั้งแรกที่จำเลยเข้าไปในบ้าน ระดับวิถีกระสุนปืนก็อยู่ในระนาบแนวเดียวกับที่ผู้เสียหายนั่งอยู่บนเก้าอี้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยเล็งเป้าหมายของวิถีกระสุนปืนไปยังที่จำเลยคาดหมายว่าผู้เสียหายจะกลับมานั่งเก้าอี้ดูเครื่องรับโทรทัศน์เหมือนเดิมที่จำเลยพบเห็นในครั้งแรกหากแต่บังเอิญผู้เสียหายยังไม่ได้กลับไปนั่งเก้าอี้เดิมเท่านั้นจึงทำให้กระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่ถูกผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่บรรลุผล จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากเหตุยิงในที่สาธารณะ ศาลแก้ไขบทลงโทษตามที่ฎีกาขอ
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปที่กลุ่มคนหมู่มากและอยู่ในที่จำกัด ย่อมถือได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล เมื่อมีผู้ถูกกระสุนปืนทั้งถึงแก่ความตายและไม่ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า
แม้ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มิใช่เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ตาม แต่เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วม มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น ศาลฎีกาจึงแก้ไขบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้เท่านั้น ไม่อาจพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ทุ่มก้อนหินลงในที่ชุมชน ศาลฎีกาวินิจฉัยถึงการเล็งเห็นผลและการขาดความใยดี
จำเลยใช้ก้อนหินซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นก้อนหินที่มีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัมเศษ และครึ่งกิโลกรัมจำนวนหลายก้อนทุ่มมาจากที่สูงลงมาในหมู่คนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเช่นเรือที่เกิดเหตุเช่นนี้ จำเลยหรือบุคคลผู้อยู่ในฐานะเช่นเดียวกับจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าก้อนหินอาจจะไปถูกที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญเป็นผลทำให้ถึงตายได้ แต่จำเลยก็หาได้ใยดีต่อผลที่จะเกิดขึ้นไม่ จึงถือว่าจำเลย มีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่น ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.ม. 371 ลงโทษปรับ 60 บาท แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ม.8 ทวิ วรรคสองและ 72 ทวิ วรรคสอง อีกบทหนึ่ง และให้ลงโทษจำเลยตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มี โทษหนักที่สุด แต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษปรับจำเลย 60 บาท ซึ่งเป็นโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท และไม่ใช่กรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่ผู้เสียหายที่ 3 และ ท. เบิกความตอบโจทก์ แต่ไม่ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลย ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์ ตาม ป.วิ.อ. ม.226 ประกอบกับในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยเป็รผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสาม
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นอันเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงและใช้ทำอันตรายให้ถึงแก่ความตายได้ยิงผู้เสียหายทั้งสามกับพวกในระยะใกล้ และกระสุนปีนถูกผู้เสียหายทั้งสามบรเวณลำคอ อก คาง ใบหน้า และต้นแขน ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เพียงเจตนาทำร้าย เมื่อผู้เสียหายทั้งสามไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของจำเลยว่าฝ่ายผู้เสียหายทั้งสามได้ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสามในขณะนั้นตาม ป.อ.ม.72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการถีบผู้โดยสารตกจากรถ ความรับผิดทางอาญาต่อการกระทำที่เล็งเห็นผลถึงชีวิต
จำเลยเข้าร่วมทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายที่ 1 การที่จำเลยกับพวกช่วยกันถีบผู้ตายกับผู้เสียหายที่ 1 ตกจากรถยนต์โดยสารขณะที่รถยนต์นั้นกำลังแล่นด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้ตายอาจไปกระแทกผู้เสียหายที่ 2 ที่ยืนอยู่ตรงบันไดตกจากรถไปด้วยกันได้และศีรษะกับลำตัวของผู้ตายหรือของผู้เสียหายทั้งสองอาจกระแทกกับพื้นถนนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังปรากฏว่าผู้ตายมีเลือดออกในผนังหัวใจ ในปอดและกระบังลม เนื้อสมองบวมทั้งสมองอันเกิดจากแรงภายนอกกระทำต่อศีรษะและหน้าอกของผู้ตายอย่างรุนแรงอันถือได้ว่าเป็นผลธรรมดาจากการกระทำของจำเลยกับพวก การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2300/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า, การสนับสนุนความผิด, การกระทำโดยรู้เห็นเป็นใจ
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 1 มาก่อนในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 ขับแล่นผ่านบริเวณที่ผู้เสียหายกับพวกนั่งดื่มสุราอยู่ ต่อมาจำเลยที่ 1 ก็นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 2 มาจอดติดเครื่องรออยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 ถึง 2 เมตร จำเลยที่ 1 ลงจากรถแล้วเข้าไปใช้ไม้ท่อนกลม ผิวขรุขระ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว ยาว 1 ช่วงแขน ตีศีรษะผู้เสียหาย 2 ถึง 3 ครั้ง จนผู้เสียหายหมดสติ การที่จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ท่อนขนาดใหญ่ตีผู้เสียหายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ 2 ถึง 3 ครั้ง จนเป็นเหตุให้กะโหลกศีรษะแตก หากรักษาไม่ทันอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต และจำเลยที่ 1 กับผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน แสดงว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะมีบาดแผลเพียงแห่งเดียวก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่ 2 จอดรถจักรยานยนต์ติดเครื่องรอจำเลยที่ 1 อยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ 1 ถึง 2 เมตร และสามารถเห็นการกระทำของจำเลยที่ 1 โดยตลอด จำเลยที่ 2 ไม่รู้ถึงเจตนาของจำเลยที่ 1 ก่อนจะมากระทำความผิดแต่ทราบได้ในขณะที่เห็นจำเลยที่ 1 ลงมือกระทำความผิด จำเลยที่ 2 ก็ยังคงจอดรถรออยู่พร้อมที่จะรับจำเลยที่ 1 พาหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุมได้ทุกเมื่อและก็รับจำเลยที่ 1 หลบหนีไปด้วย อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในขณะกระทำความผิดครบองค์ประกอบความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ มาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
of 146