คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 80

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,460 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5188/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลไม่รับรองการกระทำ
ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนด้วยการด่า และท้าทายจำเลยให้มาต่อสู้กัน และเข้ามากระชากคอเสื้อจำเลยย่อมเป็นเหตุให้จำเลยสามารถกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตัวได้ แต่จะต้องเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุด้วย ผู้เสียหายเพียงแต่ดึงคอเสื้อจำเลยเท่านั้นไม่ได้ลงมือทำร้ายจำเลย ตลอดจนผู้เสียหายไม่มีอาวุธติดตัว การที่จำเลยใช้มีดปาดตาลขนาดยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ 1 ฟุตใบมีดกว้างประมาณ 4 นิ้ว ซึ่งเป็นมีดขนาดใหญ่แทงผู้เสียหายที่บริเวณไหปลาร้าขวา ราวนมขวา ราวนมซ้าย และชายโครงซ้ายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ และบริเวณส่วนอื่นของร่างกายรวม 9 แห่งซึ่งเป็นบาดแผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5188/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลไม่ถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนด้วยการด่าและท้าทายจำเลยให้มาต่อสู้กันและเข้ามากระชากคอเสื้อจำเลยย่อมเป็นเหตุให้จำเลยสามารถกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตัวได้แต่จะต้องเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุด้วย ผู้เสียหายเพียงแต่ดึงคอเสื้อจำเลยเท่านั้นไม่ได้ลงมือทำร้ายจำเลยตลอดจนผู้เสียหายไม่มีอาวุธติดตัวการที่จำเลยใช้มีดปาดตาลขนาดยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ1ฟุตใบมีดกว้างประมาณ4นิ้วซึ่งเป็นมีดขนาดใหญ่แทงผู้เสียหายที่บริเวณไหปลาร้าขวาราวนมขวาราวนมซ้ายและชายโครงซ้ายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญและบริเวณส่วนอื่นของร่างกายรวม9แห่งซึ่งเป็นบาดแผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3862/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายยาเสพติดไม่สำเร็จ การพิพากษาความผิดฐานพยายามจำหน่าย และการใช้พยานหลักฐานจากสายลับ
โจทก์กับเจ้าพนักงานตำรวจผู้รู้เห็นเหตุการณ์ร่วมกับสายลับย่อมเป็นพยานโดยตรงอยู่แล้ว หาจำต้องนำสายลับมาเป็นพยานอีกไม่ เพราะโดยลักษณะความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษย่อมจะต้องใช้สายลับเป็นผู้ล่อซื้อ จึงมีความจำเป็นต้องปกปิดตัวสายลับเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งเพื่อประโยชน์ด้านการปฏิบัติงานครั้งต่อ ๆ ไปด้วยการไม่นำสายลับมาเป็นพยานหาทำให้พยานหลักฐานของโจทก์น้ำหนักลดน้อยลงไม่
การที่สายลับเข้าทำการล่อซื้อฝิ่นจากจำเลยทั้งสอง ยังไม่มีการชำระเงินและส่งมอบฝิ่นของกลางให้แก่กัน แต่จำเลยทั้งสองถูกจับพร้อมด้วยฝิ่นของกลางเสียก่อนดังนั้นการซื้อขายยังไม่เสร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันมีฝิ่นไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามจำหน่ายฝิ่นโดยผิดกฎหมายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควร การใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
ผู้เสียหายได้จับมือภรรยาจำเลยเพื่อให้ร่วมวงดื่มสุราในบริเวณบ้านผู้เสียหาย ภรรยาจำเลยปฏิเสธและเดินออกจากบ้านผู้เสียหายมาแล้วจึงเกิดการทะเลาะกับจำเลยด้วยเหตุจำเลยหึงหวงภรรยา และระหว่างที่จำเลยกับภรรยาทะเลาะกันเองอยู่นั้น ผู้เสียหายเป็นฝ่ายลุกออกจากบ้านเข้ามาหาจำเลย โดยหลังจากจำเลยเห็นภรรยาถูกผู้เสียหายจับมือในบ้าน ต้องอดกลั้นความหึงหวง และไม่กล้าที่จะแสดงออกต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้กระทำเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยไม่ประสงค์ที่จะมีเหตุการณ์วิวาทกับผู้เสียหาย จึงได้หลีกเลี่ยงชวนภรรยาออกมาจากบ้านผู้เสียหาย และเหตุที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายก็เพราะผู้เสียหายได้เข้ามาทำร้ายจำเลยก่อน กรณีจึงมิใช่จำเลยสมัครใจเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย หากแต่เป็นการป้องกันตัว แต่ผู้เสียหายเข้ามาทำร้ายจำเลยโดยปราศจากอาวุธ ภยันตรายที่เกิดจึงไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อชีวิต การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายบริเวณช่องท้องใต้ราวนมข้างซ้าย ซึ่งอวัยวะสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้เช่นนี้จึงเป็นการป้องกันที่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: การใช้กำลังป้องกันต้องสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายได้จับมือภรรยาจำเลยเพื่อให้ร่วมวงดื่มสุราในบริเวณบ้านผู้เสียหาย ภรรยาจำเลยปฏิเสธและเดินออกจากบ้านผู้เสียหายมาแล้วจึงเกิดการทะเลาะกับจำเลยด้วยเหตุจำเลยหึงหวงภรรยา และระหว่างที่จำเลยกับภรรยาทะเลาะกันเองอยู่นั้นผู้เสียหายเป็นฝ่ายลุกออกจากบ้านเข้ามาหาจำเลย โดยหลังจากจำเลยเห็นภรรยาถูกผู้เสียหายจับมือในบ้าน ต้องอดกลั้นความหึงหวง และไม่กล้าที่จะแสดงออกต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้กระทำเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยไม่ประสงค์ที่จะมีเหตุการณ์วิวาทกับผู้เสียหาย จึงได้หลีกเลี่ยงชวนภรรยาออกมาจากบ้านผู้เสียหาย และเหตุที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายก็เพราะผู้เสียหายได้เข้ามาทำร้ายจำเลยก่อน กรณีจึงมิใช่จำเลยสมัครใจเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย หากแต่เป็นการป้องกันตัวแต่ผู้เสียหายเข้ามาทำร้ายจำเลยโดยปราศจากอาวุธภยันตราย ที่เกิดจึงไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อชีวิต การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายบริเวณช่องท้องใต้ราวนมข้างซ้าย ซึ่งอวัยวะสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้เช่นนี้จึงเป็นการป้องกันที่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลพิจารณาจากอาวุธและอันตรายที่เกิดขึ้น
ผู้เสียหายได้จับมือภรรยาจำเลยเพื่อให้ร่วมวงดื่มสุราในบริเวณบ้านผู้เสียหายภรรยาจำเลยปฏิเสธและเดินออกจากบ้านผู้เสียหายมาแล้วจึงเกิดการทะเลาะกับจำเลยด้วยเหตุจำเลยหึงหวงภรรยาและระหว่างที่จำเลยกับภรรยาทะเลาะกันเองอยู่นั้นผู้เสียหายเป็นฝ่ายลุกออกจากบ้านเข้ามาหาจำเลยโดยหลังจากจำเลยเห็นภรรยาถูกผู้เสียหายจับมือในบ้านต้องอดกลั้นความหึงหวงและไม่กล้าที่จะแสดงออกต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้กระทำเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยไม่ประสงค์ที่จะมีเหตุการณ์วิวาทกับผู้เสียหายจึงได้หลีกเลี่ยงชวนภรรยาออกมาจากบ้านผู้เสียหายและเหตุที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายก็เพราะผู้เสียหายได้เข้ามาทำร้ายจำเลยก่อนกรณีจึงมิใช่จำเลยสมัครใจเข้าวิวาทกับผู้เสียหายหากแต่เป็นการป้องกันตัวแต่ผู้เสียหายเข้ามาทำร้ายจำเลยโดยปราศจากอาวุธภยันตรายที่เกิดจึงไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อชีวิตการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายบริเวณช่องท้องใต้ราวนมข้างซ้ายซึ่งอวัยวะสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้เช่นนี้จึงเป็นการป้องกันที่เกินสมควรแก่เหตุจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,80ประกอบด้วยมาตรา69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงในจุดสำคัญ และฟ้องไม่สมบูรณ์ฐานพาอาวุธ
จำเลยแทงผู้เสียหายโดยแทงอ้อมผ่านตัวส. ซึ่งกำลังจับมือผู้เสียหายอยู่และผู้เสียหายยืนหันหลังให้จำเลยจำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้จำเลยเลือกแทงบริเวณรักแร้ซ้ายของผู้เสียหายโดยแรงคมมีดทะลุช่องปอดซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายทั้งยังได้แทงซ้ำอีก1ครั้งที่บริเวณลำคอผู้เสียหายแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยพาอาวุธมีดไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรก็ตามแต่คำขอท้ายฟ้องไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา371ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดฟ้องโจทก์ฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(6)เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำความผิดฐานนี้ศาลจะลงโทษตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้แม้คู่ความมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการฟ้องคดีอาญาที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยแทงผู้เสียหายโดยแทงอ้อมผ่านตัว ส.ซึ่งกำลังจับมือผู้เสียหายอยู่ และผู้เสียหายยืนหันหลังให้จำเลย จำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้ จำเลยเลือกแทงบริเวณรักแร้ซ้ายของผู้เสียหายโดยแรงคมมีดทะลุช่องปอดซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งยังได้แทงซ้ำอีก 1 ครั้ง ที่บริเวณลำคอผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธมีดไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรก็ตาม แต่คำขอท้ายฟ้องไม่ได้อ้าง ป.อ.มาตรา371 ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฟ้องโจทก์ฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ.มาตรา 158 (6) เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำความผิดฐานนี้ ศาลจะลงโทษตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้แม้คู่ความมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทง การฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ และการลดโทษ
จำเลยแทงผู้เสียหายโดยแทงอ้อมผ่านตัว ส. ซึ่งกำลังจับมือผู้เสียหายอยู่ และผู้เสียหายยืนหันหลังให้จำเลยจำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้จำเลยเลือกแทงบริเวณรักแร้ซ้ายของผู้เสียหายโดยแรงคมมีดทะลุช่องปอดซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งยังได้แทงซ้ำอีก 1 ครั้ง ที่บริเวณลำคอผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธมีดไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรก็ตาม แต่คำขอท้ายฟ้องไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฟ้องโจทก์ฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำความผิดฐานนี้ศาลจะลงโทษตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้ แม้คู่ความมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2417/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามกระทำชำเราเด็กหญิง: การพิจารณาเจตนาและผลการกระทำ
ตามพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำมาตั้งแต่เริ่มแรกโดยจำเลยถอดกางเกงของตนและกางเกงในของโจทก์ทั้งสองออกแล้วจำเลยจับโจทก์ทั้งสองขยับขึ้นลงในขณะที่อวัยวะเพศของจำเลยแข็งตัวย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยมาตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะกระทำชำเราโจทก์ทั้งสองหาใช่มีเจตนากระทำอนาจารเพียงอย่างเดียวไม่แต่เนื่องจากขนาดของอวัยวะเพศของจำเลยและโจทก์ทั้งสองประกอบกับลักษณะการกระทำชำเราของจำเลยต่อโจทก์ทั้งสองอวัยวะเพศของจำเลยคงทิ่มแทงถูกบริเวณภายนอกของอวัยวะเพศของโจทก์ทั้งสองเท่านั้นการลงมือกระทำชำเราของจำเลยต่อโจทก์ทั้งสองจึงไม่บรรลุผลจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามกระทำชำเราโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคแรกอันเป็นความผิดเกี่ยวกับการกระทำต่อเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน15ปีการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคสองซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการกระทำต่อเด็กหญิงอายุไม่เกิน13ปีที่มีโทษหนักกว่าย่อมไม่ชอบเพราะเกินคำขอแม้จะเป็นความผิดฐานพยายามก็ตามคงลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคแรกเท่านั้น
of 146