คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 80

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,460 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการขว้างระเบิด แม้ระเบิดไม่ทำงาน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง
จำเลยขว้างลูกระเบิดใส่ผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่ลูกระเบิดไม่เกิดการระเบิด เพราะยังมิได้ถอด สลักนิรภัย เมื่อปรากฏว่าลูกระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดได้ และหากระเบิดขึ้นจะมีอำนาจทำลายสังหาร ชีวิต มนุษย์ ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดตามป.อ. มาตรา 288,80 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 288,80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,81 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 295,80 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้ แต่กำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดทางอาญา แม้ไม่มีอาวุธหรือยุยง แต่สมทบกำลังและรู้เห็นการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุ จำเลยอยู่ด้วยกันกับพวกของจำเลยและได้วิ่งหนีไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ต่อมาอีก 1 ชั่วโมง จำเลยได้กลับเข้ามาในซอยเกิดเหตุกับพวกของจำเลยซึ่งมีอาวุธปืนยาวติดตัวมาเช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้า นั้นและยังร่วมวิ่งหนีออกจากซอยเกิดเหตุไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยาวยิงมาที่ผู้เสียหายและ พวก กรณีย่อมฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมมาและรู้เห็นกับพวกโดยตลอดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้ง มิใช่เป็นการมาพบกับพวกจำเลยในที่เกิดเหตุโดยบังเอิญ และแม้จำเลยมิได้มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยทั้งมิได้กล่าว ถ้อยคำยุยงให้พวกกระทำการดังกล่าว การกระทำของจำเลยก็เท่ากับเป็นการสมทบกำลังให้แก่พวกซึ่งเป็นผู้ลงมือกระทำความผิดและเป็นพฤติการณ์อันต้องถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลที่อาจเกิดขึ้นร่วมกัน จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมด้วยในการกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดทางอาญา: การสมรู้ร่วมคิดและสมทบกำลังแม้ไม่มีอาวุธ
ก่อนเกิดเหตุ จำเลยอยู่ด้วยกันกับพวกของจำเลยและได้วิ่งหนีไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ต่อมาอีก 1 ชั่วโมง จำเลยได้กลับเข้ามาในซอยเกิดเหตุกับพวกของจำเลยซึ่งมีอาวุธปืนยาวติดตัวมาเช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นและยังร่วมวิ่งหนีออกจากซอยเกิดเหตุไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยาวยิงมาที่ผู้เสียหายและพวก กรณีย่อมฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมมาและรู้เห็นกับพวกโดยตลอดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งมิใช่เป็นการมาพบกับพวกจำเลยในที่เกิดเหตุโดยบังเอิญและแม้จำเลยมิได้มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยทั้งมิได้กล่าวถ้อยคำยุยงให้พวกกระทำการดังกล่าว การกระทำของจำเลยก็เท่ากับเป็นการสมทบกำลังให้แก่พวกซึ่งเป็นผู้ลงมือกระทำความผิดและเป็นพฤติการณ์อันต้องถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลที่อาจเกิดขึ้นร่วมกัน จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมด้วยในการกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า, การกระทำร่วมกัน, และความรับผิดทางอาญาที่แตกต่างกันของผู้กระทำ
จำเลยที่ 1 ใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวประมาณ 6 นิ้วกว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวตลอดด้ามประมาณ 10 นิ้วครึ่ง แทงผู้ตายที่กลางหน้าอกทะลุกระดูกหน้าอก เยื่อหุ้มหัวใจ ปอดข้างขวา และแทงผู้เสียหายถูกที่ด้านหลังซ้ายยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 0.3เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า, การกระทำร่วมกัน, การทำร้ายร่างกาย, การพิจารณาความผิดฐานต่างๆ
จำเลยที่ 1 ใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวประมาณ 6 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวตลอดด้ามประมาณ 10 นิ้วครึ่ง แทงผู้ตายที่กลางหน้าอกทะลุกระดูกหน้าอก เยื่อหุ้มหัวใจ ปอดข้างขวา และแทงผู้เสียหายถูกที่ด้านหลังซ้ายยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 0.3เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการใช้อาวุธปืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุป้องกันตน
โจทก์ร่วมกับจำเลยมีเรื่องโต้เถียงท้าทายกันก่อน แล้วจำเลยเป็นฝ่ายนัดโจทก์ร่วมไปชกต่อย เมื่อถึงที่เกิดเหตุโจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธใดติดตัวเดินเข้าหาจำเลยห่างประมาณ 1 เมตร จำเลยกลับใช้อาวุธปืนจ้องยิงบริเวณหน้าอกของโจทก์ร่วม 2 นัดโจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบ กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ต้นแขนซ้ายและต้นขาซ้ายตามลำดับ พฤติการณ์ที่จำเลยสมัครใจวิวาท ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมกำลังจะทำร้ายจำเลยก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาฆ่า จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการใช้อาวุธปืน การอ้างป้องกันตัวเองไม่สมเหตุสมผล
โจทก์ร่วมกับจำเลยมีเรื่องโต้เถียงท้าทายกันก่อน แล้วจำเลยเป็นฝ่ายนัดโจทก์ร่วมไปชกต่อย เมื่อถึงที่เกิดเหตุโจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธใดติดตัวเดินเข้าหาจำเลยห่างประมาณ 1 เมตรจำเลยกลับใช้อาวุธปืนจ้องยิงบริเวณหน้าอกของโจทก์ร่วม 2 นัดโจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบ กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ต้นแขนซ้ายและต้นขาซ้ายตามลำดับ พฤติการณ์ที่จำเลยสมัครใจวิวาท ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมกำลังจะทำร้ายจำเลยก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาฆ่า จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า โดยการนำตัวผู้กระทำผิดไปชี้เป้าและให้ความช่วยเหลือ
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนการฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นจากการชี้เป้าและให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิด
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3128/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าหรือไม่: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม
จำเลยไม่พอใจโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ใช้ให้บุตรจำเลยทำงานในหน้าที่คนงานเป็นเหตุให้บุตรจำเลยลาออกจากงาน วันเกิดเหตุจำเลยมาหาโจทก์ร่วมแสดงอาการไม่พอใจโดยพูดจาต่อว่าโจทก์ร่วม ภริยาจำเลยได้พาจำเลยกลับไป ต่อมาจำเลยกลับมาหาโจทก์ร่วมอีกแล้วใช้เหล็กมีคมปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมแต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจำเลยตั้งใจแทงโจทก์ร่วมที่ใดอันเป็นอวัยวะสำคัญ เพียงแต่ปรากฏบาดแผลที่ปลายแขนซ้ายลึกประมาณ 2นิ้ว รักษาเพียง 14 วันก็หาย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น.
of 146