พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,460 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปืนและมีดในสถานการณ์คับขัน
ขณะที่จำเลยกับเพื่อนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกันถูกต.กับพวก3-4คนวิ่งเข้ามาทำร้ายแล้วพากันวิ่งหนีไปจำเลยถือปืนวิ่งไล่ตามแต่เมื่อไล่ไม่ทันจำเลยก็วิ่งกลับมาที่เดิมนำเพื่อนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้านแสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาทกับต.และพวกต่อไปแล้วต.กับพวกแจ้งให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบผู้เสียหายพร้อมด้วยต.กับพวกรวม7-8คนมีมีดเป็นอาวุธพากันวิ่งไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่ท้ายรถยนต์สองแถวจำเลยร้องห้ามไม่ให้ผู้เสียหายกับพวกเข้ามาผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียงพวกผู้เสียหายกลับพูดว่าลุยเข้าไปเลยกระสุนปืนหมดแล้วจำเลยชักปืนออกมาถือจ้องไว้ผู้เสียหายกับพวกก็ยังวิ่งเข้ามาจำเลยจึงยิงปืนออกไป1นัดในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย10เมตรและต.อยู่ห่าง5เมตรดังนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีถูกกลุ่มผู้มีอาวุธเข้าทำร้าย
ขณะที่จำเลยกับเพื่อนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกัน ถูก ต. กับพวก3 - 4 คนวิ่งเข้ามาทำร้ายแล้วพากันวิ่งหนีไป จำเลยถือปืนวิ่งไล่ตาม แต่เมื่อไล่ไม่ทัน จำเลยก็วิ่งกลับมาที่เดิม นำเพื่อนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาทกับ ต. และพวกต่อไปแล้ว ต. กับพวกแจ้งให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบ ผู้เสียหายพร้อมด้วย ต. กับพวกรวม 7 - 8 คน มีมีดเป็นอาวุธพากันวิ่งไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่ท้ายรถยนต์สองแถว จำเลยร้องห้ามไม่ให้ผู้เสียหายกับพวกเข้ามาผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียง พวกผู้เสียหายกลับพูดว่าลุยเข้าไปเลยกระสุนปืนหมดแล้วจำเลยชักปืนออกมาถือจ้องไว้ ผู้เสียหายกับพวกก็ยังวิ่งเข้ามา จำเลยจึงยิงปืนออกไป 1 นัด ในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย 10 เมตร และ ต. อยู่ห่าง 5 เมตร ดังนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2336/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงบริเวณสำคัญของร่างกาย แม้ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้เหล็กตะไบเลือกแทงผู้เสียหายที่บริเวณช่องท้องข้างซ้ายและที่ช่องอกซ้ายในขณะที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธและไม่ได้ทำร้ายจำเลยแต่อย่างใดย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้.และได้ความจากแพทย์ว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการผ่าตัดอาจทำให้ถึงตายได้และบาดแผลของผู้เสียหายนี้ไม่สามารถรักษาโดยการฉีดยาหรือใช้ยารับประทานจะต้องรักษาโดยการผ่าตัดทันทีเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,80.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2336/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงตามร่างกาย: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าและการลงโทษที่เหมาะสม
จำเลยใช้เหล็กตะไบเลือกแทงผู้เสียหายที่บริเวณช่องท้องข้างซ้ายและที่ช่องอกซ้ายในขณะที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธและไม่ได้ทำร้ายจำเลยแต่อย่างใดย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้และได้ความจากแพทย์ว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการผ่าตัดอาจทำให้ถึงตายได้และบาดแผลของผู้เสียหายนี้ไม่สามารถรักษาโดยการฉีดยาหรือใช้ยารับประทานจะต้องรักษาโดยการผ่าตัดทันทีเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดตามป.อ.มาตรา288,80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์ การประเมินเจตนาการกระทำผิด และขอบเขตความรับผิดของผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง จำเลยที่ 1 กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันที แสดงว่าจำเลยที่ 1 กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่ 2 เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวาง ครั้นจำเลยที่ 2 ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้ จำเลยที่ 1 ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไป และหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่ 1 แทงผู้เสียหายด้วย แต่มีดที่จำเลยที่ 1 ใช้แทงผู้เสียหายนั้น ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว จำเลยที่ 1 แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเอง ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะแทงซ้ำ และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน 7 วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรม แม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกา แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้
ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้น จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย
ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้น จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมปล้นทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาตัดสินจำคุกโดยพิจารณาความผิดกรรมเดียวและโทษบทหนักสุด
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อจำเลยที่2ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้องจำเลยที่1กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันทีแสดงว่าจำเลยที่1กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่2เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวางครั้นจำเลยที่2ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้จำเลยที่1ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไปและหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้นเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่2ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่1แทงผู้เสียหายด้วยแต่มีดที่จำเลยที่1ใช้แทงผู้เสียหายนั้นยาวประมาณ4-5นิ้วกว้างประมาณ1นิ้วจำเลยที่1แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเองทั้งๆที่มีโอกาสจะแทงซ้ำและได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน7วันจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน.อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรมแม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาแต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้. ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรีลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่1เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้นจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเพียงการริบของกลาง ไม่กระทบโทษจำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อยขัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่าไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน5นัดกับปลอกกระสุนปืน1ปลอกของนายช.ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลยเป็นการแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อย การริบของกลาง ไม่กระทบโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า ไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน 5 นัด กับปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกของนาย ช. ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน ศาลฎีกายืนความผิดฐานพยายามฆ่าและอนาจาร แม้การกระทำต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไปหลังจากนั้นจำเลยที่1ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงในพร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัวและขณะที่จำเลยที่1กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมาจำเลยที่1จึงหลบหนีไปดังนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราแม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้นส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่าโจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้างมีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ2นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วด้านซ้ายยาวประมาณ1นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วเจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตกหากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอจำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าแต่การกระทำไม่บรรลุผลจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอนจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน, การกระทำผิดกรรมเดียว, การประเมินหลักฐานการกระทำชำเรา
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไป หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงใน พร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัว และขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมา จำเลยที่ 1 จึงหลบหนีไป ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้น ส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่า โจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้าง มีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ 2 นิ้ว กว้างประมาณ 1/3 นิ้ว ด้านซ้ายยาวประมาณ 1 นิ้ว กว้างประมาณ 1/3 นิ้ว เจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่า ลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้ และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอ จำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท