คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 60

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 436 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจภายหลังการยื่นฟ้องและผลของการให้สัตยาบัน
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่าเป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้ ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้วดังนี้แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ป.ม.วิ.แพ่งประกอบด้วยแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจแม้หลังฟ้องก็มีผลได้ หากเป็นการยืนยันและไม่มีกฎหมายห้าม
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่า เป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือปลัดจังหวัดผู้ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้ว ดังนี้ แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการกระทำให้การมอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นแล้วเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยแล้วย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่24/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนายกเทศมนตรี และผลของการสิ้นสุดสัญญาเช่า
เทศบาลเป็นนิติบุคคลนายกเทศมนตรีมีอำนาจฟ้องคดีซึ่งเทศบาลเป็นโจทก์ และลงชื่อแต่งทนายได้
สัญญาเช่าที่มีกำหนดเมื่อครบกำหนด สัญญาย่อมระงับโดยมิพักต้องบอกล่าวก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของนายกเทศมนตรี และการสิ้นสุดสัญญาเช่าเมื่อครบกำหนด
เทศบาลเป็นนิติบุคคล นายกเทศมนตรีมีอำนาจฟ้องคดีซึ่งเทศบาลเป็นโจทก์ และลงชื่อแต่งทนายได้
สัญญาเช่าที่มีกำหนดเมื่อครบกำหนดสัญญาย่อมระงับโดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความไม่อำนาจมอบหมายให้ผู้อื่นยื่นอุทธรณ์แทนอีกทอดหนึ่ง
ทนายความจะแต่งตั้งให้บุคคลอื่นยื่นคำฟ้องอุทธรณ์แทนทนายความ อีกทอดหนึ่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการชำระค่าเช่า ณ สำนักงานผู้ให้เช่า ข้อตกลงพิเศษมีผลเหนือมาตรา 560
ผู้เช่ามีหน้าที่จะต้องนำค่าเช่าไปชำระในสำนักของผู้ให้เช่า
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากหญิงมีสามี เมื่อปรากฏว่าในหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์นำมาฟ้องนั้น ทั้งสามีของจ. และ จ. ได้ลงนามมอบอำนาจให้ ป. ฟ้องร้อง และดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลได้ ดังนี้ เป็นการแสดงความยินยอมของสามี ให้ภริยาทำการฟ้องร้อง หรือมอบอำนาจให้ตัวการทำการฟ้องร้องคดีได้
บทบัญญัติมาตรา 560 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น บัญญัติไว้เพื่อเป็นข้อสันนิษฐานเจตนาของคู่สัญญาในเมื่อไม่มีความตกลงกันเป็นอย่างอื่นเท่านั้น หาใช่เป็นบทบัญญัติอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามความหมายของมาตรา 113,114 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นไม่
ผู้เช่าได้ทำสัญญาตกลงกับผู้ให้เช่าว่าถ้าผู้เช่าประพฤติผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้เช่าตามกฎหมายผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะให้เช่าบอกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าและกลับเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์ที่เช่าทันที โดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบก็ได้ข้อตกลงนี้หาตกเป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและการบอกเลิกสัญญา: สิทธิของผู้ให้เช่าในการบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้เช่าผิดนัดชำระค่าเช่า
ผู้เช่ามีหน้าที่จะต้องนำค่าเช่าไปชำระในสำนักของผู้ให้เช่า
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากหญิงมีสามี เมื่อปรากฎว่าในหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์นำมาฟ้องนั้น ทั้งสามีของ จ.และ จ.ได้ลงนามมอบอำนาจให้ป.ฟ้องร้อง และดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลได้ ดังนี้ เป็นการแสดงความยินยอมของสามี ให้ภริยาทำการฟ้องร้อง หรือมอบอำนาจให้ตัวการทำการฟ้องร้องคดีได้
บทบัญญัติมาตรา 560 ป.ม.แพ่งฯนั้น บัญญัติไว้เพื่อเป็นข้อสันนิษฐานเจตนาของคู่สัญญาในเมื่อไม่มีความตกลงกันเป็นอย่างอื่นเท่านั้น หาใช่เป็นบทบัญญัติอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามความหมายของมาตรา 113,114 ป.ม.แพ่งฯนั้นไม่
ผู้เช่าได้ทำสัญญาตกลงกับผู้ให้เช่าว่า ถ้าผู้เช่าประพฤตติผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้เช่าตามกฎหมาย ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะบอกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าและกลับเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์ที่เช่าทันที โดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบก็ได้ ข้อตกลงนี้หาตกเป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจตามใบมอบอำนาจ: การฟ้องขับไล่จากสัญญาเช่าและละเมิด
ใบมอบอำนาจของเจ้าอาวาสวัดมีข้อความว่า '...เพราะฉะนั้นขอมอบหมายให้ท่าน(นายชวน)เป็นผู้มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับผลประโยชน์ในที่ธรณีสงฆ์ และทรัพย์สินของวัดที่ได้รับมอบคืนมาจากกรมการศาสนาทั้งหมดนั้น ตลอดจนเป็นผู้แทนวัดทุกกรณี และเมื่อมีผู้ใดทำการละเมิดอันเป็นเหตุให้ที่ธรณีสงฆ์และทรัพย์สินของวัดเสียหายขาดประโยชน์ก็ให้มีอำนาจดำเนินคดียื่นฟ้องต่อศาลตลอดจนประนีประนอมยอมความและแต่งทนายได้ด้วย......' ดังนี้ย่อมกินถึงการดำเนินคดีที่มีผู้ล่วงเกินสิทธิของวัด อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของวัดเสียหายหรือขาดประโยชน์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการล่วงเกินโดยทำผิดสัญญาหรือโดยประการอื่น ฉะนั้นผู้รับมอบอำนาจจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าห้องแถวของวัด โดยอ้างว่าผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาของจำเลยที่ยื่นโดยทนายร่วมกัน โดยจำเลยบางส่วนไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และการไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยทั้งหมดได้แต่งตั้งให้ทนายคนเดียวกันเป็นทนายของจำเลยทุกคน ทนายจำเลยเป็นผู้ลงนามในฟ้องฎีกา ต้องถือว่าเป็นฟ้องฎีกาของจำเลย ผู้ที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วและได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเท่านั้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา มิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหน กลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่า จะควรฟังอย่างไร ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาโดยทนายร่วม: การยื่นฎีกาของจำเลยบางส่วนมีผลผูกพันจำเลยอื่นหรือไม่ และศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
จำเลยทั้งหมดได้แต่งตั้งให้ทนายคนเดียวกันเป็นทนายของจำเลยทุกคนทนายจำเลยเป็นผู้ลงนามในฟ้องฎีกา ต้องถือว่าเป็นฟ้องฎีกาของจำเลยผู้ที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วและได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเท่านั้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิดศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกามิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหนกลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่าจะควรฟังอย่างไรดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่
of 44