พบผลลัพธ์ทั้งหมด 314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: การเสนอ-สนองที่ไม่สมบูรณ์และการไกล่เกลี่ยที่ไม่ผูกพัน
ประธานอนุกรรมการช่วยเหลือชาวนาชาวไร่เรียกจำเลยทั้งสองมาฝ่ายเดียว ไกล่เกลี่ยให้ขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองว่าถ้าโจทก์จะซื้อจำเป็นต้องขายในราคา 40 ,000 บาท จึงได้ทำบันทึกไว้ ต่อมาอีกสามวันประธานอนุกรรมการฯได้เรียกโจทก์ฝ่ายเดียวมาไกล่เกลี่ย โจทก์ตกลงซื้อที่พิพาทในราคา 40 ,000 บาท จึงได้ทำบันทึกไว้อีก บันทึกดังกล่าวทำขึ้นคนละคราว ผู้บันทึกได้ทำบันทึกในฐานะเป็นประธานอนุกรรมการฯ ไม่ใช่เป็นคู่สัญญาในฐานะตัวแทนของโจทก์หรือจำเลย ข้อตกลงตามบันทึกเอกสารฉบับแรก มิใช่คำเสนอต่อโจทก์ ข้อตกลงตามบันทึกเอกสารฉบับหลังมิใช่คำสนอง หากเป็นเพียงคำเสนอ เมื่อจำเลยไม่ยอมขาย คำเสนอของโจทก์ก็ไม่มีการสนองรับ จึงยังไม่เกิดสัญญาขึ้นอันจะบังคับเอาแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับคู่สามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส: ชอบด้วยกฎหมายและมีผลผูกพัน
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้มาอยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภริยาต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกอยู่กินด้วยกันโดยจำเลยจะให้เงินโจทก์ 40,000 บาท และได้ขอให้พนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อตกลงนั้นไว้ในรายงานประจำวันแล้วโจทก์จำเลยลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน บันทึกข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย มีผลสมบูรณ์ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะ
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปีต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายจึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยขอให้เงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกันโจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปีต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายจึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยขอให้เงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกันโจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความจากการอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่ขัดต่อศีลธรรม ไม่ต้องรับความยินยอมจากภริยา
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้มาอยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภริยา ต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกอยู่ด้วยกันโดยจำเลยจะให้เงินโจทก์ 40,000 บาท และได้ขอให้พนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อตกลงนั้นไว้ในรายงานประจำวันแล้วโจทก์จำเลยลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน บันทึกข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย มีผลสมบูรณ์ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปี ต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยได้ขอเงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกัน โจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 (3)
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปี ต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยได้ขอเงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกัน โจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในสัญญาฝากทรัพย์: ผู้เช่าซื้อรถไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับฝากโดยตรง
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทมาและได้ให้ พ. เช่าไปวันเกิดเหตุ พ. นำรถคันดังกล่าวไปฝากไว้ในสถานที่จอดรถของภัตตาคารซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่บริการและเป็นผู้รับฝาก ต่อจากนั้น พ. กับพวกได้เข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารดังกล่าว เมื่อกลับออกมาจะขอรับรถคืน ปรากฏว่ารถถูกคนร้ายลักไป ดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่าง พ. กับจำเลย และโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท ขณะเกิดเหตุรถอยู่ในความครอบครองของ พ. กรณีมิใช่จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในสัญญาฝากทรัพย์: ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับฝากทรัพย์โดยตรง
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทมาและได้ให้ พ.เช่าไป วันเกิดเหตุ พ.นำรถคันดังกล่าวไปฝากไว้ในสถานที่จอดรถของภัตตาคารซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่บริการและเป็นผู้รับฝากต่อจากนั้น พ.กับพวกได้เข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารดังกล่าว เมื่อกลับออกมาจะขอรับรถคืนปรากฏว่ารถถูกคนร้ายลักไป ดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่าง พ.กับจำเลย และโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท ขณะเกิดเหตุรถอยู่ในความครอบครองของ พ.กรณีมิใช่จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่ดินและข้อตกลงการคืนเงินเมื่อราคาขายต่ำกว่าที่ตกลง การปฏิเสธทำสัญญาใหม่ทำให้สิทธิเรียกร้องเงินคืนสิ้นสุด
โจทก์เช่าที่ดินของ น. เพื่อปลูกสร้างอาคารเก็บผลประโยชน์ โดยได้ชำระค่าตอบแทนให้ 180,000 บาท ต่อมาโจทก์และ น. ตกลงกันใหม่ให้ น. ขายที่ดินนั้นได้ โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้า น. ขายที่ดินได้ตารางวาละ 5,000 บาท หรือกว่านั้น น. จะคืนเงินให้โจทก์ 150,000 บาท แต่ถ้าขายได้ต่ำกว่าตารางวาละ 5,000 บาท โจทก์กับ น. จะมาตกลงกันใหม่ ปรากฏว่า น. ขายที่ดินได้ต่ำกว่าตารางวาละ 5,000 บาท ครั้นโจทก์ไปพบ น. น. ปฏิเสธที่จะทำความตกลงใหม่กับโจทก์และท้าให้โจทก์ฟ้อง ดังนี้ถือว่า น. ไม่ยอมทำความตกลงกับโจทก์ใหม่และไม่ยอมคืนเงินให้โจทก์แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกเงินคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ขัดต่อเจตนาเดิมของจำเลย แม้จะเซ็นมอบอำนาจไว้ก่อนหน้า ย่อมไม่ผูกมัดจำเลย
การที่จำเลยเซ็นหนังสือมอบอำนาจที่ยังมิได้กรอกข้อความให้ไว้ในวันทำสัญญาค้ำประกัน พร้อมกับมอบโฉนดที่ดินของจำเลยให้ไว้เป็นประกันด้วยนั้น ย่อมแสดงว่าจำเลยยินยอมให้เอาที่ดินของจำเลยนั้นตราเป็นประกันชำระหนี้ได้ด้วย ฉะนั้น หากมีการกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจให้ทำจำนองแม้จะกระทำภายหลัง ก็ถือได้ว่าข้อความนั้นตรงตามความประสงค์ของจำเลยแล้ว แต่ทั้งนี้การทำจำนองต้องกระทำเสียก่อนที่จำเลยเพิกถอนความประสงค์นั้น
การที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของจำเลยมากรอกข้อความขึ้นในภายหลังแล้วนำไปทำจำนองนั้น เมื่อกระทำหลังจากที่จำเลยขอถอนการค้ำประกันและขอคืนโฉนดแล้วจึงหาใช่ความประสงค์ของจำเลยไม่ ฉะนั้น การจำนองที่กระทำขึ้นโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยเพียงแต่ลงชื่อไว้ให้ แต่ไม่ประสงค์จะผูกพันต่อไปแล้ว จึงหาผูกมัดจำเลยไม่จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวนั้น
การที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของจำเลยมากรอกข้อความขึ้นในภายหลังแล้วนำไปทำจำนองนั้น เมื่อกระทำหลังจากที่จำเลยขอถอนการค้ำประกันและขอคืนโฉนดแล้วจึงหาใช่ความประสงค์ของจำเลยไม่ ฉะนั้น การจำนองที่กระทำขึ้นโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยเพียงแต่ลงชื่อไว้ให้ แต่ไม่ประสงค์จะผูกพันต่อไปแล้ว จึงหาผูกมัดจำเลยไม่จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจทำจำนองหลังเพิกถอนความยินยอม: สัญญาจำนองเป็นโมฆะ
การที่จำเลยเซ็นหนังสือมอบอำนาจที่ยังมิได้กรอกข้อความให้ไว้ในวันทำสัญญาค้ำประกัน พร้อมกับมอบโฉนดที่ดินของจำเลยให้ไว้ประกันด้วยนั้น ย่อมแสดงว่าจำเลยยินยอมให้เอาที่ดินของจำเลยนั้นตราเป็นประกันชำระหนี้ได้ด้วย ฉะนั้น หากมีการกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจให้ทำจำนองแม้จะกระทำภายหลังก็ถือได้ว่าข้อความนั้นตรงตามความประสงค์ของจำเลยแล้ว แต่ทั้งนี้การทำจำนองต้องกระทำเสียก่อนที่จำเลยเพิกถอนความประสงค์นั้น
การที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของจำเลยมากรอกข้อความขึ้นในภายหลังแล้วนำไปทำจำนองนั้น เมื่อกระทำหลังจากที่จำเลยขอถอนการค้ำประกันและขอคืนโฉนดแล้วจึงหาใช่ความประสงค์ของจำเลยไม่ ฉะนั้น การจำนองที่กระทำขึ้นโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยเพียงแต่ลงชื่อให้ไว้ แต่ไม่ประสงค์จะผูกพันต่อไปแล้ว จึงหากผูกมัดจำเลยไม่ จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวนั้น
การที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของจำเลยมากรอกข้อความขึ้นในภายหลังแล้วนำไปทำจำนองนั้น เมื่อกระทำหลังจากที่จำเลยขอถอนการค้ำประกันและขอคืนโฉนดแล้วจึงหาใช่ความประสงค์ของจำเลยไม่ ฉะนั้น การจำนองที่กระทำขึ้นโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยเพียงแต่ลงชื่อให้ไว้ แต่ไม่ประสงค์จะผูกพันต่อไปแล้ว จึงหากผูกมัดจำเลยไม่ จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้จัดการธนาคารต่อการยักยอกเงินของพนักงาน: ละเมิด ไม่ใช่สัญญาค้ำประกัน
จำเลยเป็นผู้จัดการธนาคารออมสินสาขา ขออนุมัติให้พนักงานบัญชีใต้บังคับบัญชาลงรายการในแบบบัญชีรับจ่ายแทนโดยขอรับผิดชอบโดยไม่มีข้อโต้แย้งเมื่อมีการทุจริตผิดพลาด เจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์อนุมัติ ดังนี้เป็นการปฏิบัติภายในวงงาน ไม่ใช่มุ่งผูกนิติสัมพันธ์ก่อสิทธิ ไม่เป็นสัญญาค้ำประกัน การที่พนักงานบัญชียักยอกเงินไป จำเลยรับผิดในฐานละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2253/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเล่นแชร์: นายวงมีหน้าที่รับผิดชอบเงินลูกวงที่ยังไม่ได้ประมูลเมื่อวงล้ม
การเล่นแชร์ เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น ไม่มีนักกฎหมายบังคับว่าจะต้องทำสัญญาหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ คงบังคับกันได้ตามหลักสัญญาทั่วไป เมื่อพฤติการณ์เป็นที่เข้าใจกันระหว่างผู้เล่นว่า จำเลยซึ่งเป็นนายวงตกลงยอมเป็นผู้รับผิดชอบใช้เงินแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้ประมูล (เปีย) ในเมื่อวงแชร์ล้ม ดังนี้ เมื่อวงแชร์ล้มจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นลูกวงและยังมิได้ประมูล
หากจะมีมติของคณะรัฐมนตรีห้ามข้าราชการและพนักงานองค์การของรัฐเล่นแชร์จริง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับบัญชาทางวินัยเท่านั้นการเล่นวงแชร์หาได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะไม่
แม้โจทก์เปียแชร์วงอื่นซึ่งจำเลยเป็นนายวงได้ไปแล้วและโจทก์มีกำไรก็ตามก็เป็นเรื่องของแชร์วงนั้น ๆ จะให้นำกำไรนั้นมาหักออกจากจำนวนเงินที่โจทก์เสียหายและจำเลยต้องชดใช้ในวงพิพาพไม่ได้เพราะเป็นสัญญาต่างรายกัน ผู้เข้าเล่นแตกต่างกันไปทั้งจำนวนและผู้เข้าเล่นตลอดจนระยะเวลา
หากจะมีมติของคณะรัฐมนตรีห้ามข้าราชการและพนักงานองค์การของรัฐเล่นแชร์จริง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับบัญชาทางวินัยเท่านั้นการเล่นวงแชร์หาได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะไม่
แม้โจทก์เปียแชร์วงอื่นซึ่งจำเลยเป็นนายวงได้ไปแล้วและโจทก์มีกำไรก็ตามก็เป็นเรื่องของแชร์วงนั้น ๆ จะให้นำกำไรนั้นมาหักออกจากจำนวนเงินที่โจทก์เสียหายและจำเลยต้องชดใช้ในวงพิพาพไม่ได้เพราะเป็นสัญญาต่างรายกัน ผู้เข้าเล่นแตกต่างกันไปทั้งจำนวนและผู้เข้าเล่นตลอดจนระยะเวลา