คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 112

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์เพื่อขายหากำไร ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ แม้ผิดสัญญาซื้อขาย
การที่จำเลยรับทรัพย์ไปจากโจทก์ร่วมก็เพื่อหวังจะเอาไปขายหากำไรอีกต่อหนึ่ง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องทำการขายตามคำสั่งของโจทก์ร่วมจำเลยจะขายเกินราคาหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้ก็ทำได้ เพียงแต่ว่าเมื่อขายได้แล้ว ต้องส่งราคาแก่โจทก์ร่วมตามที่กำหนดกันไว้เท่านั้น การครอบครองทรัพย์ของจำเลยในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ครอบครองทรัพย์ในฐานตัวแทนโจทก์ร่วม หากแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจแห่งสัญญาที่โจทก์ร่วมกับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ต่อกันเมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ส่งเงินที่ขาย ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นทั้งโจทก์ก็สืบไม่ได้ว่า จำเลยได้เบียดบังตัวทรัพย์ไว้โดยทุจริต จึงหาใช่เป็นการผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์เพื่อขายต่อ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ หากผิดสัญญาเป็นเรื่องแพ่ง
การที่จำเลยรับทรัพย์ไปจากโจทก์ร่วมก็เพื่อหวังจะเอาไปขายหากำไรอีกต่อหนึ่ง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องทำการขายตามคำสั่งของโจทก์ร่วมจำเลยจะขายเกินราคาหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้ก็ทำได้เพียงแต่ว่าเมื่อขายได้แล้ว ต้องส่งราคาแก่โจทก์ร่วมตามที่กำหนดกันไว้เท่านั้น การครอบครองทรัพย์ของจำเลยในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ครอบครองทรัพย์ในฐานตัวแทนโจทก์ร่วม หากแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจแห่งสัญญาที่โจทก์ร่วมกับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ต่อกันเมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ส่งเงินที่ขาย ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นทั้งโจทก์ก็สืบไม่ได้ว่าจำเลยได้เบียดบังตัวทรัพย์ไว้โดยทุจริต จึงหาใช่เป็นการผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายผลลำไยไม่ผูกพันผู้รับโอนที่ดิน แม้จะทราบข้อตกลงและเคยยอมให้เก็บผลลำไย
ย. ทำสัญญาขายผลลำไยกับโจทก์มีกำหนด 10 ปี โดยให้โจทก์เป็นผู้เก็บผลลำไยเองจากต้นในสวนของ บ. และตลอดเวลาที่โจทก์เก็บผลลำไยยังไม่ครบกำหนด บ. จะไม่ขายที่ดินสวนลำไยแก่ผู้ใด โจทก์เข้าเก็บผลลำไยตามสัญญาได้ 3 ปี แล้วต่อมา บ. จดทะเบียนโอนขายที่ดินสวนลำไยให้แก่จำเลย ดังนี้ สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และ บ. เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าจำเลยจะทราบถึงข้อตกลงในสัญญา และต่อมาจำเลยยังยอมให้โจทก์เข้าเก็บผลลำไยอีก 2 ปีก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาในตอนหลัง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะนำเอาข้อตกลงนั้นมาใช้บังคับแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ไว้เป็นพิเศษในสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ บ. นั้น ตกติดและมีผลบังคับจำเลยผู้รับโอนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายผลลำไยไม่ผูกพันผู้รับโอนที่ดิน แม้ทราบสัญญาและเคยยอมให้เก็บผลลำไย
ย. ทำสัญญาขายผลลำไยกับโจทก์มีกำหนด 10 ปี โดยให้โจทก์เป็นผู้เก็บผลลำไยเองจากต้นในสวนของ บ. และตลอดเวลาที่โจทก์เก็บผลลำไยยังไม่ครบกำหนด บ. จะไม่ขายที่ดินสวนลำไยแก่ผู้ใดโจทก์เข้าเก็บผลลำไยตามสัญญาได้ 3 ปี แล้วต่อมา บ. จดทะเบียนโอนขายที่ดินสวนลำไยให้แก่จำเลย ดังนี้ สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และ บ. เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ฉะนั้นถึงแม้ว่าจำเลยจะทราบถึงข้อตกลงในสัญญา และต่อมาจำเลยยังยอมให้โจทก์เข้าเก็บผลลำไยอีก 2 ปีก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาในตอนหลัง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะนำเอาข้อตกลงนั้นมาใช้บังคับแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ไว้เป็นพิเศษให้สัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ บ. นั้น ตกติดและมีผลบังคับจำเลยผู้รับโอนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: สัญญาเช่าซื้อจำกัดเฉพาะคู่สัญญา แต่โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยอื่นที่ศาลที่มีภูมิลำเนา
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า'เจ้าของและผู้เช่าตกลงกันว่า หากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีในทางแพ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทใด ๆ ตามสัญญานี้ ให้ฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาที่ศาลแพ่งในจังหวัดพระนครเท่านั้น'เจ้าของคือจำเลยที่ 1 ส่วนผู้เช่าคือโจทก์ สัญญาเช่าซื้อรายนี้จึงมีผลผูกพันเฉพาะโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อโจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 2 ก็ย่อมยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลที่จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาคือศาลจังหวัดนครสวรรค์และกรณีที่มีจำเลยหลายคนซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลของศาลสองศาลหรือกว่านั้นขึ้นไป และมูลความแห่งคดีไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 5 ยอมให้โจทก์เสนอคำฟ้องจำเลยต่อศาลหนึ่งศาลใดก็ได้ เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์จำเลยที่ 1 ก็มิได้ให้การโต้แย้งว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องที่ศาลนั้น พึ่งจะมาโต้แย้งในชั้นฎีกา ดังนี้ โจทก์มีสิทธิยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลฟ้องคดีสัญญาเช่าซื้อที่มีจำเลยหลายคน และข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า "เจ้าของและผู้เช่าตกลงกันว่า หากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีในทางแพ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทใด ๆ ตามสัญญานี้ ให้ฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาที่ศาลแพ่งในจังหวัดพระนครเท่านั้น" เจ้าของคือจำเลยที่ 1 ส่วนผู้เช่าคือโจทก์ สัญญาเช่าซื้อรายนี้จึงมีผลผูกพันเฉพาะโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อโจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 2 ก็ย่อมยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลที่จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาคือศาลจังหวัดนครสวรรค์ และกรณีที่มีจำเลยหลายคน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลของศาลสองศาลหรือกว่านั้นขึ้นไป และมูลความแห่งคดีไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 5 ยอมให้โจทก์เสนอคำฟ้องจำเลยต่อศาลหนึ่งศาลใดก็ได้ เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ จำเลยที่ 1 ก็มิได้ให้การโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องที่ศาลนั้น พึ่งจะมาโต้แย้งในชั้นฎีกา ดังนี้ โจทก์มีสิทธิยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เช่าทำให้สัญญาเช่าเดิมสิ้นสุด และฐานะของผู้เช่าเดิมกลายเป็นเพียงบริวาร
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากอาคารที่เช่า จำเลยที่ 2 ให้การว่า เดิม ช. สามีจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าจากโจทก์ ต่อมาจำเลยหย่าขาดจาก ช. จำเลยที่ 2 ขอเป็นผู้เช่าจากโจทก์ โจทก์ยินยอม ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 1 เป็นสามีใหม่ จำเลยที่ 2 จึงขอเปลี่ยนชื่อจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยที่ 1 เช่า โจทก์ก็ยินยอมอีก ดังนี้ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยระงับไปด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เช่า จำเลยที่ 2 ไม่มีฐานะเป็นผู้เช่าอีกต่อไป คงเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 ศาลย่อมงดสืบพยานจำเลยที่ 2 เสียได้
ข้อที่ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าอย่างแท้จริง ทั้งโจทก์ก็ได้ทราบจึงเจตนาที่แท้จริงระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนั้น ไม่มีในคำให้การ จำเลยเพิ่งอ้างมาในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือให้คำมั่นแก่โจทก์ไว้อย่างไร จำเลยที่ 2 ไม่รับรอง ประเด็นข้อนี้โจทก์ไม่ต้องนำสืบ เพราะการที่โจทก์อ้างหนังสือให้คำมั่นของจำเลยที่ 1 มาในฟ้องก็เพื่อฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกไปแล้ว โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย คำให้การของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 2 ในเมื่อจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เช่าทำให้สัญญาเช่าระงับสิ้นสุด ผู้เช่าเดิมไม่มีสิทธิในฐานะผู้เช่าอีกต่อไป
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากอาคารที่เช่าจำเลยที่ 2 ให้การว่า เดิม ช. สามีจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าจากโจทก์ ต่อมาจำเลยหย่าขาดจาก ช. จำเลยที่ 2 ขอเป็นผู้เช่าจากโจทก์ โจทก์ยินยอม ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 1 เป็นสามีใหม่ จำเลยที่ 2 จึงขอเปลี่ยนชื่อจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยที่ 1 เช่า โจทก์ก็ยินยอมอีกดังนี้ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยระงับไปด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เช่า จำเลยที่ 2 ไม่มีฐานะเป็นผู้เช่าอีกต่อไป คงเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 ศาลย่อมงดสืบพยานจำเลยที่ 2 เสียได้
ข้อที่ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1เป็นผู้เช่าอย่างแท้จริง ทั้งโจทก์ก็ได้ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนั้น ไม่มีในคำให้การ จำเลยเพิ่งอ้างมาในฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือให้คำมั่นแก่โจทก์ไว้อย่างไร จำเลยที่ 2 ไม่รับรอง ประเด็นข้อนี้โจทก์ไม่ต้องนำสืบเพราะการที่โจทก์อ้างหนังสือให้คำมั่นของจำเลยที่ 1 มาในฟ้องก็เพื่อฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกไปแล้ว โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย คำให้การของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 2 ในเมื่อจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474-475/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของนิติกรรมซื้อขาย, การรับมรดก, และผลของการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อบกพร่องในการที่เจ้าหน้าที่กรอกชื่อบริษัทโจทก์ร่วมไว้ในทะเบียนการให้และสัญญาซื้อขายขาดคำว่า "จำกัด" ท้ายชื่อไปไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของนิติกรรมที่ทำขึ้น
ภริยาจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นยอมรับเป็นผู้รับมรดกความแทนจำเลย และได้รับความยินยอมจากคู่ความ ทั้งไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งในการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ภริยาจำเลยเข้ารับมรดกความ แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้สั่งอย่างใด ถือได้ว่าอนุญาตให้เป็นไปตามที่ภริยาจำเลยยอมรับจึงไม่ชอบที่ภริยาจำเลยจะรื้อฟื้นขึ้นอ้างว่าศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้อีก
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าของทนายโจทก์ถึงจำเลย ไปยังที่อยู่ของจำเลยถึง 3 ครั้งก็ไม่มีผู้รับ ดังนี้ ถือได้ว่าคำบอกกล่าวเลิกสัญญาของโจทก์มีผลนับแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งไปถึงสถานที่ของจำเลย และจำเลยได้ทราบคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าของโจทก์โดยชอบสัญญาเช่าได้ระงับเลิกไปแล้วจำเลยจึงต้องออกจากตึกพิพาทของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรรมการ, การเชิดตัวแทน, และอัตราดอกเบี้ยตามสัญญา แม้ไม่มีการประชุมสามัญประจำปี กรรมการชุดเดิมยังคงมีอำนาจ
ข้อบังคับของบริษัทโจทก์ ข้อ 4 มีความว่า 'เมื่อมีการประชุมสามัญประจำปี'ภายหลังแต่การจดทะเบียนบริษัท ในทุก ๆ ปีต่อไปของบริษัทก็ดี ผู้ที่เป็นกรรมการต้องออกจากตำแหน่งทั้งสิ้น ...' ดังนี้ กรรมการชุดเดิมต้องออกจากตำแหน่งต่อเมื่อมีการประชุมสามัญประจำปีในทุก ๆ ปี ถ้าไม่มีการประชุมสามัญประจำปี กรรมการก็ยังคงเป็นกรรมการของบริษัทอยู่ต่อไป หลังจากตั้งกรรมการชุดเดิมแล้ว บริษัทโจทก์ไม่มีการประชุมสามัญประจำปีกรรมการบริษัทโจทก์ชุดเดิมจึงมีอำนาจลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายฟ้องจำเลยได้
ข้อที่ว่า บริษัทจำเลยเชิด ช. และ ส. ออกแสดงเป็นตัวแทนของบริษัทจำเลย ทำการกู้เงินจากบริษัทโจทก์และบริษัทจำเลยได้รับและถือเอาประโยชน์จากการกู้ยืมรายนี้ย่อมอยู่ในประเด็นว่าบริษัทจำเลยได้กู้เงินโจทก์โดย ช. และส. เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทจำเลยในสัญญากู้ยืมหรือไม่
การตั้งตัวแทนที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือต้องทำเป็นหนังสือนั้นใช้แก่กรณีที่มีสัญญาตั้งตัวแทนไม่ใช้แก่กรณีเชิดบุคคลเป็นตัวแทน
พยานโจทก์เบิกความว่า การกู้ยืมเงินรายนี้จำเลยให้ดอกเบี้ยร้อยละ2 บาทต่อเดือน ดังนี้ เป็นเพียงเสนอด้วยวาจาเบื้องต้นเท่านั้น แต่เมื่อโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญากันแน่นอน ก็คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน จึงไม่ฝ่าฝืนอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย
of 32